EP05
ทั้งสองสบตากันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเป็นของขวัญที่เป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน เธอรีบปลีกตัวเดินออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้น ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เมฆาจำตนเองได้เหตุผลที่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเองมากขนาดนี้ก็เพราะอยากให้เขาตามหาเธอไม่เจอ
"สวัสดีครับ" เมฆาเอ่ยทักทายเหล่าศิลปินชื่อดังระดับโลกพร้อมยื่นมือเข้าไปจับทักทาย หลังจากนั้นก็ถอยห่างออกมายืนแน่นิ่ง
"ลูกชายของท่านเรียนธุรกิจการบินสินะครับ จบออกมาคงเป็นนักบินที่เก่งและเท่มากอย่างแน่นอน"
"ผมเห็นด้วยครับ"
"ความฝันแกครับ อยากเรียนนักบินเลยปล่อยให้แกทำตามความต้องการของตนเองไป อนาคตของเด็กสำคัญมากให้แกเป็นคนเลือกเองจะดีกว่า" เดชาพูดด้วยรอยยิ้มราวกับภูมิใจในตัวลูกชายนักหนา แต่ความจริงแล้วเหตุผลที่เรียนนักบินก็เพราะใครบางคน
"เรียนจบเมื่อไหร่อย่าลืมชวนพวกผมมาฉลองด้วยนะครับท่าน"
"อยู่แล้วครับ" บทสนทนาภาษาอังกฤษของเหล่าผู้ใหญ่ชวนให้ครึกครื้นแต่ทว่าคนถูกกล่าวเป็นหัวข้อหลักอย่างเจฮาไม่ได้สนใจ สายตาของเขายังคงจับจ้องร่างเล็กที่กำลังทำงานอย่างคล่องแคล่วเธอดูไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัวเขาเหมือนแต่ก่อน หรือคิดว่าจะจำไม่ได้กันนะ ถึงจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหนก็จำได้อยู่ดี…
"แล้วนี่ท่านจะเป็นผู้ร่วมประมูลด้วยไหมครับ"
"แน่นอนอยู่แล้ว ผมต้องเข้าร่วมสิ" เดชาตอบอย่างแน่วแน่
"ท่านเป็นคนออกงบทั้งหมดในงานไม่ใช่หรอครับ นอกจากนี้ยังจะเข้าร่วมประมูลทำเพื่อสังคมจริงๆเลยนะครับ"
"ขออนุญาตครับท่าน เชิญไปถ่ายรูปทางนั้นหน่อยครับ นักข่าวมากันแล้ว" ในขณะที่กำลังพูดคุยกันสนุกปากเลขาคนสนิทของเดชาก็ขออนุญาตพูดแทรกเพราะนักข่าวกำลังรอกันถ่ายรูปเจ้าภาพจัดงานทั้งหมดของวันนี้
"ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ นักข่าวมากันแล้ว"
"เชิญตามสบายครับท่าน" จบบทสนทนาเดชาและเมฆาก็เดินมายังโซนแถลงข่าวและป้านเปิดงาน โดยมีดนุเลขาส่วนตัวคอยประสานงานทุกอย่างให้
ของขวัญมองนักข่าวที่รุมถ่ายรูปเมฆาและผู้เป็นพ่อแสงแฟรชแทบไม่หยุดก่อนที่พวกเขาจะยิงคำถามมากมาย เมฆายังคงนิ่งปล่อยให้ผู้เป็นพ่อตอบคำถามสัมภาษณ์ของนักข่าว เนื่องจากวันนี้เป็นงานแรกของชายหนุ่มที่ยอมมาออกงานสังคมจึงเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ อีกทั้งชื่อเสียงในมหาลัยรวมถึงโลกโซเชี่ยลทั้งในและต่างประเทศยังให้ความสนใจกับเขาเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมีฉายาให้เมฆาว่า 'เทวดายิ้มยาก'
เวลาผ่านไปราวสิบนาทีก็ถึงเวลาที่เดชาต้องขึ้นไปกล่าวเปิดงานเพื่อเริ่มงานประมูล เมฆาจึงปลีกตัวออกมาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทตนเองที่มาร่วมงานกับบิดาเช่นกัน ส่วนบิดาของพวกเขาก็ยังคงทักทายและคุยกับนักธุรกิจด้วยกันอยู่
"สีหน้าดูเบื่อโลกจังนะพ่อเทวดายิ้มยาก" คนแรกฟีฟ่าเสือผู้หญิงที่ฟาดไม่เลือกหน้า เขาคือทายาทคนเดียวของสายการบิน Wine-Ocean สถาบันการบินเอกชนที่มีมาแล้วเกือบทุกประเทศในแถบเอเชีย
"มันก็มีอยู่หน้าเดียวแบบนี้ พวกมึงยังไม่ชินอีกหรอวะ" เอ็มเจที่กำลังจิบเครื่องดื่มจรดริมฝีปากหยักถาม เขาโหดเถื่อนและบ้าคลั่ง ลูกครึ่ง ไทย-ซาอุดีอาระเบีย พ่อของเขาเป็นเศรษฐีส่งออกนํ้ามันอันดับต้นๆของโลก
"แต่กูชินแล้วว่ะ" ภาคิณบอก เจ้าของใบหน้าละมุนคือกับดัก ความจริงแล้วโรคจิตยังเป็นสองรองเขาเรื่องความหลอน เขาคือหลานของตระกูลที่ก่อตั้งมหาลัยแอสตัน และมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายจำนวนมหาศาล
"น่าเบื่อ" เสียงเรียบนิ่งสบถออกมาอย่างไร้อารมณ์ในขณะที่เพื่อนๆต่างสนุกในงาน น่าเบื่อแบบนี้เขาอยากหาอะไรทำให้หายเบื่อแล้ว…
"น่าเบื่อตรงไหนวะ สนุกจะตายสังคมหน้ากาก" เอ็มเจพูดก่อนจะหยิบคุกกี้บนชั้นขึ้นมาโยนเข้าปาก สายตากวาดมองภายในงาน มองผู้คนที่กำลังสวมหน้ากากเข้าหากัน
"สนุกกับมึงคนเดียวเถอะ"
"มึงอยากกลับไปผ่าศพแมวอยู่บ้านใส่โถสินะ ถึงได้คิดว่าตรงนี้มันน่าเบื่อหน่าย"
"แมวมันรนหาที่เอง…" ภาคิณส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนจะยกมือขึ้นขยับขาแว่นที่สวมอยู่เหมือนสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
"หม่อมยามึงรู้มีหวังจับมึงส่งแผนกจิตเวชแน่ไอ้คิน" ฟีฟ่าบอก
"ไม่ได้บ้าสักหน่อย"
"ไม่ได้บ้าแต่มึงมันโรคจิต"
"ไม่ได้โรคจิตด้วย…"
"ไอ้คุณชายมึงเถียงเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"เขาเรียกว่าความชอบส่วนตัว"
"กูสงสารแมวที่มึงเลี้ยงจริงๆ"
"กูก็สงสารผู้หญิงที่มึงฟันแล้วทิ้งเหมือนกัน"
"พวกมึงสองคนหยุดทะเลาะกันเหมือนเด็กทีเถอะ กูรำคาน" เอ็มเจห้ามเพื่อนสองคนที่กำลังต่อปากต่อคำก่อน ฟีฟ่าจึงเค้นยิ้มออกมาแล้วยักไหล่เหมือนสนุกนักหนาที่ได้ทะเลาะกับภาคิน
"แล้วนี่มึงมองใครวะไอ้เมด กูเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาในงานล่ะ" เอ็มเจถามต่อทำให้สายตาของเพื่อนจับจ้องไปที่พนักงานเสิร์ฟคนนั้นนั้นก็คือของขวัญ เธอกำลังฉีกยิ้มกว้างให้กับแขกที่ตนเองกำลังบริการ
"มันก็น่ามองอยู่หรอก สวยซะขนาดนั้น"
"สายตามึงนี้ดูไม่เก็บเลยนะ"
"เปล่าซะหน่อย…" ฟีฟ่าปฏิเสธ
"มึงรู้จักหรอ?" ภาคิณถามเมฆาที่ไม่ละสายตาจากของขวัญแม้แต่เสี้ยววินาที
"เปล่า" ตอบเพียงเท่านั้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ของขวัญเดินไปหลังงานพอดี เหมือนกับว่าเธอจะไปเข้าห้องนํ้าเพียงเท่านั้นร่างหนาก็เร่งฝีเท้าออกมาจากกลุ่มเพื่อน
"กูเชื่อเลยว่ามันไม่ได้รู้จัก" ฟีฟ่าสบถออกมาเขากำลังมองไว้อยู่แล้วแต่พอเห็นเมฆาดูสนใจเพราะงั้นเลยจะไม่ยุ่ง
ด้านของขวัญที่เดินออกมาจากงานเพื่อเข้าห้องน้ำ เธอจัดการกับตนเองเสร็จก็เดินออกมาข้างนอกแต่สายตาก็เหลือบเห็นร่างของเมฆาที่ยืนเอนผนังมือหนาล้วงถุงกางเกงทั้งสองข้าง เขากำลังมองของขวัญอยู่เธอจึงทำเป็นไม่รู้จักแล้วเดินออกมาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะคำพูดเขา
"ดูมีความสุขดีนะ"
"…" เธอเงียบแล้วเดินหนีต่อ
"คิดว่าฉันจำไม่ได้งั้นสิ?" และร่างเล็กก็หยุดนิ่งอีกครั้งพร้อมกับเสียงรองเท้าหนังที่กระทบกับพื้นย่างกรายเข้ามาใกล้มากขึ้นจนหยุดอยู่ที่ข้างหลังเธอ ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามากระซิบ
"…"
"เธอหน่ะ หนีฉันไม่พ้นหรอก"
••••
#เมฆาอย่าร้าย
ขอตบได้ไหมเมฆาข้อหาหมั่นไส้555555555