บทที่ 11

1522 คำ
เขานั่งลงตรงขอบปูนที่อยู่สูงเหนือพื้นขึ้นมาเล็กน้อย และเธอก็ยอมนั่งลงตามเขาบ้าง แต่ก็ห่างออกมาเป็นวา ตรีศูลชั่งใจ เพราะเวลานี้เหมาะที่เขาจะพูดบางเรื่องที่สุดแล้ว พูดโดยที่ไม่ต้องเสียหน้ามาก เพราะตรงนี้ไม่มีใคร ก็แค่เขากับนารถลักษณ์สองคน “ขอบใจมากนะ” “คะ ?” “ฉันเห็นรายงานตัวเลขที่เธอเอามาวางไว้ที่โต๊ะแล้ว ขอบใจที่ช่วยรักษาผลประโยชน์ของบริษัท” ถ้านารถลักษณ์ไม่ทักท้วงเรื่องนั้นตั้งแต่แรก เขาคงอนุมัติงานนี้ไปแล้วและผลที่จะตามมาก็คือเขาต้องขาดทุนไปอีกหลายสิบล้าน “แต่ฉันคุยกับฉัตรแล้ว เธอบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ความผิดพลาดครั้งแรก ฉันเลยตักเตือนไปนิดหน่อย” เธอพยักหน้ารับ บางทีก็เหมือนจะเข้าใจตำแหน่งแบบเขาว่าต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ ฉัตรวิลัยเองก็ทำงานใกล้ชิดเขามาหลายปี และหญิงสาวเองก็เป็นคนเก่ง การจะลงโทษหนักๆ หรือไปกล่าวหาว่าเธอจงใจยักยอกโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย นอกจากข้อมูลการตลาด คงจะดูใจร้ายกับฉัตรวิลัยมากเกินไป “คุณตรีไม่โกรธลักษณ์แล้วเหรอคะ” “โกรธเธอ ? หึ...” เขาเหมือนยิ้มเยาะซะมากกว่าจะหัวเราะจริงๆ แต่มันก็ดูจะผ่อนคลายมากกว่าทุกครั้งที่เป็น “เธอทำอะไรให้ฉันต้องโกรธล่ะ” “ก็เรื่องเมื่อตอนบ่าย...” “ฉันเห็นเธอสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำ หัวหดอยู่ในกระดองอย่างกับเต่า ถามหน่อยฉันจะไปโกรธเธอให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา” นารถลักษณ์เห็นเขาแทะน่องไก่อย่างสบายอารมณ์ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเหน็บยังไงก็ไม่รู้ “แล้วแม่ล่ะคะ คุณตรียังโกรธแม่อยู่มั้ย” “มันก็พูดยากนะนารถลักษณ์ แม่เธอกับฉันชาตินี้คงไม่มีวันจะญาติดีกันได้หรอก ถ้าถามว่าฉันโกรธแม่เธอมั้ย อารมณ์ฉันมันเลยจุดนั้นมาไกลแล้วนะ แม่เธอเองก็คงคิดไม่ต่างกัน” เธอถอนหายใจเบาๆ แต่หนักอยู่ในอก... “แม่ไม่ได้เกลียดคุณตรี หรือแม้แต่คุณๆ คนอื่น” อันนี้เธอไม่ได้พูดเพื่อเอาใจใคร แต่เธอรู้จักแม่ตัวเองต่างหาก “แต่ชีวิตแม่ลักษณ์เจออะไรมาเยอะ ต่อสู้มามากกว่าจะเจอคุณลุง จนบางทีก็ต้องปกป้องตัวเอง ปกป้องลักษณ์ ใครร้ายมาแม่ก็จะร้ายกลับยิ่งกว่า ตาต่อตาฟันต่อฟัน” “เธอจะบอกว่าเพราะพวกฉันร้ายกับพวกเธอสองคนแม่ลูกก่อนสินะ” นารถลักษณ์นิ่งเงียบไป แต่ถึงเธอไม่พูดเขาก็พอจะเดาคำตอบได้ “ลักษณ์ไม่หวังให้พวกคุณๆ ต้องมาทำดีกับเราสองคนหรอกค่ะ ขอแค่ต่างคนต่างอยู่ก็ดีมากแล้ว” “ฉันจะพยายามก็แล้วกัน ที่จริงก็เข้าใจว่าแม่เธอทำให้พ่อฉันมีความสุข พวกฉันไม่ควรเห็นแก่ตัว แต่สิ่งเดียวที่ฉันรับไม่ได้ก็คือมีใครสักคนพยายามจะเข้ามาแทนที่แม่...” นารถลักษณ์รับฟังอย่างเข้าใจ คงจะจริงอย่างที่เขาพูด บางทีเรื่องนี้ควรจะปล่อยให้มันเป็นไปแบบที่ควรจะเป็น ละครชีวิตทุกเรื่องไม่จำเป็นจะต้องจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หรือโศกนาฏกรรมทุกครั้งไปก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน ก็แค่ดำเนินกันไป... ปานภูมิยืนมองเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ในตัวบ้านข้างหน้าต่าง แม้จะไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่พูดคุยกัน แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เขารู้ว่าตรีศูลไม่ใช่คนร้ายกาจแบบที่พยายามแสดงออก แต่พี่ชายเขาอ่อนไหว และอ่อนแอกว่าใครทั้งหมดในบรรดาพี่น้องเลยก็ว่าได้ จึงตั้งใจทำตัวแบบนั้นเพื่อปกปิดบางอย่างจากสายตาของคนภายนอก เคยมีคนพูดว่า คนเราพอเหล้าเข้าปากก็มักจะแสดงธาตุแท้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ตรีศูลก็คงเช่นกัน เขาเห็นเมื่อช่วงหัวค่ำพี่ชายซัดแอลกอฮอล์ไปไม่ใช่น้อย พอตกดึกถึงต้องไปหาเพื่อนคุยอย่างเจ้าศรราม เจ้าเพื่อนที่ไม่เคยบ่นเวลาพี่ชายเขาไปปรับทุกข์ให้ฟัง มันไม่เคยลุกหนีไปไหน มันจะอยู่ข้างๆ พี่เขาแต่ไหนแต่ไรมา แต่วันนี้ศรรามคงรู้ว่ามีคนทำหน้าที่ได้ดีกว่ามัน ถึงได้หลบฉากออกไป เขายังมองทั้งคู่พูดคุยเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน คนที่พูดกับนารถลักษณ์อยู่อาจไม่ใช่ตรีศูล ธีรการณ์ แต่เป็นพี่ชายคนเดิมของเขา เวลา 8 : 30 นาฬิกา “บุ๋มบิ๋ม ชานมฉันอยู่ไหน ทำไมยังไม่ได้อีกห้ะ” “คุณคะ ดูข่าวหน้าหนึ่งนี่สิคะ มีแต่ข่าวข่มขืนแล้วฆ่า หรือไม่ก็ฆ่าแล้วข่มขืนทั้งนั้นเลย นุชละห่วงยายลักษณ์จริงๆ คนสมัยนี้จิตใจทำด้วยอะไร ยิ่งเราต้องเดินทางบ่อยๆ นุชทิ้งแกอยู่บ้านคนเดียว ชักจะไม่ไว้ใจแล้วสิคะ” นารถลักษณ์ยิ้มแหยๆ รู้สึกเหมือนงานจะเข้า “จริงด้วยคุณ ผมว่าให้ลูกหาคอนโดอยู่ใกล้หูใกล้ตาดีกว่ามั้ง เดี๋ยววันนี้เราไปดูโครงการกันก็ได้ ผมว่างทั้งวัน” เขาหันรีหันขวางเพราะยังหาบางสิ่งไม่เจอ “บุ๋มบิ๋ม ขนมปังกับแยมฉันก็ยังไม่ได้ นี่แกมัวไปทำอะไรอยู่” ปานภูมิเห็นพ่อตะโกนหาพี่เลี้ยงเขาให้วุ่นตั้งแต่เช้า “พ่อครับ ผมจะไปพักผ่อนที่ตราด ขอยืมบ้านสักสามสี่วันนะครับ” เขาหมายถึงบ้านพักริมทะเลที่อยู่บนเกาะในจังหวัดตราด ทะเลสวย อากาศก็แสนจะดี ถึงจะห่างไกลความเจริญไปนิด แต่โดยรวมแล้ว เขาก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น “เอาสิ ไปพักซะบ้าง ตั้งแต่เรียนจบมาพ่อยังไม่เห็นแกได้ไปเที่ยวไหนเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องงานที่มหาวิทยาลัย เอ้อ... ก่อนไปโทรให้คนดูแลเขาทำความสะอาดก่อนล่ะ ไม่ได้ไปนานแล้วคงรกน่าดู อีกอย่างทางโน้นเขาจะได้หาคนส่งปิ่นโตให้แกด้วย ไม่รู้คนเดิมยังรับจ้างอยู่หรือเปล่า” ปริตรยังคงร้องเรียกสิ่งที่ต้องการ “บุ๋มบิ๋ม ชานมกับขนมปังทาแยมของฉัน เมื่อไรจะได้ บุ๋มบิ๋ม ไอ้บุ๋มบิ๋ม โว้ย !” “มาแล้วฮ้า บิ๋มมาแล้วฮ้า” กะเทยร่างใหญ่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “ไปไหนมาห้ะ ฉันเรียกแกจนคอแทบแตก หักเงินเดือนซะดีมั้ย” “โถ่ นายฮ้า นายจะทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางแบบบิ๋มได้ลงคอเชียวหรือฮ้า” “ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนเลย ไหนบอกมาสิว่าหายไปไหนมาตั้งแต่เช้า” “ก็ไปปิดตายทั้งประตูและหน้าต่างบ้านโน้นตามที่นายสั่งมาไงฮ้า” บุ๋มบิ๋มบุ้ยใบ้ปากไปยังหอนัดดาวหลังบ้าน ผลัวะ ! เป็นเสียงฟาดหนักๆ ลงบนบ่าของคนพูด “นี่แน่ะไอ้บิ๋ม สั่งไปตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมเพิ่งไปทำห้ะ นี่ถ้าเจ้าโตหรือลูกสะใภ้ข้าตื่นก่อนจะทำยังไง” หลายคนบนโต๊ะอาหารที่ทีแรกต่างคนต่างทำธุระของตนเอง เริ่มหันมองหน้ากัน ก่อนที่คนปากไวอย่างเป็นบุตรจะเริ่มซักไซ้ก่อนใคร “นี่พ่ออย่าบอกนะว่าจะขังพี่โตกับคะน้าไว้บนนั้นน่ะ” ปริตรอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียกว่าขังที่ไหน เขาเรียกว่าปล่อยให้มีเวลาเป็นส่วนตัวต่างหาก” นารถลักษณ์เริ่มเป็นห่วงคนทั้งคู่ “แล้วพี่โตกับพี่คะน้าจะกินอะไรล่ะคะคุณลุง ขังไว้แบบนั้น” “ลุงเตรียมข้าวปลาอาหารไว้พร้อมแล้วละลูก มีทุกอย่างทั้งของสด ของสำเร็จรูป จะอยู่เป็นอาทิตย์ก็ไม่อดตายหรอก” “นี่คุณตั้งใจจะขังทั้งคู่เป็นอาทิตย์เลยรึคะที่รัก” “ไม่ถึงขนาดนั้น กะว่าสามวันก็น่าจะพอ” ตรีศูลลงมาจากห้องเป็นคนสุดท้าย และกำลังจะสั่งอาหารของตนกับเด็กรับใช้ในบ้าน ถึงจะไม่ได้อยากรับรู้อะไรด้วย แต่เสียงพูดคุยของคนทั้งบ้าน ก็เอะอะพอที่เขาจะรู้เรื่องทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องถามอะไรเพิ่ม “ตื่นสายหรือเปล่าตรีวันนี้ แล้วจะไปทำงานไหวมั้ย ดูเพลียๆ ยังไงชอบกลนะนั่น” “ไหวครับพ่อ เมื่อคืนคงดื่มหนักไปหน่อย” “งั้นเอาน้องไปด้วยนะ พ่อไม่อยากให้ยายลักษณ์ต้องไปเอง” ตรีศูลยังไม่ได้ตอบ แค่เหลือบมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “พ่อครับ เสาร์นี้ครบรอบวันตายของแม่ ผมว่าปีนี้เราทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านดีมั้ยครับ” คำถามของลูกชายทำให้ประมุขของบ้านนึกถึงเรื่องหนักใจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม