เหล่าชายฉกรรจ์หันไปดูเสือตัวใหม่พร้อมกัน ตัวเก่าก็ยังร้องโฮก คำรามดิ้นรนจะออกจากตาข่าย ในขณะที่ตัวใหม่มีท่าทางดุร้ายกว่าตัวแรกยืนจังก้าอยู่บนชะง่อนหิน ดวงตาที่เหลืองทองทอประกายวาบวาว จ้องเขม็งมายังเพื่อนที่นอนอยู่ในตาข่าย
“รับตาข่ายเร็ว” ชายมีปานตะโกนลั่น พร้อมขว้างตาข่ายอันใหม่ออกไป
“ทางนี้” เซียงวั่งซูดีดตัวขึ้นรับทันที อีกสามคนก็มีปฏิกิริยาว่องไวเช่นกัน
เสือตัวใหม่กระโดดเอาอุ้งเท้าหน้าปัดตาข่ายออก
พลั่ก! ร่างลายเหลืองสลับริ้วดำ ยืนอย่างสง่างามบนกระสอบข้าวที่กองพะเนินสูง โฮก! โฮก! เสียงคำรามที่ดังกว่าเดิม ก้องไปทั่วภูผาหิน กลุ่มคนที่อยู่บนผาหินอีกฝั่งถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหู
“มันคลั่งแล้ว” แม่ทัพจินประสาทตึงเครียด
“ท่านน้า ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเขาอาจจะคุมไม่ได้” องค์หญิงจับจ้องเสือตัวใหม่ตาไม่กระพริบ เธอเคยฆ่าเสือและหมีป่ามาแล้ว การได้เห็นเสือคลั่งกระตุ้นสัญชาตญาณนักสู้ให้คุโชน
คนในช่องเขาต่างผลัดกันเข้ารุกเสือตัวใหม่ การนำตาข่ายขึ้นอีกครั้งยังไม่สามารถหลอกล่อมันให้หลงทิศได้ ซ้ำร้ายเจ้าเสือตัวนั้นยังกระโดดลงไปหาเพื่อนของมัน ใช้จังหวะกลับตัวใช้ปากคาบตาข่ายด้านหนึ่งขึ้น
เมื่อเสือสองตัวหลุดออกมายืนหันหน้าสู้กับคนทั้งหมด พวกเขากระจายกำลังล้อมเสือทั้งสองเอาไว้ คนงานส่วนใหญ่หวาดกลัวจนต้องหลบไปอยู่อีกฟากหนึ่ง
ระหว่างที่ทุกคนยังจดจ้องไม่รู้ว่า เสือพวกนี้มันคิดจะทำอย่างไร
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เสียงลูกธนูขนาดเล็กแหวกอากาศมาจากบนยอดผา ปักตรงต้นคอของเสือตัวใหญ่อย่างแม่นยำทั้งสามลูก เสือตัวใหญ่ร้องคำรามลั่น ดวงตาของมันเบิกโพลงขึ้น
กว่าเดิม เสือตัวที่สองกระโจนเข้าใส่คนกลุ่มคนที่รายล้อมมัน ชายหนุ่มทั้งห้าที่ดูมีฝีมือถือดาบกวัดแกว่งเข้าสู้กับเสือ ตัวที่บาดเจ็บซวนซบอยู่ใกล้ขอบแอ่ง เลือดไหลออกมาจากรูธนูสั้นทั้งสามอัน
เมื่อชายหนุ่มทั้งหมดรุมแทงอีกเสือด้วยหอกและดาบจนมันบาดเจ็บหนักแล้ว เสือตัวใหญ่ลุกผงาดอีกครั้ง อาศัยจังหวะชุลมุนหมายต้นคอของชายหนุ่มที่มีปานประปรายเต็มใบหน้า
“ระวัง!” เสียงตะโกนลั่นลงมาจากยอดผา
เซียงเฉินกงหันกลับไป เห็นร่างใหญ่สีเหลืองลายดำลอยอยู่เหนือศีรษะ
สวบ!
ดาบสั้นเสียบตรงคอพอดิบพอดี ร่างเสือตัวใหญ่ทรุดลงก่อนถึงตัวชายหนุ่มไม่ถึงห้าชุ่น
ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวน ร่างในชุดสีน้ำตาลเข้มทะมัดทะแมง ผมเปียเดี่ยวถักมิดชิด บนหัวมีผ้าคาดสีเดียวกับชุด ผิวหน้าและผิวกายคล้ำเข้มมีรอยขีดสีดำที่แก้มเป็นทางยาวด้านละสามรอย นางขี่อยู่บนหลังเสือ ดาบขนาดท่อนแขนยังปักอยู่ที่คอ
“ตัวนี้ ข้าเป็นคนฆ่ามันเอง เช่นนั้นย่อมเป็นของข้า ส่วนตัวนั้น พวกเขาก็เอาไปก็แล้วกัน”
ท่ามกลางการตกตะลึงของทุกคน ชายฉกรรจ์ในชุดสีเดียวกันกับนางล้วนรูปร่างหนาสูงใหญ่จำนวนหกคนกรูกันออกมาจากช่องเขาอีกทาง มัดมือเท้าเสือตัวที่ตายแล้วหามออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว แม่นาง ท่านจะไม่บอกชื่อแซ่ให้พวกเราทราบหน่อยหรือ?” เซียงเฉินกงรีบร้องทัก
ใบหน้าคล้ำที่มีรอยขีดบนแก้มนั้นปรายตามาแวบเดียวแล้วหันกลับ
“เฟิ่งเอ๋อร์ เร็วเข้า! เราไม่มีเวลาแล้ว” เสียงตะโกนของชายร่างใหญ่ที่ยืนจังก้าอยู่บนผาหิน
“นั่นคือ ชื่อข้า” นางพูดแค่นั้น แล้วสะบัดเปียที่ยาวถึงเอวจากไป
เซียงเฉินกงสะดุดใจ เฟิ่งเอ๋อร์ ชื่อนางช่างคล้าย.....
“เฉินกง เจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบมาจัดการกับซากเสือตัวนี้เร็ว”
ในขบวนมีคนงานที่เชี่ยวชาญการชำแหละหมู จึงได้ใช้พวกเขาจัดการกับเสือ จากนั้นขบวนคาราวานก็เดินทางออกจากช่องเขามรกตไป
รอนแรมอีกสิบวันก็มาถึงเมืองหลวงของแคว้นจิน ดินแดนที่เคยเป็นที่ตั้งชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าทึบ ติดภูเขาที่ทอดยาวไปจนถึงทิศเหนือของแคว้นเว่ย ช่วงบนของเทือกเขานี้มีหิมะตกตลอดปี เพราะมีต้นสนอยู่จำนวนมากจึงมีชื่อเรียกกันว่า “ซงซาน”
ภายหลังพวกเขาตั้งแคว้นขึ้น จึงเคลื่อนย้ายผู้คนลงมาอยู่ที่ราบริมทะเลสาบมู่กง ซึ่งมีต้นสนเกิดรอบล้อมจำนวนมาก เมื่อสร้างเมืองจินเรียบร้อยด้วยอำนาจเงินที่ได้จากเหมืองทองใต้เขาซงซาน ทำให้อาณาจักรแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้น
“ที่นี่ก็รุ่งเรืองไม่ต่างจากเมืองหมิงของเราเลย” เซียงวั่งซูชื่นชมยินดี เมื่อได้เห็นผู้คนแต่งกายในฤดูหนาวที่สวยงาม พวกเขาอยู่ใกล้ภูเขาหิมะ อากาศจึงเย็นกว่าที่แคว้นหมิง
“ท่านมองหาหอคณิกาใช่หรือไม่?”
“หือ...ที่ใด?” เซียงวั่งซูมองซ้ายแลขวา หอโคมเขียวที่อยู่หัวมุมถนนข้างหน้า ทำให้หัวใจชายหนุ่มกระชุ่มกระชวย
“แต่ว่าท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนจะดีกว่า เราต้องจัดการเรื่องร้านค้าของเราให้เรียบร้อย”
ภายในสามวัน สองหนุ่มตระกูลเซียงก็สามารถซื้อร้านค้าบนถนนสายสำคัญได้สำเร็จ แม้เซียงวั่งซูจะบ่นอุบอิบเรื่องความมือเติบของน้องชาย แต่ก็คัดค้านไม่ได้
“เจ้าเล่นให้ราคาเช่นนั้น ใครก็ไม่รับก็บ้าเต็มที”
“ท่านอยากติดต่อกับราชสำนักจิน หากไม่อยู่ในย่านคนร่ำรวย จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร?” ชายหนุ่มหน้ามีปานสะบัดเสียง
พวกเขาจัดการขนข้าวเข้าร้านและเปิดร้านภายในสามวัน ในระยะแรกเพื่อดึงดูดลูกค้า เซียงเฉินกงลดราคาข้าวจากปกติลงไปนับร้อยอีแปะ ทำให้ชาวเมืองจินต่างร่ำลือกันถึงชื่อร้าน “อู่จี๊” กันทั่วหน้า เมื่อชื่อเสียงร่ำลือรวดเร็ว แม้แต่เจ้าหน้าที่ในวังที่มีหน้าที่สั่งซื้อข้าวยังสนใจจะไปสั่งซื้อกับคุณชายเซียง
เซียงเฉินกงให้เซียงวั่งซูผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลา พูดจาหวานหูเป็นผู้รับแขกและค้าขาย หญิงสาวน้อยใหญ่ในเมืองต่างร่ำลือถึงคหบดีเซียงที่เพิ่งมาซื้อคฤหาสน์ร้างในตรอกสุดถนน บัดนี้ผู้คนในเมืองหลวงจินต่างสนใจในตัวชายหนุ่มทั้งสอง ยิ่งรู้ว่ายังไม่ตบแต่งภรรยา ยิ่งเป็นที่ต้องใจของคุณหนูทั้งหลาย
หากแต่นิสัยเจ้าคนผู้นี้ ยังคงชอบหาข่าวอยู่เช่นเดิม หลังเปิดร้านได้ไม่นานเขาก็ค้นพบแหล่งคุ้ยข่าว
“ภัตตาคารดังที่นี่ คือ มู่กง ส่วนร้านน้ำชาที่ข้าควรไป ชื่อ มวลมิตร”
“เช่นนั้น ท่านก็เร่งไปหาข่าวเถิด”
“เจ้าจะเน้นเรื่องใดก่อน?”
“เราต้องการข้อมูลของแคว้นจินในยุคนี้ เพื่อส่งไปให้ฮ่องเต้ทราบ จากนั้นข้าต้องการข้อมูลขององค์หญิงจินเฟิ่ง”
“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่า...ชื่อนางคุ้นๆ”
ใบหน้าที่มีปานประปราย หันมามองผู้พี่
“หวังว่าคงจะไม่ใช่นางที่ฆ่าเสือผู้นั้น”
********************