ตอนที่ 4

1402 คำ
“ช่างมันเถอะอย่าพูดถึงมันเลย ยังไงกูก็ยังไม่พร้อมที่จะมีคนใหม่อยู่ดี แล้วมึงมีคนรู้จักมาแนะนำให้กูมั้ยล่ะ กูขอคนที่คุยรู้เรื่องก็พอ แต่งไปให้มันจบๆ อยากได้อะไรกูหาให้ได้หมดขอแค่อย่ามาวุ่นวายอะไรกับชีวิตกูก็พอ แล้วก็ไม่ต้องมีสัญยงสัญญาอะไรทั้งนั้น อยากหย่ากับกูตอนไหนก็ได้ กูขอแค่นี้” อิทธิพัทธ์พูดตัดบทเพื่อนเมื่อถูกพูดแทงใจดำและหมดปัญญาที่จะสรรหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาตัวเองได้ ในบรรดาผู้จัดการสาขาส่วนใหญ่ก็มีลูกมีครอบครัวกันหมด อีกอย่างก็ไม่มีใครเข้าตาเขาสักคน “มึงก็พูดง่ายเกินไปกูจะไปหาใครมาให้มึง” นพรุจสงสารเพื่อนจับใจแต่เขาก็จนปัญญา ถ้าเป็นสมัยเรียนก็ว่าไปอย่างสาวๆมีเยอะเต็มไปหมด เขารู้ดีว่าถ้าเพื่อนโดนบังคับแต่งงานมีหวังหลังแต่งงานไม่กลับไปนอนบ้านเป็นแน่ เพราะที่ไหนอยู่แล้วอึดอัดมากๆ คนอย่างอิทธิพัทธ์ไม่มีทางอยู่ด้วยแน่นอน ที่ซุกหัวนอนอาจจะเป็นสำนักงานของเขาหรือไม่ก็ร้านขายวัสดุก่อสร้างสาขาใดสาขาหนึ่ง เพราะในแต่ละสาขาจะมีห้องพักให้สำหรับเขาอยู่แล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นบ้านนพรุจเอง ที่เขาเคยมาค้างตอนที่หย่ากับภรรยาใหม่ๆ “พี่อิท สวัสดีค่ะ” ธันยารัตน์พนมไหว้เพื่อนแฟนหลังจากกลับขึ้นมาจากสวน มาคราวนี้เธอดูอวบขึ้นเล็กน้อยตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นแถมยังมีลูกอีกหนึ่งคน “หวัดดีครับ” อิทธิพัทธ์รับไหว้และยิ้มอ่อนให้ธันยารัตน์ที่เปรียบเหมือนเพื่อนรุ่นน้องของเขาอีกคน “สบายดีนะคะ” ธันยารัตน์เอียงคอมองเพื่อนสามีอย่างล้อเลียน “ตัวสบายแต่ใจไม่” นพรุจพูดดักขึ้นมาก่อนที่เพื่อนจะตอบ ธันยารัตน์มองหน้าอิทธิพัทธ์เห็นแววตาหงอยๆ “มีเรื่องกันเหรอคะ” ทั้งสองไม่พูดอะไรแต่นพรุจพยักเพยิดหน้าให้ภรรยารับรู้ “ธันย์ไปทำกับแกล้มให้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะโทรไปบอกแม่ก่อนว่าไม่ต้องทำกับข้าวตอนเย็น เดี๋ยวธันย์ทำเข้าไปจะได้เผื่อพี่อิทด้วย” ธันยารัตน์บอกกับทั้งสองก่อนจะเดินไปเปิดไฟซุ้มให้แล้วเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อทำกับข้าว ปกติกับข้าวตอนเย็นแม่สามีจะเป็นคนทำไว้ให้เพราะทั้งสองทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ปู่กับย่าถึงอายุจะอยู่ในวัยเลยหกสิบไปแล้วแต่สุขภาพก็ยังแข็งแรงมาก ส่วนลดาวัลย์หลานสาวคนโตจะกลับบ้านทุกๆวันหยุด บางครั้งถ้ามีงานในสวนที่เร่งรีบมากๆทั้งสองก็จะค้างที่บ้านสวนเป็นประจำ หลังจากพ่อกับแม่ของลดาวัลย์เสียไปอาทั้งสองก็ลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำสวนสืบต่อจากพ่อแม่ของเธอครอบครัวของนพรุจจึงย้ายเข้ามาอยู่บ้านของลดาวัลย์ เพราะนพรุจต้องดูแลพ่อกับแม่ขณะที่ลดาวัลย์ไปเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก ลดาวัลย์เรียนอยู่ปีสี่อีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่ชายของนพรุจ อาศัยอยู่กับอาทั้งสองและปู่กับย่า พ่อกับแม่จากไปตั้งแต่อายุสิบห้าปีด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่ขับรถขนผักและผลไม้เข้าไปขายส่งที่ตลาดในกรุงเทพฯ แต่ก่อนพ่อกับแม่ของลดาวัลย์มักจะไปส่งผลผลิตเอง แต่ทุกวันนี้อาทั้งสองเลือกที่จะให้พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาเหมาที่สวนเองเลย หรือไม่อย่างนั้นก็ส่งแค่ตลาดในตัวเมืองและจังหวัดข้างเคียง บางครั้งใครอยากทานสดหน้าสวนก็ย่อมซื้อหาได้เช่นกัน “กูเครียดแทนมึงเลยว่ะ กูขอไปนอนปรึกษาเมียก่อนนะ เผื่อเขาจะรู้จักผู้หญิงมากกว่ากู” นพรุจเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่เรื่องผู้หญิงเขาไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่เพราะงานสวนในส่วนของเขาส่วนมากคนงานก็เป็นผู้ชายจึงต้องอาศัยให้ภรรยาช่วย การแต่งงานในวัยนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องผิวเผินด้วยสิ ไม่ใช่เห็นแค่ว่าหล่อสวยก็จะแต่งกันได้เลย แต่เพื่อนก็ยังไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้วเขาจะไปหาผู้หญิงคนนั้นจากที่ไหนล่ะ “อือ ขอแค่คนๆนั้นกูพอรู้จักบ้างก็ยังดี” อิทธิพัทธ์พูดอย่างคนหมดหวัง ธันยารัตน์ยกกับแกล้มมาให้แล้วก็ไปทำงานบ้านรอสามีต่อสักพัก “คืนนี้มึงนอนนี่แหละ ไม่ต้องขับรถกลับบ้านหรอก” นพรุจเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นว่าอิทธิพัทธ์เริ่มมีอาการมึนเมา “ไม่เป็นไร กูขับได้” ความรั้นของเขาก็ไม่ค่อยแพ้ใครเหมือนกัน “ตลอดล่ะมึงอะ เดี๋ยวกูนั่งดื่มเป็นเพื่อนมึงด้วย” นานๆทีได้เจอกันแถมเพื่อนมีปัญหาอีก นพรุจจึงใช้ไม้นี้เพื่อให้เพื่อนไม่ต้องขับรถกลับเอง “ธันย์กลับก่อนพี่เลยนะ คืนนี้พี่จะนอนเป็นเพื่อนไอ้อิทมัน” “จ้ะพี่ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวคนที่บ้านโน้นรอ” คืนนั้นทั้งสองขึ้นบ้านนอนตอนไหนไม่ได้ดูเวลา อิทธิพัทธ์รู้เพียงว่าตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเพื่อนแล้วเพราะต้องไปดูสวนแต่เช้า มีเพียงกับข้าวที่ธันยารัตน์ทำมาให้ในตอนเช้า แช่ไว้ในตู้เย็นแล้วก็มีข้อความจากเพื่อนทิ้งไว้ ‘กับข้าวอยู่ในตู้เย็น อุ่นกินเองนะ ส่วนข้าวหุงไว้ให้แล้ว กลับตอนไหนบอกด้วย ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวกูช่วยมึงหาอีกที ขับรถดีๆล่ะ” ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ นพรุจมีครอบครัวที่น่าอิจฉา ลูกก็น่ารัก เมียก็เอาใจสารพัด ช่วยกันทำมาหากินขยันทั้งคู่ น้อยมากที่จะได้ยินข่าวว่าทะเลาะกัน “พี่อิทมีปัญหาอะไรเหรอพี่” ธันยารัตน์เอ่ยถามสามีเมื่อทั้งสองนั่งพักเหนื่อยอยู่ใต้ต้นชมพู่ “หาเมียไม่ได้” นพรุจบอกกับภรรยาแล้วก็อดขำไม่ได้ ทั้งตลกทั้งสงสาร “หือ??” “หาเมียช่วยมันหน่อยดิ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” นพรุจบอกภรรยาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “พี่ก็บ้า ใครจะไปหาได้ หาแฟนก็ว่ายากแล้ว นี่หาเมียนะพี่” “พี่ก็คิดไม่ออกว่ะ ว่าจะแนะนำใครที่มันพอรู้จัก” “แล้วพี่อิทลืมพี่ขวัญได้แล้วเหรอคะ” ธันยารัตน์รู้ดีว่าตอนที่อิทธิพัทธ์เลิกกับเมียคนแรกนั้นอาการหนักหนาแค่ไหน “ยัง มันแค่จะหามาเพื่อหลอกคุณย่าของมันเฉยๆ” “อ้าวเวรกรรม แล้วใครจะไปยอมแต่งด้วยล่ะคะ น่าสงสารนะคะหาเมียตอนแก่” “อือ พี่ก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหนเหมือนกัน ดูท่ามันคงพึ่งได้นอนเต็มที่ก็เมื่อคืนนี่แหละ ธันย์ไม่พอรู้จักใครบ้างเหรอลูกคนงานเราก็ได้ที่พอไปวัดไปวาได้น่ะ มีบ้างมั้ย” นพรุจสังเกตเพื่อนว่าคงเครียดมาหลายวันก็เลยตื่นสาย ปกติอิทธิพัทธ์ถึงเมาแค่ไหนก็ตื่นเช้า แต่นี่เขาออกมาสวนแปดโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ตื่น ธันยารัตน์ยังไม่ทันได้ตอบเสียงเล็กหวานก็ตะโกนเรียกอาทั้งสองพอดี “อารุจอาธันย์อยู่ไหนค้า” ทั้งสองหันขวับมองหน้ากันแล้วทำตาโตโดยไม่ได้นัดหมาย “ยัยอ้อ!” ทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกันนัยน์ตาเป็นประกายฉายแววมีความหวังอยู่ในนั้น “อยู่ทางนี้จ้า” ธันยารัตน์ลุกขึ้นโบกมือให้หลานสาว วันนี้เธอลืมไปเลยว่าเป็นวันเสาร์หลานสาวจะต้องกลับบ้านที่ราชบุรี นพรุจจึงแยกย้ายไปทำงานปล่อยให้อาหลานเม้าท์มอยกันไปตามประสาผู้หญิงที่ได้เจอกันเพียงสัปดาห์ละครั้ง ในหัวนพรุจตอนนี้กำลังกังวลเรื่องลดาวัลย์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม