เมื่อฉันมาถึงบริษัททุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดเพราะทุกคนกำลังเตรียมตัวในนาทีสุดท้ายสำหรับการมาถึงของ CEO คนใหม่ตั้งแต่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉันทำงานให้กับสกายกรุ๊ปบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจกระจายผลประโยชน์ของบริษัทและขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ดังนั้นด้วยธุรกิอสังหาริมทรัพย์ ยังมีธุรกิจขนส่งสินค้านำเข้า – ส่งออก รวมถึงธุรกิจที่มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งการลงทุนร้านค้าปลีก เสื้อผ้า ด้านศิลปะและวัฒนธรรมอย่างไรก็ตาม เนื่องจากการตัดสินที่ผิดพลาดและการจัดการกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทที่ไม่เหมาะสม และส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงเกิดความโลภแก่งแย่งผลประโยชน์ไปเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจัดการกับการดำเนินงานของบริษัทอย่างชาญฉลาดและเหมาะสม สกายกรุ๊ปจึงค่อยๆ ขาดทุน และสูญเสียรายได้หลายล้านๆ ทุกๆ ปี ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดโรคระบาดไปทั่วโลกเลยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก บริษัทก็เริ่มประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ฉันโชคดีพอที่จะรอดชีวิตจากการปลดพนักงานทั่วทั้งบริษัทเมื่อปีที่แล้ว หรืออย่างที่พวกเขาชอบให้ใช้คำว่าเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท ช่างน่าซาบซึ้งใจจริงๆ เพราะความจริงคือการเลิกจ้างพนักงานหลายร้อยชีวิตและทุกตกงาน หางานก็ลำบากในสถานการณ์เช่นนี้ ฉันรักงานของฉันจริงๆ และมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อบริษัทนี้ ฉันต้องการให้แน่ใจว่าฉันจะอยู่รอดไม่ถูกเลิกจ้างในครั้งต่อไป
นั่นเป็นเหตุผลที่แม้ว่าทั้งบริษัทจะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มืดมนของความเศร้าโศกและโชคร้าย ฉันปรากฏตัวอย่างกระตือรือร้นในบริษัท เตรียมพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทจะขาดฉันไปไม่ได้ ถึงแม้ความจริงก็คือไม่มีสิ่งที่ขาดไม่ได้ในที่ทำงาน แต่ฉันก็เป็นพนักงานที่ขยันและเชื่อถือได้ ถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์ของบริษัทเลย
ฉันหวังว่าจะไม่มีการปรับโครงสร้างอีกต่อไป หวังว่าบริษัทจะสามารถฟื้นตัวและเริ่มทำเงินเพื่อกู้สถานการณ์ทุกอย่างคืนจากการสูญเสียหรืออย่างน้อยก็หยุดการสูญเสียไม่ให้ไปไกลมากกว่านี้และอาจกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับสกายกรุ๊ปในยุคแรก ๆ และนี่คือที่CEO คนใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทสร้างความหวังให้กับพวกเรา อนาคตของทุกคนอยู่บนไหล่ของเขา
ว่ากันว่าแม้ว่าเขาจะอายุเพียง 30 ต้น ๆ เขามีความสามารถหลายด้าน ดูเหมือนจะมีประสบการณ์และความสามารถมากกว่าเพื่อนร่วมงานอาวุโสของเขาในสาขานี้ เขาถูกมองว่าเป็นพ่อมดทางการเงินและเขาได้กลายเป็นตำนานในอุตสาหกรรมนี้ เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ทางธุรกิจมืออาชีพ เป็นนักวิเคราะห์ทางการเงิน บทสัมภาษณ์ต่างๆ ของเขาและผลงานที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมในการช่วยเหลือบริษัทที่มีปัญหา เปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นกำไรและกู้คืนสถานการณ์จากการสูญเสียและเป็นที่รู้จักกันดีในการช่วยบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งที่กำลังจะล้มละลาย
นอกจากเกียรตินิยมทางธุรกิจระดับมืออาชีพของเขาแล้วซีอีโอคนใหม่ยังได้รับการกล่าวขานว่าหล่อสุด ๆ สิ่งนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานหญิงส่วนใหญ่ของฉันกระตือรือร้นที่จะเห็นเขา ความจริงฉันต้องยอมรับว่าฉันรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่สาวๆ ในบริษัทอยากรู้เพราะฉันก็อยากรู้เหมือนกัน รวมถึงความตื่นเต้น และกระวนกระวานใจ ที่แทรกซึมอยู่ในบรรยากาศ ภายในบริษัทเต็มไปด้วยการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ
ฉันได้ยินข่าวลือว่าคณะกรรมการได้เจรจากับผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท ที่จะบริจาคหุ้นขนาดเล็กของพวกเขาให้กับซีอีโอคนใหม่เพื่อโน้มน้าวให้เขาตกลงที่จะเข้าร่วมและจัดการบริษัท
“เป็นไปไม่ได้ จริงหรอ?”
“ใช่ ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันได้ยินมาว่านอกเหนือจากการได้รับเงินเดือนหกหลักแล้วพวกเขายังให้โบนัสก้อนโตกับเขาด้วย
“ว้าว ผู้ชายคนนี้จะมาฟื้นบริษัทเราได้จริงๆหรอ?”
“พวกเขาบอกว่าเขาจะมาแก้ไขสถานการณ์ของบริษัทเราได้ ใครจะรู้เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้แหละนะ”
อย่างไรก็ตามสำหรับฉันการเดิมพันกับคนแปลกหน้าที่ชีวิตของเราอยู่ในกำมือของเขา พร้อมกับเงินจำนวนมหาศาลแล้วอีกอย่างเรื่องนี้ พวกผู้บริหารทั้งหลายมักมีปัญหาไม่เข้ามาทำงาน ไม่สนับสนุนคนที่จะมาช่วยบริษัท เพราะพวกนั้นจะสูญเสียรายได้ที่ยักยอกบริษัทไป นั้นแหละที่จะต้องรีบจัดการปัญหาพวกนี้ซะนั่นคือเหตุผลที่เรากำลังมีปัญหาในขณะนี้
“ใช่ และเมื่อมันเป็นแบบนั้น ใครจะรู้ว่าซีอีโอคนใหม่จะมาจัดการปัญหาพวกนี้ได้จริงไหม? เขาจะสนใจปัญหาของบริษัทเราไหม? ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะช่วยบริษัทได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่เขาก็แค่ออกไป พร้อมกับเงินในกระเป๋าเขา”
ตอนแรกฉันคิดว่าเพื่อนร่วมงานของฉันพูดถูกในเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นฉันเริ่มกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงทั้งหมดและเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของฉันในบริษัทหรือถ้าบริษัทจะมีอนาคตที่ดีขึ้นแบบนั้น โอเค บางทีฉันอาจไม่ต้องกลัวแบบตอนนี้ แต่แม่ของฉันไม่อยากให้ฉันตกงานจริงๆ แต่แล้วฉันก็เริ่มคิด
“มันก็จริงที่ว่า พวกเขาจ่ายเงินค่าจ้างจำนวนมากให้เขาเพื่อให้เข้ามาช่วยบริษัทของเรา เขาเป็นนักธุรกิจมืออาชีพที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมากในสาขานี้ ที่สำคัญชื่อเสียงของเขาก็สำคัญมากกับตัวเขา ดังนั้นฉันแน่ใจว่าเขาไม่ต้องการทำให้มัวหมองเพราะความล้มเหลวของงานนี้ แน่นอนว่าเขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อดูแลและทำในสิ่งที่เขาได้รับการว่าจ้างให้ทำนั่นคือช่วยให้บริษัทของเราฟื้นขึ้นมา”
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าทุกคนยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของซีอีโอคนใหม่ พวกเรารออย่างใจจดใจจ่อที่จะเจอเขา แต่ตอนนี้มันเกือบจะถึงเวลาพักกลางวันแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีร่องรอยของเขาในเวลานี้พนักงานหลายคนเริ่มบ่นระหว่างรอพวกเขาด้วยอารมณ์เดียวกันเกือบหมด
เราทำงานมาเกือบครึ่งวันแล้วและซีอีโอคนใหม่ก็ยังไม่มา นี่เป็นวันแรกอย่างเป็นทางการของเขาในการทำงานให้สกายกรุ๊ป นี่ควรเป็นความประทับใจครั้งแรกที่เขาต้องแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนได้เห็นหรือเปล่าเขาควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนที่นี่
ทันใดนั้น เจ้าแม่ขาเม้าท์ของแผนกของเราแอนดี้เทย์เลอร์ สาวช่างเม้าส์ที่กระจายข่าวได้เร็วไปทั่วทั้งบริษัท ทั้งเรื่องนินทาและเรื่องซุบซิบ เป็นที่รู้จักกันดีทั้งบริษัท ได้รับสายจากบางคนและทันทีที่เธอวางสายเธอก็ตะโกน
ทุกคนเงยหน้ามองเธอที่ยืนตะโกนอยู่กลางแผนก “เขามาแล้ว! ซีอีโอคนใหม่เพิ่งขับรถเข้าไปในลานจอดรถ คุณคาลวิน สมิธ กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้”
ฉันผงะและตกตะลึงทันทีฉันตกใจมาก!
คาลวินสมิธ? นี่ไม่ใช่คนคนเดียวกันใช่ไหม ผู้ชายหล่อที่กอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขาในร้านอาหารเมื่อคืนนี้ คนที่ส่งฉันกลับบ้านให้ฉันยืมเสื้อโค้ทของเขาใส่กลับบ้านไปเมื่อคืน คนที่ฉันหมกมุ่นถึงเขาทั้งคืนเขา คาลวินสมิธ! เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้คงไม่โชคดีขนาดนั้น น่าจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเดียวกันใช่ไหม!?
ดูเหมือนว่าผู้ชายที่มีจมูกยาวและชอบเสนอหน้ามาที่สุดก็พูดบางอย่างออกมา ทอมป์ แจ็คสัน ผู้จัดการแผนกของเรา กล่าวอย่างเหน็บแนม ก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ
“เอาละทุกคนมาเชียร์กันเถอะ ในที่สุดซีอีโอคนใหม่ก็มาถึงแล้ว เขาจะช่วยเราให้ผ่านพ้นไปได้ ผมมั่นใจว่าภายใต้การนำของเขา บริษัทเราจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง อาจจะมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิม และพวกเราทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความมั่นคงในงานของเราอีกต่อไป”
ฉันคิดว่านี่เป็นคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราได้จริงๆ ฉันประหลาดใจที่เขาไม่ได้รอจนกว่าซีอีโอจะมาและฟังเขาพูดคำพวกนี้ ทอมป์มีชื่อเสียงหนักมากในเรื่องของการประจบเจ้านาย ดังนั้นฉันแน่ใจว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะโดดเด่นในสายตาของซีอีโอคนใหม่และได้รับความประทับใจที่ดี
อีกครั้ง โทรศัพท์ของแอนดี้ดังขึ้นและพอเธอวางสายเธอก็พูดขึ้นมาว่า
“คาลวิน สมิธและบอร์ดี้การ์ดของเขากำลังรอลิฟต์อยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า พวกเขาวางแผนที่จะหยุดทุกชั้นและเดินไปทั่วทุกแผนกอย่างรวดเร็ว เรายังมีเวลาก่อนที่พวกเขาจะมา ฉันคิดว่าเราทุกคนสามารถเติมหน้าให้ดูเด็กได้อีกเล็กน้อย”
ทอมป์จ้องมองแอนดี้ด้วยการจับผิด แล้วพูดกับเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“แอนดี้คุณจะทำอะไรอย่างนั้นหรอ ออกคำสั่งเรื่องต่าง ๆ ได้ก็ต่อเมื่อคุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการแผนก สิ่งที่ทำให้คุณมีสิทธิ์บอกทุกคนที่นี่ว่าจะทำอย่างไร”
เขากระซิบ
“แหม บางครั้งฉันหวังว่าคุณจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และย้ายออกจากแผนกนะคะเพราะฉันก็ไม่สามารถยืนมองใบหน้าของผู้ชายน่าเกลียดแบบนี้ได้อีกแล้วแหละ”
แอนดี้จ้องที่ทอมป์สั้น ๆ ในขณะเดียวกันก็สื่อถึงการแสดงออกที่ดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเธอก็ยิ้มเยาะและพูดกับเขาว่า
“สำหรับคุณ ๆ ไม่ควรใช้เวลานี้ในการทาลิปบาล์มบ้างหรอ ฉันไม่ต้องการให้คุณบดริมฝีปากงี่เง่าของคุณเมื่อคุณประจบซีอีโอคนใหม่”
ฉันปิดปากด้วยมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วและปกปิดรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของฉัน ในขณะที่พยายามที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองหัวเราะออกมาดัง ๆ ฉันช่วยไม่ได้ ฉันมักจะพบว่าการทะเลาะวิวาทของพวกเขาน่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันได้ยินคำพูดที่หยาบคายของแอนดี้ ซึ่งมักจะทำให้ทอมพูดไม่ได้ซักพัก ในเวลาเดียวกันเขาก็หงุดหงิดจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
แอนดี้กับฉันเข้าทำงานพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้นฉันสามารถเห็นได้ทันทีว่าพวกเขาสองคนไม่ถูกกันมันเหมือนกับความเกลียดชังที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน ทำให้พวกเขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แอนดี้เล่าให้ฉันฟังเป็นความลับแม้แต่คนในบริษัทก็ไม่เคยรู้จนถึงทุกวันนี้ และนั่นคือเธอกับทอมป์เป็นอดีตคนรักกัน แต่หลังจากที่เธอพบว่าเขานอกใจเธอ ในที่สุดพวกเขาสองคนก็เลิกกัน
แฟนนอกใจอีกคนบิ๊กเซอร์ไพรส์ของพวกผู้ชาย พวกเขาควรได้รับการลงโทษอย่างหนักสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมอย่างสมบูรณ์สำหรับสายพันธุ์ของผู้ชายพวกนี้ หลังจากเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะต้องโดนลงโทษ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมนังสารเลวทุกคนที่ไปนอนกับแฟนของคนอื่น ๆ ก็ควรถูกกำจัดออกไปเช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องพูด แอนดี้ได้รับบาดเจ็บและอับอายขายหน้า ดังนั้นทอมป์จึงกลายเป็นเหยื่อรายแรกของเรื่องตลกของเธอ นอกจากนี้ข่าวลือบ่อยครั้งทำให้เธอสามารถตอบโต้ภายในบริษัทได้
สักพักฉันได้ยินเสียงตื่นเต้น เสียงดังน่าปวดหัวราวกับเด็กสาววัยแรกรุ่นจากเพื่อนร่วมงานของฉัน
“เขามาแล้ว พระเจ้า เขาหล่อจริงๆ”
“หล่อจริงๆ เหมือนดาราหนังเลย”
“ฮอตมาก เขาต้องฮอตแน่นอน”
“อ๋อใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันพูด ให้ฉันดูบ้างสิ”
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของฉันถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วโดยวัยรุ่นพูดพล่อย ยิ่งกว่านั้นความอยากรู้อยากเห็นของฉันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันกระตือรือร้นที่จะรู้ว่า คาลวิน สมิธ คนนี้ เป็น คาลวิน สมิธของฉันเมื่อคืนนี้หรือไม่ ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ และแอบมองจากพาร์ติชันในห้องเล็ก ๆ เพราะอยากเห็นเจ้านายคนใหม่ของฉัน
ไม่อยากจะเชื่อ มันเป็นเขาจริงๆ ฉันควรทำอย่างไรตอนนี้
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกประหม่ามาก ฉันพร้อมที่จะหาพลั่วอีกครั้งและขุดหลุมเพื่อฝังตัวเอง ฉันอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขารู้ว่าฉันทำงานที่นี่
ไม่นานเกินรอ เพราะก่อนที่ฉันจะก้มศีรษะหลบลง คาลวินพบว่าฉันจ้องมองมาจากที่พาร์ติชันเล็กๆ นี้ ยิ่งกว่านั้นเราสบตากันครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซน เขาก้าวเดินมาทางฉัน จากนั้นฉันก็หลบตาลงอย่างรวดเร็วและก้มศีรษะลง
ฉันเหลือบมองจากหางตาเพื่อดูคาลวินเดินเข้ามาทางนี้ ฉันเห็นทอมเดินตรงไปและเอื้อมมือออกไปทักทายเขา แต่ทอมก็ถูกเหมินโดยซีอีโอกลางอากาศอย่างหยาบคายเขาเดินเลยทอมมาที่ฉัน เขายังคงเดินมาทางฉัน
โดยไม่รู้ตัว ซีอีโออยู่ข้างๆ ฉัน และกำลังมองลงมาที่ฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเขา ฉันนึกไปถึงดวงตาที่ฉันเพ้อถึงในห้องนอนของฉัน เป็นดวงตาที่ยอดเยี่ยม คอและผิวของฉันเริ่มแดง ฉันทำตัวไม่ถูกและฉันรู้สึกอายมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมีบางคนพูดกับฉัน
ในไม่ช้า ฉันได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เหมือนถูกสะกดจิตให้ฉันลืมตาขึ้นมา
“คุณ เงยหน้ามองผมหน่อยได้ไหมครับ”
ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ และมองไปทางทิศที่ได้ยินเสียงของเขาอย่างลังเลอีกครั้ง ดวงตาของเราประสานกัน เขาจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของฉันชั่วครู่หนึ่ง ฉันรู้สึกได้ว่าใบหน้าของฉันกลายเป็นสีดอกกุหลาบอย่างรวดเร็ว และผิวของฉันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และเผลออ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัว
รอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซนของเขากว้างขึ้น จากนั้นเขาก็เอนกายลงมาอย่างช้า ๆ และเอื้อมมือไปที่หัวของฉัน ฉันกลายเป็นน้ำแข็งทันที เหมือนกวางติดอยู่ในไฟและจากนั้นฉันรู้สึกว่าเขาถอดกิ๊บออกจากผมของฉัน เขาเหลือบมองรอบๆจากนั้นมองกลับมาที่ฉัน
“กิ๊บนี้ไม่เหมาะกับคุณ..”
เขาอยู่ใกล้ฉันมากและกระซิบเบา ๆ “ไม่เหมือนเสื้อโค้ทที่ผมให้คุณยืมเมื่อคืนนี้”
หัวใจของฉันเต้นแรง แทบจะไม่เป็นจังหวะ เมื่อเขาเข้ามาใกล้เพียงหนึ่งหรือสองนิ้วจากหัวของฉันกระซิบเบา ๆ ในหูของฉัน
“พูดถึงเรื่องนี้ ผมคิดว่าเราควรนัดเจอกันอีกที เพื่อที่คุณจะได้ส่งคืนเสื้อโค้ทให้กับผม คุณคิดว่ายังไงครับ”
หัวใจของฉันแทบจะกระโดดไปมาอยู่ในหน้าอกของฉัน เมื่อฉันรู้สึกถึงความร้อนชื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนมือและเท้าของฉันเปียกชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ
ตอนนี้ฉันพูดไม่ออก ฉันตอบกลับเขาไปด้วยการพยักหน้าง่ายๆ
เขากลับมายืนตรง มองลงมาที่ฉันต่อไป ในขณะที่แสดงรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซน ค่อยๆหมุนกิ๊บระหว่างนิ้วมือของเขา
“ผมจะเอาสิ่งนี้ไปจนกว่าผมจะได้ของๆ ผมคืน”
พูดจบ เขาหันหลังกลับและเดินไปที่ลิฟต์พร้อมกับบอร์ดี้การ์ดที่ติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อกลุ่มนี้ออกจากที่เกิดเหตุแอนดี้ที่ตื่นเต้นและบ้าคลั่งก็รีบไปที่โต๊ะของฉัน เข้าสู่โหมดกอสซิปควีนแล้ว
“พระเจ้า อเล็กเซียนี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอปิดบังอะไรฉันรึเปล่า ทำไมไม่บอกพวกเราว่าสองคนได้รู้จักกัน แล้วเธอสองคนพบกันได้อย่างไรบอกเรามาเดี๋ยวนี้เลยเร็วเข้า”
ในไม่ช้าคนอื่น ๆ ในห้องก็แห่กันมาล้อมรอบตัวของฉัน เมื่อความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนถูกกระตุ้นฉัน เพราะอย่างรู้ถึง ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับซีอีโอคนใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มุ่งมั่นเท่ากับแอนดี้ในการขุดคุ้ยเพื่อหาคำตอบและถามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
ฉันรีบเปลี่ยนท่าทีและตอบปฏิเสธคำถามต่างๆ ของแอนดี้ทันที
“ฉันไม่รู้จักเขา สาบานได้”
โอเค บางทีฉันไม่ควรจะสาบานฉันมาลองคิดดูเราเพิ่งเจอกันเพียงไม่นานเมื่อคืนนี้ ดังนั้นในทางเทคนิคแล้ว ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ อย่างไรก็ตามฉันไม่ต้องการอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะปฏิเสธพวกที่อยากรู้อย่างตรงไปตรงมา
แน่นอนกอสซิปควีนคงไม่ปล่อยง่ายๆ ขนาดนั้น เธอช่างเหี้ยมโหด เมื่อพูดถึงการดมกลิ่น การนินทาที่อาจเกิดขึ้นเธอมีจมูกที่ไวมากของสุนัขล่าเนื้อ นอกจากนี้เมื่อเธอพบมันเธอจะกัดฟันคุณเหมือนสุนัขพิทบูลและปฏิเสธที่จะปล่อยง่าย ๆ
แอนดี้ใช้เวลาสักครู่มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่แหลมคมและใบหน้าของเธอแสดงความสงสัย ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ซุกซนขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากปากของเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มเลียนแบบการกระทำก่อนหน้าของ CEOเมื่อแอนดี้เข้าหาฉัน กระซิบข้างหูฉัน
“จริง ๆ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ คืออะไร”
แอนดี้ยืนตัวตรง ยังคงแสดงรอยยิ้มที่ซุกซน
“ถึงเวลาที่จะสารภาพแล้ว บอกฉันมาสิอเล็กเซียว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับซีอีโอที่หล่อเหลาคนนั้นกันแน่”
ฉันปฏิเสธข้อกล่าวหาของแอนดี้อีกครั้ง แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็ตาม
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉัน- ฉันไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำไป”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนของทอมป์เข้ามาช่วยฉันไว้ในสถานการณ์นี้ ทอมป์ตะโกน“เกือบถึงเวลาพักกลางวันแล้วดังนั้นทุกคนควรรีบจัดการงานที่เหลือแล้วเรารีบไปพักกลางวันกันเถอะ เว้นแต่ว่าคุณไม่ต้องการที่จะกินอาหารกลางวันในวันนี้”
ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบเสียงลงและฝูงชนรอบตัวฉันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงกอสซิปควีนหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉัน
“ใช่ ฉันไม่เชื่อ เธอทั้งสองรู้จักกันแน่ๆ ในความคิดของฉัน ไม่ต้องสงสัยเลยมันต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ เรื่องนี้”
โอ๊ยกัดฉันไม่ปล่อยจริงๆ ไม่นะ ก็อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ เธอช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
“และอย่าบอกฉันนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณสองคน จริงๆ นะกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีซีอีโอคนไหนจะไปหาพนักงานหญิงของเขาและเอากิ๊บติดผมของเธอไปแบบนั้นหรอกยะ”
บ้าจริงๆ เธอพูดถูก โอ้พระเจ้า ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นและทำต่อหน้าคนทั้งแผนก เขากำลังคิดอะไรอยู่ จุดประสงค์ของการเข้ามาหาฉันคืออะไร เอามันไปเป็นของแลกเปลี่ยนสำหรับเสื้อโค้ทของเขาหรอ มันไม่สมเหตุสมผล ฉันไม่เข้าใจเขาจริงๆ
แอนดี้เธอดื้อดึงและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
“ก็จริงอยู่ฉันว่าวันนี้กิ๊บติดผมที่ใส่มาทำงานวันนี้ของเธอค่อนข้างฉูดฉาดเกินไป เขาเป็นถึงซีอีโอหนุ่มหล่อ สายตาของเขายังเฉียบคมมาก ยังมีความเป็นแฟชั่นสุดอลังการอีกด้วยและเขาบอกว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับเธอและไม่ผิดเลยจริงๆพวกเครื่องประดับผมที่ฉูดฉาดนั้นไม่เหมาะกับสาวสวยอย่างเธอน่ะ”
แอนดี้จ้องที่ใบหน้าของฉันอย่างเจ้าเล่ห์และยิ้มอย่างซุกซน จากนั้นบีบแก้มของฉันอย่างตลก ๆ
“แหม เวลาเธอตื่นเต้นตกใจกลัวเนี่ย มันดูดีและทำให้เธอสวยมากขึ้นมากเลยนะ”
ใบหน้าของฉันกลายเป็นสีชมพูอ่อน ๆ อย่างรวดเร็ว ฉันหน้าแดงทันทีเพราะความลำบากใจ ฉันรีบดึงมือของแอนดี้ออกจากแก้มของฉันและบอกด้วยเสียงที่ไม่ล้อเล่นว่า
“หยุดเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว อย่างที่ฉันบอกเธอไปแล้วว่า ฉันไม่มีเรื่องอะไรระหว่างฉันกับซีอีโอคนใหม่”
ด้วยสีหน้าตอนนี้ของแอนดี้ ดูคิดไปไกลกว่านั้นมาก หลังจากที่ฉันบอกเอ ตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะยอมแพ้ชั่วคราว เธอวางมือบนไหล่ของฉันเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆ ที่เป็นมิตรกับฉัน
“ดี แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรอกนะ”
ฉันโกรธแอนดี้ได้ไม่นานและฉันรู้สึกว่าฉันสงบลงในไม่ช้า เมื่อฉันใจเย็นลงแล้ว ตอนนี้ถึงตาฉันแล้วที่จะยิ้มให้แอนดี้อย่างซุกซน พร้อมพูดตอบกลับแอนดี้ไปว่า
“เธอควรกลับไปทำงานตอนนี้นะ ไม่งั้นนายทอมป์ จะไม่ปล่อยให้คุณไปทานอาหารกลางวันและฉันแน่ใจว่าคุณไม่ต้องการพลาดช่วงพักกลางวัน และใช่! ฉันคิดว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่โปรดปรานที่สุดในวันทำงานของเธอนะ”
แอนดี้ตอบอย่างมีชีวิตชีวา
“ใช่สิ และฉันจะไม่พลาดมันเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ฉันได้ยินมาว่าวันนี้มีสเต๊กปลา มักกะโรนีและชีสในโรงอาหารและเธอก็รู้ว่าฉันชอบสเต๊กปลา มักกะโรนี และชีสมากแค่ไหน”
ฉันหัวเราะ จากนั้นแนะนำให้เธอ
“เอาล่ะ งั้นเธอควรกลับไปที่โต๊ะทำงานและอย่างน้อยก็แกล้งทำเป็นยุ่งซะ ไม่งั้นทอมป์ไม่ปล่อยเธอออกไปพักกลางวันแน่ๆ”
แอนดี้ยิ้ม “ใช่เธอพูดถูกอเล็กเซีย ฉันควรไปทำงานดีกว่า”
ทันใดนั้น เราสังเกตเห็นว่าทอมป์มองเราสองคนมาจากห้องทำงานของเขา จ้องมองเราอย่างรุนแรง ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นและคิ้วขมวดแน่น
แอนดี้มองค้อนกับไปที่เขา พร้อมจ้องเขม่ง จากนั้นกลับไปที่ห้องของเธอ
********
ในที่สุดเมื่อพักกลางวันของเรามาถึงอารมณ์ของฉันก็ยังไม่ดีนัก ดังนั้นฉันจึงถามแอนดี้ให้ช่วยชงกาแฟมาให้ฉันสักแก้วและเธอบอกจะเอามาให้ฉันที่โต๊ะก่อนเธอลงไปพักกลางวันที่โรงอาหาร แต่ฉันคิดว่าสิ่งล่อใจอย่างสเต๊กปลา มักกะโรนีและชีสนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต้านทานได้ เพราะเธอไม่กลับมาพร้อมกับกาแฟของฉัน
น่าเศร้ากว่านั้นคือ มีฉันอยู่คนเดียวในสำนักงานตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่รอบ ๆ ทอมป์ใช้โอกาสนี้เข้าหาฉัน
เขายื่นน้ำมาให้ฉัน
ฉันทำงานในแผนกนี้มานานกว่าสามปีแล้ว ยิ่งกว่านั้นนั่น นี่เป็นครั้งแรกที่ทอมป์แสดงความเมตตาต่อฉัน ซึ่งทำให้ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ฉันรู้ว่าเขาให้น้ำแก้วนี้กับฉันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
ฉันจ้องมองเขาด้วยความสงสัยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นยกแก้วจิบน้ำอย่างช้าๆ
ฉันคิดว่าหรือฉันควรจะพูดขอบคุณ
ทอมป์ให้รอยยิ้มปลอม แบบแมวเชสเชียร์ในอลิซ อิน วันเดอร์แลนด์กับฉัน
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก แค่น้ำนะ”
ฉันคิดกับตัวเองว่า แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่ จากนั้นเขาก็พูดว่า
“จากสีหน้าของคุณ คุณดูสับสนนะอเล็กเซียที่ผมเอาน้ำมาให้คุณ ใช่ ก็เข้าใจได้ผมไม่เคยทำสิ่งนี้ให้ใครมาก่อนเลย”
ฉันเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่ยังคงรอให้เขาพูดสิ่งที่เขาคิดอยู่ออกมา
“โอ้ อเล็กเซียผมอาจจะเข้มงวดเกินไปกับคุณก่อนหน้านี้ ผมไม่ควรเป็นอย่างนั้นกับคุณเลย”เขาตบไหล่ของฉัน “ขอโทษหวังว่าคุณจะไม่เกลียดผมนะ ผมแค่พยายามที่จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้างานที่มีความสามารถ”
ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยถึงขั้นน่าขนลุก
หลังจากเงียบไปสักพัก เขาพูดขึ้นมาว่า
“และผมไม่รู้เลยว่าคุณรู้จักกับซีอีโอคนใหม่ คุณสองคนดูเหมือนจะสนิทกันมาก่อน ผมคิดว่าคุณสนิทกันมาก อ่า ถ้าเป็นเช่นนั้นผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจที่จะพูดกับผมนะ ผมสัญญาถ้าคุณบอกผมจะดูแลคุณอย่างดีและจะให้ความสำคัญกับคุณมากขึ้นในที่ทำงาน"
และนี่คือธาตุแท้ของเขาสินะ ฉันหัวเราะคิกคักเบา ๆ และถอนหายใจแรง ๆ ใส่เขาและบอกเขาว่า
“คุณแจ็คสัน ฉันเกรงว่าคุณจะเข้าใจผิดกับเรื่องก่อนหน้านี้และคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักซีอีโอมาก่อน เราไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดใด ๆ หรืออื่น ๆ”
อีกครั้ง เขาเผยให้เห็นรอยยิ้มแบบแมวเชสเชียร์ในอลิซ อิน วันเดอร์แลนด์
“ฉันเข้าใจจริงๆ คุณเชื่อใจฉันได้ ฉันเข้าใจ คุณต้องการให้ความสัมพันธ์ของเขากับคุณเป็นความลับ จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่นอน ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เล่าให้ใครฟังเด็ดขาดความลับของคุณปลอดภัย และฉันไม่ใช่คนที่คุณต้องกังวล คุณควรกังวลกับเพื่อนสาวจมูกยาว ที่ชอบเจ๋อของคุณมากกว่า”
จากนั้น เขายืนรอฟังว่าฉันจะพูดอะไรต่อ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ จากนั้น เขาก็พูดขึ้นเบาๆ ในความเงียบ
“อย่าลืมสิ่งที่ผมทำเพื่อคุณ คุณบอกผมได้ทุกเมื่อเกี่ยวกับคุณและซีอีโอ ผมไปละ”
เมื่อเขาเดินจากไป ฉันคิดถึงสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับแอนดี้ แล้วหัวเราะคิกคักเบา ๆ เมื่อฉันคิดเกี่ยวกับมัน
แน่นอน แอนดี้อาจถูกเรียกว่าเป็นกอสซิปควีนอย่างฉาวโฉ่ในบริษัทแต่อย่างน้อยเมื่อเธอนินทา เธอภูมิใจที่ได้เดินออกไปข้างนอกเหมือนนกยูงและทอมป์ก็เหมือนงูที่ชอบแอบเข้าไปในพงหญ้าสูง
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะเลิกงาน ทำไมวันนี้เวลาผ่านไปช้าขนาดนี้
ฉันรู้สึกไม่สบายใจในช่วงบ่ายส่วนใหญ่ และแน่นอนเพราะเรื่องนั้นที่เขาเอากิ๊บติดผมของฉันไปฉันไม่มีสมาธิในการทำงาน เมื่อฉันคิดอย่างรอบคอบพยายามคิดให้ออกว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น คาลวินทำดีกับฉันเมื่อคืนนี้สุภาพบุรุษที่แท้จริง ดังนั้น ทำไมเขาถึงทำให้ฉันตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้
ไม่ใช่แค่คนในแผนกของฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ไม่นานหลังจากนั้นเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัทเหมือนไฟป่า ดังนั้นการนินทาที่ไม่มีที่สิ้นสุดจึงเริ่มขึ้น ฉันไม่แปลกใจกับสิ่งนี้ที่จริงฉันรู้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้นสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ตอนนี้คือการเพิกเฉยต่อเสียงนินทา และสายตาที่จ้องมองมาทางฉันอย่างสงสัย นั้นคือสิ่งที่ฉันทำได้พร้อมกับเลี่ยงไม่ตอบคำถามพวกนี้กับใคร
แต่พูดมันง่าย ทำมันยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันเห็นการจ้องมองตาแทบไม่กระพริบมาจากมุมห้องและเมื่อฉันเดินผ่านอาคารฉันได้ยินเสียงกระซิบของเพื่อนร่วมงาน
และ ฉันได้ยินโทรศัพท์ของฉันแจ้งเตือนให้ฉันได้รับข้อความบน WhatsApp ของฉัน …
แอนดี้“โย่ อเล็กเซีย ยินดีด้วยค่ะ เธอได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบริษัทของเรา”
อเล็กเซีย..
แอนดี้ “และเกือบทุกคนเรียกเธอว่าคุณนายสมิธ”
อเล็กเซีย..
แอนดี้ “ถูกต้องและพวกเขายังบอกด้วยว่า ที่เขามาที่บริษัทของเราเป็นเพราะเธอ”
อเล็กเซีย “นั่นเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด เธอทำอะไรอยู่ อย่าบอกฉันนะว่าพวกเขาเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้จริงๆ และที่ฉันบอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่รู้จักกับเขาจริง ๆ”
แอนดี้ “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อย่าไปสนใจเลย เพลิดเพลินไปกับการประโคมข่าวครั้งใหญ่ไปก่อนนอกจากนี้ คุณควรทำเพื่อ
ตัวคุณเองตอนนี้ ดังนั้นมาเลยอย่าไปสนใจ ฮา ฮ่า”
อเล็กเซีย..
แอนดี้ “เธอนะรู้ไหมว่ามีพวกจอมปลอมและสารพัดพิษใกล้ๆ ตัวเต็มไปหมดแต่คนพวกนั้นก็แค่อิจฉาเธอ เรื่องของเธอก็เลยถูกพูดถึงแบบนี้ไงล่ะ”
ฉันเชื่อว่าแอนดี้หมายความว่าข้อมูลนี้เป็นคำที่ให้กำลังใจ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่าเพื่อกลบข่าวลือนี้ ก่อนที่ข่าวลือจะยากเกินควบคุมไปไกลกว่านี้
หลังจากใช้เวลาสองสามนาทีในการรวบรวมความกล้าหาญ ฉันอยู่ในลิฟต์ระหว่างทางไปยังชั้นผู้บริหาร มุ่งมั่นอย่างสุดใจ ที่พูดกับเขาในห้องทำงานของคาลวิน และขอให้เขาชี้แจงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเราให้พนักงานทุกคนฟังและกำจัดข่าวลือทั้งหมดในบริษัท
ลิฟต์หยุดนิ่งและประตูเปิดออก จากนั้นฉันก็เดินไปตามทางของชั้นผู้บริหาร จากนั้นสิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็น
ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ดูรกร้าง อย่าบอกฉันว่าหัวหน้างานทั้งหมดหายไปในวันนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่บริษัท ตกอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินที่ไม่ดี เพราะไม่มีใครอยู่ที่หางเสือของเรือลำนี้ เพราะกัปตันจะละทิ้งเรือที่กำลังจมแบบนี้ได้อย่างไรปล่อยทิ้งพวกลูกเรือไว้ข้างหลัง ให้ดิ้นรนและจมน้ำตายในน้ำที่ไหลเชี่ยวแบบนี้
ฉันลืมไปอย่างรวดเร็วว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่ครั้งแรก ฉันโกรธจนลืมไปทุกอย่างเมื่อคิดถึงสิ่งที่คนพวกนั้นทำ ฉันหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อให้ใจเย็นลง
อะไรกันนี่มันชั้นของผู้บริการระดับสูงไม่ใช่หรอ? คนพวกนั้นทำผิดพลาดและทำให้บริษัทยุ่งเหยิง เราหวังว่าพวกเขาจะแก้ไขมันและร่วมฝ่าฟันอย่างมีศักดิ์ศรีจนถึงวันสุดท้ายเช่นเดียวกับลูกจ้างอย่างพวกเราที่กำลังทำงานภายใต้คำสั่งการของพวกเขา
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกโกรธและไม่สบายใจอย่างมาก ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ตะโกนใส่ฉันจากทางเดิน
“สวัสดี อเล็กเซีย อะไรทำให้คุณมาอยู่ที่นี่”
เขากำลังเดินไปหาฉัน เขาดูคุ้นเคยเล็กน้อย ดังนั้นฉันจึงพยายามนึกว่าเคยพบกับเขาที่ไหนมาก่อน
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม อเล็กเซีย”
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเรียกชื่อฉัน อย่างไรก็ตามฉันยังไม่สามารถมองเห็นหน้าเขาชัดๆ ได้ ฉันเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้คือใคร เขารู้จักชื่อฉันได้อย่างไร
“ฉันขอโทษ แต่คุณเป็นใครคะ..”
เขาแสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และสง่างาม พูดตามตรงมันเกือบจะพราวเหมือนรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซนของคาลวิน และ เขาก็พูดกับฉันว่า
“ใช่ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเองกับคุณอย่างถูกต้อง ผมต้องขอโทษด้วย ผมลืมไปเลย ผมชื่อ วอร์เรน วิลสันผู้ช่วยส่วนตัวของมิสเตอร์คาลวิน สมิธ”
โอ้ใช่ ตอนนี้ฉันจำได้ ฉันเห็นเขาที่นั่น เมื่อพวกเขามาที่แผนกของเราเขาอยู่ในคณะผู้ติดตามของคาลวิน นั่นอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นเคย แต่ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้จักชื่อฉัน
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณวิลสัน”
เขาพยักหน้า
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันมีเรื่องจะถามคุณว่า คุณรู้จักชื่อฉันได้อย่างไร”
เขาเงียบในเวลาสั้น ๆ แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และสง่างาม จากนั้นหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของฉันได้อย่างราบรื่นโดยการเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว
“คุณต้องการให้ผมช่วยอะไรไหมคุณอเล็กเซีย คุณคงไม่อยู่ดีๆ ก็มาที่นี้แน่ๆ ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม”
ฉันเริ่มลังเลที่จะตอบว่า “โอ้ใช่แล้วใช่- เกี่ยวกับเรื่องนั้น..”
ฉันเคยมีความกล้าที่จะมาที่นี่และตอนนี้ฉันก็ลังเล และความมั่นใจค่อยๆลดลง ฉันรู้สึกไม่สบายใจและอายเล็กน้อยอีกครั้ง แม้ว่าฉันจะเชื่อว่าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะรู้ข่าวลือที่ปลิวไปทั่วทั้งบริษัทแล้วก็ตาม
“คุณอยู่ในกลุ่มผู้ติดตามวันนี้ ดังนั้นฉันแน่ใจว่าคุณเห็นมันด้วยตัวคุณเอง นั่นคือ ตอนที่คุณซีอีโอเอากิ๊บติดผมออกจากหัวของฉันใช่ไหม”
เขาพยักหน้า
“อืม ฉันคิดมาตลอดตั้งแต่เขาทำแบบนั้นและฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น พูดตามตรง มันกวนใจฉันนิดหน่อย ดังนั้นฉันตัดสินใจขึ้นมาถามเขาโดยตรงว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นเพราะงั้นจึงมีข่าวลือไปทั่วบริษัท ฉันแน่ใจว่าจนถึงตอนนี้แม้แต่พวกคุณที่อยู่บนชั้นผู้บริหารจะต้องเคยได้ยินเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับสิ่งที่เราเคยรู้จักมาก่อน และแม้จะบอกว่าเราไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์บางอย่างก็ไม่มีใครเชื่อค่ะ”
อีกครั้ง เขาพยักหน้า
“ใช่ เพราะฉะนั้นฉันหวังว่า คือ- ฉันต้องการถามว่าเขาสามารถช่วยฉันอธิบายเกี่ยวกับข่าวลือพวกนั้นกับพนักงานที่เอาไปนินทาได้ไหมว่ามันคืออะไรกันแน่”
“ผมเข้าใจ อืม แน่นอนว่าผมเห็นอกเห็นใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของคุณ เชื่อว่าคาลวินสามารถทำได้เช่นกันและเชื่อว่าเขาจะยินดีที่จะชี้แจงสิ่งต่าง ๆ และชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด”
เขาหยุดก่อนที่เขาจะบอกฉัน
“แต่ ผมคิดว่าคุณจะต้องรอสักครู่ ตอนนี้ซีอีโอไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทันทีที่เขากลับมาผมจะบอกให้เขารู้ว่าคุณมาพบเขาและแน่นอนผมจะบอกเขาเรื่องที่เราคุยกันด้วย”
ฉันบอกเลยว่าผิดหวังเล็กน้อยเพราะฉันต้องการแก้ไขทั้งหมดนี้โดยเร็วที่สุด แต่ฉันจะทำยังไงได้ ฉันถอนหายใจเล็กน้อยภายใต้ลมหายใจของฉัน และจากนั้นก็พูดตามตรง
“โอ้ ถ้าเป็นเช่นนั้นคิดว่าฉันจะอยู่บนถนนและคิดว่าต้องเจอเขาในวันอื่น อย่างไรก็ตามขอบคุณๆ มาก”
ฉันเริ่มกลับไปที่ลิฟต์ ตอนที่วอร์เรนตะโกนใส่ฉัน
“เดี๋ยวก่อน อเล็กเซีย”
เขาเข้าหาฉันอย่างช้าๆ แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และสง่างามของเขาอีกครั้ง
“ผมคิดว่า ถ้าคุณไม่มีแผนใด ๆ และคุณมีเวลา คืนนี้คุณจะไปทานอาหารเย็นกับผมได้ไหม”
เดี๋ยวก่อนฉันได้ยินผิดไปรึเปล่า เขาขอให้ฉันออกไปทานอาหารเย็นจริง ๆ หรือ แต่เราเพิ่งพบกัน ทำไมเขาถึงพาฉันออกไปทานอาหารเย็น ฉันไม่เข้าใจ โอ้ โอเค อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ขอฉันแต่งงานเหมือน นัดบอดกับรถไฟขบวนสุดท้ายเมื่อคืนนี้
ไม่ มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจและฉันคิดว่าเขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่น่าอายอย่างเห็นได้ชัด ที่ฉันรู้สึกได้ในขณะนี้ เพราะวอร์เรนรีบอธิบายทันที
“ขอโทษที่ผมบู่มบ่าม พูดจาอวดดีเกินไปครับ แต่เชื่อผมเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเข้าใจผิดแบบนั้น คุณมีความคล้ายคลึงกับหนึ่งในเพื่อนสมัยเรียนของผมมากๆและด้วยเหตุผลแปลก ๆ บางอย่าง ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคยและบรรยากาศแห่งความคิดถึงที่คุณเปล่งออกมา”
ฉันบังคับตัวเองไม่ได้ เผลอหัวเราะสั้น ๆ ออกมาวอร์เรนยิ้มตาม
อะไร มุกจะจีบสาวเก่ามากฉันเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย และฉันพูดติดตลกว่า
“ไม่เลย ใครๆก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ กันทั้งนั้น ดีมากและดีใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น” จากนั้นเขาก็บอกฉันว่า“นอกจากนี้วันนี้เป็นวันแรกของเขาผมบริษัท ยกเว้นคาลวินผมก็ไม่รู้จักคนอื่นเลย จริงๆ นี่เป็นการดีที่จะได้รู้จักเพื่อนใหม่และหาเพื่อนคนอื่นด้วย คุณเห็นด้วยไหม?”
“ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น”
คุณวอร์เรนบอกฉันว่า“ผมรู้ว่าเราเพิ่งพบกัน มันอาจจะดูแปลกๆ ถ้าคุณจะมาทานอาหารกับผมสองต่อสอง มันอาจจะทำให้เราอึดอัดและทำให้คุณไม่ค่อยสบายใจนัก ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ คุณเชิญเพื่อนของคุณหนึ่งหรือสองคนมามาทานข้าวด้วยกัน ฟังดูเป็นอย่างไร”
ในความเป็นจริง มันฟังดูไม่เลวเลย ยิ่งกว่านั้นฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นี่เป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะได้อยู่กับเพื่อนร่วมงาน แม้แต่คนที่คุณพบครั้งแรกและออกไปทานอาหารเย็น ยิ่งกว่านั้นตอนนี้วอร์เรนแนะนำว่าฉันพาเพื่อนไปด้วยได้ฉันโล่งใจ และเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอาจไม่มีความตั้งใจอย่างอื่น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
“แน่นอน ทำไมจะไม่ได้และฉันจะชวนเพื่อนไปด้วย”
เขายิ้ม
ใช่ หลังจากหยุดสั้น ๆ เขาก็พูดว่า “หลังเลิกงานผมจะไปรับคุณและเพื่อน ๆ”
“โอเค เราจะไปค่ะ”
“โอเค แล้วเจอกันนะครับ”
“ใช่แล้วพบกัน ลาก่อน”
ฉันให้รอยยิ้มที่ยิ่งใหญ่และเป็นมิตรแก่เขา จากนั้นกลับไปที่แผนกของฉัน