คัทตัดรัก #3
:: งานศิลปะที่ไม่ใช่ศิลปะ ::
:: CUT TALK ::
ผมจับจ้องคนตรงหน้าที่ออกอาการตื่นๆ โดยไม่รู้เลยว่าถูกแสดงออกมาทางใบหน้าสวยหวานของเธอ มันเป็นเรื่องตลกก็ว่าได้ที่ผมกับเธอเราจะเจอกันในฐานะจิตรกรกับนางแบบเปลือย แต่ตลกยิ่งกว่าคือผมกลายเป็นอาจารย์ของเธอในเวลาต่อมาโดยที่ตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์เดจาวู ‘น้ำขิง’ ชื่อของเธอที่ทำให้ผมได้รู้จัก ไม่เช่นนั้นผมคงเรียกเธอแค่นางฟ้าเท่านั้น
“เร็ว” เค้นเสียงดุคนตัวเล็กก็วางกระเป๋าสะพายลงบนเก้าอี้ ก่อนจะดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากกระโปรงพีชยาวเกือบถึงตาตุ่ม สองมือสั่นเทากำลังปลดกระดุมออกอย่างช้าๆ ผมได้แต่มองการกระทำของเธอ แม้จะตีหน้านิ่งแต่ทว่าใจกับเต้นแรงเมื่อเห็นทรวงอกขาวนวลดันล้นออกจากบราเซียสีดำ
“คะ คืออาจารย์...”
“นอกเวลาเรียนฉันไม่ใช่อาจารย์”
“คุณคัทคือฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ?” ดวงตากลมโตแลดูอ้อนวอนผมอย่างมาก ไหนจะริมฝีปากแดงชมพูที่กัดเข้าหากันเมื่อสองมือยังคงปลดกระดุมลงเรื่อยๆ
“เราตกลงกันแล้ว” ผมกอดอกมองเธอที่ยังคงเอาเสื้อปิดบังทรวงอกตัวเองอยู่ “ฉันไม่ชอบเสียเวลา”
“...”
“ฉันเลือกเธอเป็นแบบแล้วน้ำขิง” เธอมองสบตากับผม สีหน้าแววตาดูร้อนรนยังไงชอบกล ไหนตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะเป็นแบบเปลือยให้กับผม “หรือจริงๆ แล้วเธอไม่ต้องการงานนี้?”
“เปล่าค่ะ แต่ฉัน...” ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร สีหน้าดูผิดหวังก่อนจะค่อยๆ แยกสาบเสื้อของตัวเองออก
“ถอดแค่เสื้อนักศึกษากับกระโปรงพอ” ด้วยความหงุดหงิดจึงสั่งไปแบบนั้น ดูเหมือนน้ำขิงจะมีสีหน้าดีขึ้นเธอ “ตอนนั้นที่ให้ถอด ทำไมถอดได้”
น้ำขิงชะงักมือที่กำลังปลดกระโปรงลง สบตากับผมพลางเบือนหน้าหนี “ก็ตอนนั้น... ฉันไม่ได้แก้ผ้าต่อหน้าคุณ”
“สุดท้ายจะต่อหน้าหรือไม่ เธอก็ต้องมาเปลือยให้ฉันวาดรูปอยู่ดี”
เธอก้มหน้าลงผมเห็นมือเล็กบอบบางที่กำลังสั่นเทาอยู่ แม้จะให้ถอดเพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้นแต่เธอก็ยังคงรู้สึกปะหม่าอยู่ดี จนผมถอนหายใจและวางดินสอลงกับโต๊ะ “พอ”
“คะ?” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเมื่อผมสั่งให้หยุด
“สวมเสื้อผ้าซะ” บอกพลางยกมือไล่กลายๆ จนน้ำขิงทำหน้าไม่เข้าใจ “เธอกลับบ้านไป”
“คุณคัท คือฉัน... ฉันพร้อมถอดก็ได้ แต่อย่าไล่ฉันกลับเลยนะคะ”
“ไม่มีแต่” ผมไม่พูดอะไรต่อจึงเดินออกจากห้องไปหยุดตรงทางเข้าบ้าน รอสักพักร่างของน้ำขิงก็ออกมาพร้อมสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “ฉันไม่ชอบคนที่ไม่พร้อมจะทำงาน”
“คุณคัท ฉันขอโทษนะคะ แต่ว่ารับฉันเถอะนะคะ สัญญาค่ะว่าจะทำตามที่บอกทุกอย่าง” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินต้อนเธอให้พ้นจากตัวบ้าน และผมก็ดึงประตูทั้งสองข้างเพื่อที่จะปิดเข้าหากัน จึงได้เห็นสายตาอ้อนวอนของน้ำขิงที่ยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน
“ประตูรั้วอยู่ทางนั้น” พยักหน้าไปยังประตูรั้ว “เชิญ”
“คุณ...”
ปัง!
เช้านี้ผมมานั่งจิบกาแฟที่ร้านของไอ้โจ้เพื่อรอคุยกับเหมยน้องสาวของมัน เมื่อคืนดูเหมือนน้ำขิงจะพยายามติดต่อผม แต่ทว่าผมกลับไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าจะหานางแบบเปลือยคนใหม่ให้ทันก่อนงานนิทรรศการที่จะเปิด เวลามันก็จะเลื่อนเข้ามาเร็วขึ้น ผมเสียดายนะเพราะน้ำขิงตรงสเปกผมทุกอย่าง เธอมีความสมบูรณ์แบบมากๆ เพียงแค่เห็นร่างกายเธอน้อยนิด และคิดว่าถ้าเห็นทั้งหมดคงจะเพอร์เฟกไม่น้อย
แต่นั่นแหละ... ผมไม่ชอบคนที่ไม่พร้อมทำงาน มันน่ารำคาญถ้าหากเธออายไม่กล้าแก้ผ้า แล้วทำไมถึงอยากมาเป็นแบบเปลือยให้ผมวาดกันล่ะ
“มึงใจร้อน” ไอ้โจ้วางจานคุกกี้ลงตรงหน้าผม ขณะเงยหน้าจากจอแท็บ “น้ำขิงไม่ดีตรงไหน”
“ดี” ตอบออกไปพลางกัดคุกกี้อัลมอนต์เข้าปาก “แต่ลีลา ไม่ชอบ”
“มึงก็ให้เวลาน้องเขาหน่อยดิ จู่ๆ ไปบอกให้เขาแก้ผ้า ผู้หญิงนะเว้ย”
“คนก่อนๆ ก็แก้ให้ดูตอนบอก”
“นั่นเขาพร้อมไง แต่น้ำขิงอาจจะไม่พร้อมมึงน่าจะให้เวลา” ไอ้โจ้เท้าคางมองผมที่ส่ายหน้าและค้นหานางแบบที่จะมาเป็นแบบคนใหม่ กระทั่งประตูร้านเปิดขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่นั่งเคียงข้างพี่ชายตัวเอง
“พี่คัท ไม่ให้เพื่อนเหมยทำงานแล้วเหรอ?”
“อือ” พยักหน้าโดยไม่มองสบตากับเหมยเพราะกำลังมองหาคนที่ดูเข้าตาจึงกดติดต่อไปทางไลน์ให้มาดูเรือนร่าง “เพื่อนเธอเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะรับงานนี้ คงไม่เหมาะ”
“แต่น้ำขิงอยากได้งานนี้นะคะ” เหมยกระแทกเสียงจนผมมองสบตากับเธอ เป็นครั้งแรกก็ได้ที่เห็นเหมยแสดงสีหน้าแบบนี้ ปกติคงไม่ต่างอะไรจากผมกับไอ้โจ้ “พี่คัทให้เวลาน้ำขิงหน่อยได้ไหม?”
“ไม่” ตอบออกไปชัดเจน “พี่ไม่ชอบคนลีลา งานพี่จะเสียไปกว่านี้ไม่ได้”
“...”
“ฝากไปบอกเพื่อนด้วยว่าไม่ต้องมาแล้ว พี่กำลังเลือกคนใหม่อยู่” ไม่รู้หรอกนะว่าเหมยจะออกอาการยังไงบ้าง แต่รับรู้ว่าเธอเดินกระแทกเท้าออกจากร้านไป ผมจึงผละใบหน้าจากแท็บมองสบตากับไอ้โจ้ที่กำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่
“ทำไมมึงไม่เปลี่ยนคอนเซปดูล่ะ” ขมวดคิ้วกับคำพูดของไอ้โจ้ “นิทรรศการรอบที่แล้ว มึงก็เอาภาพเปลือยผู้หญิงกับผู้ชายเป็นภาพหลักของงาน มึงคิดว่าคนมาดูจะไม่เบื่อเหรอ?”
ผมคิดตามคำพูดของไอ้โจ้ มันก็จริงที่ว่างานที่แล้วผมก็ใช้ภาพหญิงชายเปลือยกายในชุด ‘The relationship’ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของชายหญิงที่นอนกอดก่ายกัน และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแบบเพียงมองตาก็รู้ใจ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการร่างกาย ภาพนั้นเป็นภาพหลักที่ทำให้ทุกคนสนใจในตัวภาพที่ผมลงทุนใช้สีไม้ระบาย บรรยายจนออกมาดีและถูกประมูลไปในราคาที่สูงพอควร
“ศิลปะไม่มีวันเบื่อ”
“มึงไม่เบื่อ แต่คนมาดูเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบมึงไง” ไอ้โจ้ถอนหายใจก่อนจะหยิบแท็บไปจากมือผมและเสิร์ชหาภาพอะไรสักอย่าง เมื่อได้ตามที่ต้องการจึงโชว์ให้ผมดู “โมนาลิซ่า หญิงสาวที่ถูกวาดขึ้นแต่ได้รับความนิยมทั่วโลกโดยไม่ต้องเปลือยกายด้วยซ้ำ”
“อะไร?” แล้วเกี่ยวอะไรกับโมนาลิซ่า ผมก็ยังไม่เข้าใจคำพูดของไอ้โจ้อยู่ดี
“กูกำลังบอกให้มึงเปลี่ยนคอนเซปจากวาดภาพเปลือยเป็นวาดภาพผู้หญิงธรรมดาๆ ไง”
“...”
“มึงยังไม่เคยวาดภาพผู้หญิงที่อยู่ในชุดปกติปะ เนี่ยกูกำลังบอกว่าอย่างโมนาลิซ่าที่ไม่เปลือย ทำไมคนถึงอยากจะไปดู อยากจะไปชื่นชมความงาม” มันเลื่อนแท็บมาตรงหน้าผมและเอียงคอมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง