“คะ” เธอขมวดคิ้วและดึงผ้าแพรสีขาวคลุมตัว “ทำ? หมายถึง...”
“ใช่” ราวกับไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด เธอก็เบิกตากว้างและมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรกับร่างกายหรือใบหน้าตัวเองค่ะ” ตะคอกจนผมยืนเท้าเอวจับจ้องคนตัวเล็กที่ลงจากโต๊ะมายืนตรงหน้า ยิ่งใกล้... ยิ่งสวย ไร้ที่ติจริงๆ “ทุกอย่างบนร่างกายฉัน มันธรรมชาติทุกอย่าง”
“...”
“จะไม่ให้ผ่านก็ไม่เห็นจะต้องมาถามกันแบบนี้เลย” ว่าจบก็เดินสวนผมไป
“เดี๋ยว” เรียกรั้งเธอไว้ก่อนจะเดินไปหยิบนามบัตรของตัวเองมายื่นให้ ใบหน้าสวยที่อยู่ในระดับหน้าอกผมเงยสบตาแต่ก็รับนามบัตรผมไปถือไว้
“คัท คิรบดินทร์ โรจน์รุ่งเกรียงไกร”
“ถ้าพร้อมตอนไหนโทรหาฉัน”
“แสดงว่าฉัน...” เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง “ผ่านเหรอคะ?”
“อือ”
“ขอบคุณนะคะคุณคัท” เธอดีใจจนเนื้อเต้น แต่ผมก็มีเรื่องสงสัยหลายอย่างเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงยอมมาเป็นนางแบบเปลือยให้ผมวาด สิ่งที่เหมยพูดก็แปลกๆ รูปร่าง ใบหน้า ผิวพรรณเธอดูเป็นลูกคุณหนูด้วยซ้ำ ไม่น่าจะเดือดร้อนเรื่องเงินอะไรขนาดนั้น
ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด... ผู้หญิงคนนี้ดึงดูดผมมากซะจนไปไม่เป็นเลย
“อาจาย์คิดว่าผมเหมาะสมเหรอครับ?”
“เหมาะสิ คิดว่าช่วยๆ อาจารย์หน่อยแล้วกัน ตอนนี้อาจารย์จรัญญาลาคลอดและพักฟื้น อีกอย่างอาจารย์ก็เสนอชื่อศิษย์เก่าอย่างคัทไป ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ก็ลงความเห็นว่าคัทน่ะเหมาะสม”
“ผมไม่เคยสอนนักศึกษาปีสี่มาก่อนนะครับ มัน...”
“คัทน่ะประสบความสำเร็จมากๆ เลยนะทั้งเปิดคลาสสอนวาดภาพ ไหนจะเปิดนิทรรศการ คนใหญ่คนโตจ้างวาดภาพอีก ผลงานของคัทไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยก็ช่วยมาถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้รุ่นน้องหน่อยแล้วกัน”
“...”
“อาจารย์มั่นใจว่าคัทจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนที่ดีได้ เอาน่ามีเงินเดือนให้นะ”
“ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอกครับ ให้สอนฟรีผมก็ทำให้ได้ แต่ที่ผมกังวลคือผมเหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์ฝึกสอนหรือเปล่าก็เท่านั้น”
“เหมาะสิ อาจารย์ในคณะเรามั่นใจว่าคัททำได้” ผมมองสบตากับอาจารย์ที่ปรึกษาคืออาจารย์พงษ์เทพในคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาจิตรกรรมที่ผมเคยจบมาจากที่นี่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีอาจารย์สอนวาดภาพต้องลาไปคลอดลูกจึงหาอาจารย์ที่จะมาสอนแทนไม่ได้ อาจารย์พงษ์เทพเล็งเห็นว่าผมเหมาะสมทุกอย่างจึงได้ติดต่อให้มามหาวิทยาลัยเพื่อพูดคุยเรื่องการเป็นอาจารย์ฝึกสอนชั่วคราวจนกว่าอาจารย์จรัญญาจะกลับมา ผมคิดว่าตัวเองจะทำหน้าที่นี้ได้ดีในฐานะอาจารย์สอนวาดรูป เพราะทักษะของผมไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เมื่อได้รับความไว้วางใจจึงยกมือไหว้อาจารย์พลางคลี่ยิ้มให้นิดหน่อย
“ผมตกลงก็ได้ครับ แต่แค่เทอมเดียวใช่ไหมครับ?”
“ก็คงแบบนั้น ถ้าอาจารย์จรัญญาพร้อมมาสอนนะ” เหมือนเอาตัวเองมาติดบ่วงในรั้วมหาลัยอีกครั้ง ความจริงผมชอบความสันโดษมากกว่าการมาสอนที่มหาลัย มันวุ่นวายและไหนจะต้องรับมือกับนักศึกษาสาวต่างคณะอีกล่ะ ในคณะผมมั่นใจว่ารุ่นน้องผมไม่มีเรื่องแบบนี้แน่ เพราะมาสายนี้ไม่ทุกคนที่จะติสท์แตกและแบบสายไม่สนใจเลยก็มี
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเตรียมตัว”
“อาทิตย์หน้ามหาลัยก็เปิดแล้ว หวังว่าคัทจะทำหน้าที่นี้ได้ดีนะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากคณะตัวเองไปยังรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ หันไปมองป้ายชื่อคณะก็ถอนหายใจออกมาพลางยกมือเสยผมขึ้นไป
“ดีกว่าอยู่ว่างๆ แล้วกัน”
คิดแบบนี้คือปลอบใจตัวเองชัดๆ เลยคัท... ความเกรงใจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้จะต้องเสียโลกของตัวเองไปส่วนหนึ่งแต่ก็คิดในแง่ดีคือได้ถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้รุ่นต่อไปก็แล้วกัน