เสียงเรียกจากด้านหลังส่งผลให้จางลี่สะดุ้งสุดตัว ครั้นหันขวับกลับไปแล้วพบกับสตรีร่างบางซึ่งมีผ้าโปร่งคลุมใบหน้าอย่างมิดชิด ดวงตาของนางก็เหลือกโตอย่างตกใจ
นี่ใคร?
แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้มีมากมาย หากสตรีที่ปรากฏกายเป็นแขกแล้วได้มาเห็นเหตุการณ์ที่นางดักรอจางเหนียนอยู่ที่นี่ย่อมเป็นผลเสีย
แต่ว่า...ระเบียงทางเดินแห่งนี้มีเฉพาะผู้ที่พักอาศัยอยู่ในเขตที่สามของคฤหาสน์เท่านั้นจึงจะเดินผ่าน หรือว่า...จะเป็นคนร้าย?!
จางลี่ซึ่งเข้าใจว่าคนตรงหน้าเป็นบุคคลต้องสงสัยอ้าปากเตรียมส่งเสียงร้องเรียกหาคนมาช่วย หากก็หยุดชะงักลงทันใดเมื่ออีกฝ่ายส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“น้องหญิงสาม เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย” จางเหนียนมองสีหน้าตกตะลึงของจางลี่ก็แสร้งยกมือทาบอกราวกับประหลาดใจ “ข้าหลงคิดว่าเจ้าเป็นคนร้ายเสียอีก เกือบจะสั่งบ่าวไพร่ให้มาจับตัวเจ้าไปไต่สวนเสียแล้ว”
ชิวชิวซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังเลิกคิ้วข้างหนึ่ง คุณหนูรองเห็นคุณหนูสามอยู่ก่อนแล้วแท้ๆ แต่กลับแสดงท่าทางราวกับไม่รู้ไม่เห็นมาก่อน
ด้านจางลี่สับสนจนพูดไม่ออก ที่ผ่านมาจางเหนียนไม่เคยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้
“หืม? เจ้าเป็นอะไรไป” พี่สาวต่างมารดาถามย้ำเมื่อเห็นจางลี่ทำตัวราวกับยังหาเสียงตนเองไม่เจอ
“พะ...พี่หญิงรอง” นางกล่าวเสียงสั่น พยายามรักษาสีหน้าแต่ก็ไร้ผล นางสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายผิดปกติ ไม่เห็นเหมือนกับสตรีแสนทึ่มที่ตนคุ้นเคย
“เจ้ามายืนทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตรงนี้หรือ” ผู้ที่ซุกซ่อนใบหน้าไว้หลังผ้าโปร่งเอียงคอถาม
จางลี่กลอกตาไปมาอย่างล่อกแล่ก “ขะ...ข้า...”
“หืม” จางเหนียนยกยิ้มมุมปากพร้อมกับขยับตัวเข้าใกล้ กลิ่นอายคุกคามที่แผ่ออกมาส่งผลให้จางลี่ก้าวเท้าถอยหลังตามสัญชาตญาณ
“น้องหญิงสาม สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย หรือว่า...” จางเหนียนเดินสาวเท้าเข้าหาราวกับไม่รับรู้ถึงสีหน้าหวาดระแวงของน้องสาวต่างมารดา “เจ้ามาที่นี่เพื่อดักเจอข้า”
“ไม่! ไม่ใช่!” จางลี่ปฏิเสธเสียงสูงราวกับร้อนตัว “พี่หญิงรองเข้าใจผิดแล้ว มันเป็นแค่ความบังเอิญต่างหาก!”
แม้มารดาของจางลี่จะเป็นฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาก่อนแม่ของนาง แต่เนื่องจากจางลี่เกิดทีหลัง นางจึงต้องเรียกสตรีที่เกิดจากฮูหยินสามว่าพี่
สำหรับจางเหมย บุตรสาวคนโตของสกุลจางนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมารดาของนางคือฮูหยินสี่
ลำดับการเรียกขานในคฤหาสน์แห่งนี้ชวนให้รู้สึกมึนงงสับสนเป็นอย่างยิ่ง แต่ผู้ที่ใช้ชีวิตมาแบบนี้ล้วนชินกับมันไปแล้ว
“ความบังเอิญ?” จางเหนียนหัวเราะ พอนางก้าวขา จางลี่ก็ขยับตัวถอยหลังไปพร้อมๆ กัน เดินถอยๆ กันอยู่เช่นนั้น โดยที่คนอายุน้อยกว่าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่านางกำลังถูกอีกฝ่ายชักนำไปยังเสาที่อยู่ตรงข้ามกับจุดที่นางยืนอยู่
“เอ๊ะ! น้องหญิงสาม นั่นมันสาวใช้ของเจ้ามิใช่หรือ”
“...”
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเด็กสาววัยสิบสี่ มุมปากได้รูปของจางเหนียนโค้งขึ้น นางเร่งสาวเท้าเข้าหาจางลี่พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง “อย่าบอกนะว่า เจ้าตั้งใจให้สาวใช้เดินถือถาดน้ำชามาชนข้าแล้วแสร้งทำว่ามันเป็นอุบัติเหตุ!”
คนตรงหน้านางราวกับไม่ใช่จางเหนียน ไม่ใช่จางเหนียนที่นางรู้จัก!
“ไม่!!” จางลี่ตะโกนกลับพร้อมกับหลับตาปี๋ หมุนกายหันหลังราวกับจะเดินหนีไปให้พ้น
แต่เนื่องจากคุณหนูสามแห่งสกุลจางกำลังหลับตา ด้วยเหตุนี้จึงไม่เห็นว่าสาวใช้ของตนเองกำลังยืนถือถาดน้ำชารออยู่ด้านหลัง ทันทีที่นางหมุนตัวกลับไป ไหล่บางก็กระแทกเข้ากับกาน้ำชาบนถาดที่อีกฝ่ายถืออยู่พอดี
“ว้าย!!”
ความร้อนทำให้จางลี่ร้องลั่น สะบัดมือปัดกาน้ำชาไปให้พ้นตัวตามสัญชาตญาณ
เพล้ง!
เศษกระเบื้องที่แตกกระจายส่งผลให้น้ำสีน้ำตาลเข้มสาดกระเซ็นไปทั่ว โดนตัวจางลี่กับสาวใช้ซึ่งยืนอยู่ใกล้สุดเข้าเต็มๆ
นับว่ายังโชคดีที่อุณหภูมิของน้ำชาไม่ได้ร้อนจัด มิเช่นนั้นขาของจางลี่คงถูกลวกจนกลายเป็นแผลเป็น ย่อมส่งผลต่อการแต่งงานออกเรือนในภายภาคหน้า
“ตายแล้ว! คุณหนู!”
สาวใช้ของจางลี่รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา พยายามจะเช็ดคราบเปื้อนออกจากชุดตัวสวยซึ่งตัดเย็บมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทว่ายิ่งทำเช่นนั้นก็รังแต่จะทำให้รอยเปื้อนขยายกว้างขึ้น จนชุดสีสวยที่ควรเชิดหน้าชูตาในงานเลี้ยงมีคราบเป็นดวงๆ ราวกับผ้าขี้ริ้วที่ใช้ในครัว
จางเหนียนยกยิ้มมุมปาก ทว่าชิวชิวนั้นยังอ่อนหัดนัก กลั้นหัวเราะเสียจนไหล่สั่นเทิ้ม
ก่อนหน้านี้คุณหนูรองถูกคุณหนูสามกลั่นแกล้งมานับครั้งไม่ถ้วน ในเมื่อมีโอกาสเอาคืนก็ย่อมสร้างความพึงพอใจให้แก่นางด้วย
จางเหนียนเหลือบสายตาไปทางชิวชิว ครุ่นคิดในใจว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
“พอแล้ว!”
เสียงตะโกนลั่นของจางลี่ดึงดูดสายตาของหญิงสาวกลับมาเบื้องหน้า จางลี่ยกขาถีบสาวใช้ของตนอย่างหัวเสีย จากนั้นก็ถลึงตาจ้องนางอย่างโกรธแค้น
“จางเหนียน! เจ้า...! เจ้าตั้งใจ!”
หญิงสาวสบนัยน์ตาสีเข้มของจางลี่แล้วยกมือแตะอก ”น้องหญิงสาม เหตุใดจึงได้พูดจาน่ากลัวเช่นนั้น สาวใช้ที่ถือน้ำชาเป็นคนของเจ้า อีกทั้งเจ้ายังเดินไปชนเอง เรื่องทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เจ้ามากล่าวหาข้าเช่นนี้...ข้า...ข้าเสียใจเหลือเกิน”
น้ำเสียงสั่นเครือที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าผืนโปร่ง ส่งผลให้ผู้ฟังโมโหกว่าเดิม ดวงหน้างามปลายคางแหลมซึ่งถอดแบบมาจากมารดาแดงจัด กายเล็กสั่นพร่าประหนึ่งจับไข้
“ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือ! เจ้า...เจ้านี่มัน...!”
ในระหว่างนั้นมีสาวใช้สองคนเดินผ่านทางมาพอดี ครั้นมองเห็นไกลๆ ว่ามีเสียงดังโวยวายมาจากจุดที่จางเหนียนกับจางลี่ยืนอยู่ พวกนางก็หันมามองหน้ากัน
บ่าวไพร่ในตระกูลจางต่างทราบกันดีว่าคุณหนูรองกับคุณหนูสามนั้นไม่ถูกกัน ทว่าวันนี้มีงานเลี้ยงใหญ่ หากปล่อยให้ทะเลาะกันเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดี
“เรารีบไปตามฮูหยินรองกับฮูหยินสามมาดีกว่า” สาวใช้คนแรกออกความเห็น
“แต่ว่า...ฮูหยินทั้งสองรับแขกอยู่ในเรือนใหญ่”
“วันนี้คุณหนูรองเป็นตัวเอกของงาน หากปล่อยให้นางมีสภาพยับเยินไปถึงงานเลี้ยงจะไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่รึ!” นางถลึงตาใส่เพื่อนร่วมงานที่อายุน้อยกว่า “หากนายท่านทราบว่าพวกเราเห็นคุณหนูทั้งสองทะเลาะกันแล้วไม่เข้าไปห้าม พวกเราอาจจะถูกไล่ออกก็ได้”
“แต่ว่า...หากเข้าไป ข้าก็กลัวจะถูกตบตี คุณหนูสามฝีมือร้ายกาจมาก ข้าเคยถูกนางตบหน้ามาแล้ว” อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เฮ้อ! ข้าถึงได้บอกว่าให้ไปตามฮูหยินทั้งสองอย่างไรเล่า ข้าเองก็ไม่อยากเจ็บตัวเหมือนกัน”
“ได้! เช่นนั้นเรารีบไปกัน!”
สาวใช้ทั้งสองปรึกษากันเสร็จก็รีบหันหลังวิ่งกลับไปยังเรือนใหญ่
จางเหนียนหรี่ตามองเงาร่างทั้งสองที่เร่งรุดจากไป
คาดว่าอีกไม่นาน จ้าวชวนกับซีเซี่ยคงจะมาถึง
วันนี้ทั้งจ้าวชวนกับซีเซี่ยต่างคาดหวังจะให้บุตรสาวมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นตัวเป็นตน ทว่าจางเหนียนจำได้แม่นยำว่าก่อนที่นางจะย้อนเวลากลับมา หลังสิ้นสุดงานปักปิ่น เหล่าแม่สื่อที่จะมาต่อแถวหน้าประตูคฤหาสน์สกุลจางต่างมาเพื่อทาบทามสู่ขอคุณหนูใหญ่ต่างหาก
จางเหนียนคิดพลางก้าวถอยหลังออกมาให้ห่างจากจางลี่ที่ทำทีจะอาละวาดราวกับหมาบ้า นางตั้งใจจะเปิดตัวในงานเป็นอย่างดี ดังนั้นจะปล่อยให้จางลี่มาทำพังไม่ได้เป็นอันขาด
“ชิวชิว เจ้ารีบไปหาชุดมาเปลี่ยนให้คุณหนูสามเร็วเข้า” นางหันไปพูดกับสาวใช้คนสนิท
ชิวชิวสบตาผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนู ชุดที่เรือนคุณหนูสามมีตั้งมากมาย เหตุใดจึงต้องเอาชุดของท่านด้วยเล่าเจ้าคะ”
“เรือนของน้องหญิงสามอยู่ไกลกว่าเรือนของข้า น้องหญิงสามตื่นเฝ้ารองานวันนี้มาก หากกลับไปเปลี่ยนชุดที่เรือนแล้วกลับออกมาใหม่จะยิ่งเสียเวลา” จางเหนียนกล่าวเสียงดุ
จางลี่งุนงงเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีนางเข้าใจว่าจางเหนียนเจตนาทำให้นางตัวเปื้อน แล้วเหตุไฉนจู่ๆ จึงได้มาเสนอตัวช่วยเหลือกันอย่างมีน้ำใจขึ้นมา
“ทว่าคุณหนู...” ชิวชิวเองก็สับสนไม่แพ้กัน
จางเหนียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วหันหน้าไปทางจางลี่ที่ยืนอึ้งอยู่ “น้องหญิงสาม ข้ามีชุดใหม่เพิ่งสั่งตัดมาพอดี ถึงสีจะไม่ใช่แบบเดียวกับที่เจ้าชอบ แต่ข้าคิดว่ามันคงเหมาะกับเจ้ามาก”
สีหน้าของจางลี่เปลี่ยนไปมา จางเหนียนสั่งให้ชิวชิวรีบวิ่งไปเอาชุดเรียบร้อยก็ค่อยหันไปยังสาวใช้ของน้องสาวซึ่งคุกเข่าตัวสั่น หากจำไม่ผิด นางมีนามว่าเสี่ยวซวง
“เจ้าเองก็รีบกลับไปเปลี่ยนชุดแล้วเรียกสาวใช้คนอื่นมาดูแลคุณหนูสามแทน”
การเอ่ยปากออกคำสั่งกับบ่าวของเรือนอื่นอย่างไม่มีทีท่าเคอะเขิน ส่งผลให้เสี่ยวซวงลอบกลืนน้ำลายแล้วหันไปสบตาจางลี่
คุณหนูสามแห่งสกุลจางสะบัดหน้าหนีอย่างรำคาญ “รีบไสหัวไปให้พ้น!”
“เหนียนเหนียน!”
เสียงทุ้มห้าวที่ทำให้ผู้ฟังคิดถึงจับใจส่งผลให้จางเหนียนคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
มันคือเสียงของจางอวี้ พี่ชายคนโตของนาง
“พี่ชายใหญ่!” สตรีร่างบางหันหน้าไปทางชายหนุ่มร่างสูงซึ่งเดินผ่านระเบียงทางเดินมุ่งหน้ามาหา พี่ชายของนางปีนี้อายุสิบเก้า ความหล่อเหลาติดอันดับหนึ่งในห้าของเมืองหลวง อีกทั้งวันนี้เขายังแต่งกายด้วยชุดสีเงินและขาว ขับผิวพรรณผ่องใสให้โดดเด่น
พี่ชายที่แสนอ่อนโยนของนางในยามนี้ยังมีความสุขดี เนื่องจากเขายังไม่ได้พบกับว่าที่พี่สะใภ้ในอีกสองเดือนข้างหน้า
ทว่าทันทีที่เห็นว่ามีบุรุษในชุดสีเทาและดำเดินตามหลังจางอวี้มาด้วย คุณหนูทั้งสองต่างก็พากันชะงักอย่างเหนือความคาดหมาย
หลี่เหอกับหลี่เฉิงถิง... เหตุใดพวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่!