Uncut :: INTRO [30%]

1557 คำ
Uncut ตัดรัก INTRO ‘เราเลิกกันเถอะ’ ‘ทำไม?’ ‘ยังจะถามอีกเหรอว่าเพราะอะไร... กลับไปคิดทบทวนดีๆ นะคัท ว่าที่ผ่านมาเคยเชื่อใจนินหรือเปล่า’ ‘...’ ‘ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกนะกับคำถามที่ว่าเธอนอนกับคนอื่นใช่ไหม? แล้วถ้านินถามคัทกลับบ้างล่ะ จะรู้สึกยังไง’ ‘คัทไม่เคยทำแบบนั้น’ ‘ใช่ คัทไม่เคยทำ แล้วคัทถามนินแบบนั้นทำไม’ ‘...’ ‘นินรักคัท แต่นินจะไม่ทนให้คำพูดแย่ๆ ของคัทมาดูถูกนินเด็ดขาด ตลอดเวลาที่คบกันมา นินไม่เคยนอกใจคัท’ ‘ก็ตอบมาแค่นี้ ทำไมจะต้องเลิก’ ‘ไม่ใช่แค่นี้คัท นินอยากให้คัททบทวนในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้โดยเฉพาะคำพูดที่ตรงไปตรงมา’ ‘นิน’ ‘ลาก่อน’ ติ๊ดๆ เฮือก! ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาหัวเตียงปลุกในเวลาที่กำหนดเอาไว้ ร่างกายชาเหน็บไปทั้งตัว เหงื่อไหลท่วมกายจนต้องค่อยๆ ลุกขึ้นยันตัวเองจากเตียงนอน นิ้วมือทั้งห้าสางเส้นผมสีดำสนิทขึ้นไป ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูหัวเตียงพาดไหล่ตรงไปยังห้องน้ำ จับจ้องใบหน้าตัวเองภายใต้กระจกเงาใหญ่ ดวงตาคมตวัดเฉียงตามกรอบเรียวหน้า ทรงผมไถข้างตามแฟชั่นแต่ไม่ได้ไถออกไปมากจนน่าเกลียด สองมือรองน้ำจากก๊อกที่เปิดขึ้นก่อนจะหวักสาดเข้าที่ใบหน้าหลายต่อหลายครั้งจนรู้สึกดีขึ้น “ฝันแบบนี้อีกแล้ว” พึมพำออกมากับเหตุการณ์ความฝันที่ผ่านมานานนับหลายปี แต่ทว่าผมกลับไม่เคยที่จะลืมมันได้เลยสักนิด กลับตอกย้ำให้จดจำใบหน้าสวยที่ไร้ความรู้สึก น้ำตาของเธอที่ไหลอาบแก้มยามที่บอกเลิกรากันในวันที่ผมไม่รู้ตัว มันช็อคและคิดอะไรไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรลงไปกับเธอบ้าง จนเธอจากผมไปและทิ้งผมไว้กับความโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง เมื่อให้น้ำชำระร่างกายจนเย็นทั้งตัวและหัวใจ ผมจึงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ ทรงกระบอกเดินลงบันไดบ้านเพื่อตรงไปยังห้องศิลปะของตัวเอง “ตื่นแล้วเหรอคะคุณคัท?” แม่บ้านที่ผมจ้างแบบไปกลับถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะกำลังถูพื้นบ้านอยู่ “ครับ” “ถ้างั้นป้าจะไปทำข้าวต้มกุ้งให้นะคะ รอสักครู่ค่ะ” พยักหน้ารับจึงเดินเลี่ยงไปยังห้องดังกล่าว ผมปลีกตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่มีพ่อกับแม่อยู่ เพื่อจะได้รับอิสระมากขึ้นด้วยการมาอยู่บ้านหลังเล็กสองชั้นซึ่งพื้นที่แถวนี้สงบเหมาะกับจิตรกรติสท์แตกอย่างผมก็ว่าได้ ผมไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะ ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร ชอบที่จะอยู่กับบ้านเพราะเป็นเซฟโซนที่ดี โดยเฉพาะการได้วาดภาพ ผมชอบกลิ่นกระดาษ กลิ่นสี และกลิ่นของชาหอมๆ เวลาได้ทำงานที่ตัวเองชอบพร้อมด้วยการเปิดเพลงคลอเบาๆ กระดาษสีขาวตรงหน้าว่างเปล่าเหมือนกับจิตใจของผมที่กำลังว้าวุ่นกับความฝันที่ทำร้ายผมมานานนับหลายปี พลางกวาดสายตามองไปยังถ้วยรางวัลและโล่มากมายวางเรียงกันบนชั้นที่แทบจะไม่มีที่วางบนนั้นสลักชื่อของ ‘คิรบดินทร์ โรจน์รุ่งเกรียงไกร’ จิตรกรอิสระผู้มากฝีมืออายุเพียงยี่สิบหกปีแต่ทว่ากลับประสบความสำเร็จในการวาดภาพและการเป็นจิตรกรอิสระที่เปิดนิทรรศการของตัวเองได้อย่างน้อยปีละสองครั้ง และล่าสุดผมเพิ่งเปิดนิทรรศการของตัวเองไปรวบรวมงานทั้งหมดและของนักเรียนที่ผมเปิดคลาสสอนพิเศษเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความสามารถของตัวเองให้คนที่ชื่นชอบในศิลปะได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของตัวเองออกมา เพียงแค่ไม่กี่นาทีกระดาษขาวตรงหน้ากลับมีสีสันมากมายกระจัดกระจายอยู่ แม้จะเป็นการปาดสีที่ดูมั่วในสายตาคนอื่น แต่สำหรับจิตรกรแล้วมันคือการดึงความรู้สึกที่ก่อขึ้นออกมาลงในกระดาษทั้งหมด สีที่ใช้เป็นสีน้ำเงินและขาวปะปนกันจนกลายเป็นท้องฟ้าแต่ทว่ากลับมีความมืดมนซ่อนอยู่ “นิน คัทขอโทษ” อยากจะพูดคำนี้ให้เธอได้ฟัง แต่มันกลับสายไปแล้วทุกอย่าง หลายปีที่ผ่านมาผมพยายามลืมเรื่องราวของนินออกไปจากหัวสมอง แต่มันกลับไม่มีวันนั้นเลยที่จะลืมเธอไปได้ เราสองคนคบหากันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยคบหากันมานานสี่ปี จนถึงวันที่ผมเริ่มหมกตัวอยู่กับศิลปะ กลายเป็นคนที่เข้าสังคมยากขึ้น พูดน้อย รักความเป็นส่วนตัวจนลืมใส่ใจเธอ สำคัญเลยคือคำพูดของผมที่ทำให้เธอเจ็บปวดจนต้องเลิกรากันไป ทุกวันนี้ผมไม่สามารถหยุดความคิดของตัวเองได้ มักจะคิดและพูดในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจ แต่ไม่เคยรู้ว่ามันอาจจะทำให้คนที่ได้ฟังเจ็บปวดไปกับความคิดความอ่านที่ตรงไปตรงมาของผม “ทานเยอะๆ นะคะคุณคัท ช่วงนี้ป้าเห็นคุณคัทกำลังง่วนกับการหานางแบบมาวาดรูปใช่ไหมคะ?” “ครับ” ตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากและสบตากับป้าสมที่เป็นแม่บ้าน ป้าสมมาทำงานให้ผมได้หลายปีเอาจริงป้าสมไม่ค่อยวุ่นวายกับผมสักเท่าไหร่นอกซะจากพูดคุยเวลาพบเจอหรือทำงานเสร็จก็มาร่ำลาเป็นปกติ “ถ้าคุณคัทหาไม่ได้ ป้าสมยอมเปลือยกายให้คุณคัทวาดภาพดีไหมคะ?” แทบจะสำลักข้าวต้มกุ้งที่กลืนลงคอก่อนจะมองป้าสมที่ยกมือปิดปากตัวเองอย่างขำขัน “ป้าล้อเล่นน่ะค่ะ ร่างกายป้าเหี่ยวย่นไปหมดแล้ว คุณคัทคงไม่อยากวาด” “ทำไมจะไม่อยากวาดครับ” ยกน้ำขึ้นดื่มตามด้วยทิชชูเช็ดไปตามเรียวปาก “งานศิลปะของผม ไม่จำแนกว่าจะอายุมากหรือน้อย” “...” “ถ้าป้าสมสนใจ ผมยินดีครับ” เพราะผมเป็นคนคิดแบบตรงไปตรงมา บางคำอาจจะทำให้คนฟังดีหรือไม่ดีอันนี้ผมไม่รู้เลย แต่พอได้เห็นสีหน้าป้าสมที่ฉีกยิ้มกว้างก็พาให้รู้สึกดีที่คำพูดของตัวเองไม่ได้ทำร้ายใครให้เจ็บปวด “คุณคัทเป็นคนดีจริงๆ นะคะ” “ครับ?” “รักษาน้ำใจคนแก่อย่างป้าด้วย” ป้าสมยิ้มให้ผมก่อนจะเก็บถ้วยข้าวต้มตรงหน้าและจัดการทำงานบ้านต่อ ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือจึงหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์คันโปรดเพื่อขับไปหาไอ้โจ้เพื่อนสนิทอีกคนที่ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ เพื่อนคนนี้รู้จักกันตอนที่ผมเริ่มจบมหาลัยใหม่ๆ และมันเป็นคนขอซื้อภาพวาดผมในบอร์ดที่วางขายเพื่อเอาไปดึงดูดภายในร้านที่ออกแนวอาร์ตแนววินเทจ ผมกับไอ้โจ้เป็นเพื่อนกันได้เพราะนิสัยมักจะคล้ายกัน ที่คล้ายกันคือติสท์แตกและโลกส่วนตัวสูงมาก “ไงมึง” ไอ้โจ้โบกมือทักทายผมขณะกำลังง่วนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ผมจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวสูงตรงหน้ามันและมองไปรอบๆ ร้านซึ่งตอนนี้มีนักศึกษามานั่งชิลอ่านหนังสือ ดื่มกาแฟ กินเค้กกันยามเช้าก่อนจะเข้าเรียน “มาแต่เช้า” “ตื่นตั้งแต่ตีสี่” “ตื่นมาทำห่าไรวะ?” มันถามพลางเดินเอาถาดแก้วชาเขียวปั่นสองแก้วไปเสิร์ฟให้กับลูกค้าสาวที่นั่งทำตาปริบๆ ใส่ นอกจากจะติสท์แตกพอๆ กับผม ไอ้โจ้ยังมีใบหน้าหล่อคมมีเสน่ห์ สาวหลงหัวปรักหัวปรำแต่มันกลับไม่สนใจใครเพราะความเป็นคนโลกส่วนตัวสูงตัวพ่อ “ฝันไม่ดี” พูดเสร็จจึงเท้าคางมองภาพวาดตรงกำแพงที่เป็นฝีมือผม ไอ้โจ้ขอซื้อด้วยราคาที่สูงแต่สำหรับเพื่อนผมจึงให้ราคาที่เป็นกันเองแต่มันก็ไม่ยอม ผมเลยตามใจมันด้วยการเรียกค่าวาดแบบแพงหูฉีก ซึ่งมันก็ต่อว่าผมแต่ก็ซื้อมาติดที่ร้านอยู่ดี “เรื่อง?” เมื่อไม่มีลูกค้าไอ้โจ้จึงดึงเก้าอี้ทรงสูงมานั่งไขว่ห้างกอดอก “หรือจะเป็นเรื่องนิน” “อือ” พยักหน้ารับเพราะไอ้โจ้เองก็รับรู้เรื่องนี้มาตลอด และมันก็คอยอยู่ปลอบใจผมในวันที่เลิกรากับนินแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ “กลับมาฝันได้” “มึงคงฝังใจเรื่องนิน กูรู้มึงรักนินมาก” ไอ้โจ้ถอนหายใจก่อนจะชี้นิ้วมาที่ผม “แต่ปากมึงมันหมาอะ พูดอะไรออกไปตรงเกิน” “กูคิดแบบไหนก็พูดไปแบบนั้น” “แต่บางคำพูดของมึง มันทำร้ายคนอื่นไงเช่นนิน” ชักสีหน้าใส่ไอ้โจ้ที่ยักไหล่ไหว “หรือไม่จริง มีอย่างที่ไหนไปถามแฟนตัวเองแบบนั้น ทั้งที่มึงไม่มีเวลาให้เขาด้วยซ้ำ ยังเสือกระแวง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม