ตอนที่ 8 สามีกำมะลอ

1400 คำ
คืนวันเข้าหอ อิทธิพัทธ์ยอมนอนพื้นแล้วให้ลดาวัลย์นอนบนเตียงเพียงคนเดียว เธอเองก็ขอแค่นี้อย่างน้อยก็ได้นอนมองหน้าเขาแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว “พ่อกับแม่ฝากดูแลหนูอ้อด้วยนะอิท มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะ” ปู่กับย่าอวยพรเหมือนสองคนเป็นผัวเมียกันจริงๆ “ครับคุณพ่อคุณแม่” อิทธิพัทธ์ตอบเสียงหนักแน่น แต่ความหมายของเขาคือดูแลในฐานะหลานคนหนึ่งแค่นั้นเอง “ตอนเย็นเดี๋ยวกูตามไป” นพรุจเข้าไปบีบไหล่เพื่อนเบาๆ “เออ กูกลับก่อนนะ” “ขับรถดีๆนะคะพี่อิท เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะอ้อ” “ค่ะอาธันย์อ้อไปก่อนนะคะ เดี๋ยวอ้อโทรหานะคะ” นพรุจจะต้องเดินทางไปเป็นญาติทางฝ่ายหญิงเพื่อไม่ให้ญาติทางฝ่ายชายสงสัย แต่ให้ธันยารัตน์อยู่ดูแลพ่อกับแม่และลูกสาวที่บ้าน ทั้งสองร่ำลาทุกคนอิทธิพัทธ์ยกกระเป๋าเสื้อผ้าของภรรยาขึ้นรถแล้วขับรถออกมาทันที มาถึงบ้านของเขาช่วงบ่าย ภายในบ้านของเขาดูร่มรื่นมีต้นไม้ที่มีร่มเงาไม่สูงมากนักให้อารมณ์คล้ายกับที่บ้านสวน ด้านข้างมีซุ้มต้นลดาวัลย์ที่ ตอนนี้ดอกมันร่วงโรยไปจนเกือบหมด “นี่ป้าน้อยแม่บ้านและลุงหนอมคนสวน ส่วนนี่อ้อภรรยาของผมครับ” ลดาวัลย์พนมมือไหว้ทั้งสองแล้วยิ้มละมุนให้ ทั้งป้าน้อยและลุงหนอมต่างรู้สึกถูกชะตาในตัวหญิงสาวตั้งแต่แรกเจอ “คุณอ้อไม่ต้องไหว้ลุงกับป้าหรอกนะคะ” “ค่ะคุณลุงคุณป้า” ไหว้ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเธอชินกับการไหว้ผู้ใหญ่แบบนี้มาตลอด ที่บ้านไม่ได้มีแม่บ้านและคนสวนเธอจึงไม่ชินกับการที่ต้องมีใครมาคอยดูแล “สองวันนี้เหนื่อยหน่อยนะ เดี๋ยวให้ป้าน้อยพาเอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง” อิทธิพัทธ์บอกป้าน้อย และรู้ว่าลดาวัลย์อ่อนเพลียจากงานเมื่อวานและยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ป้าน้อยถือกระเปาเดินนำหน้าลดาวัลย์ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ในมือลดาวัลย์ถือรูปแต่งงานที่ใส่กรอบใบใหญ่ขึ้นมาด้วย ส่วนเขานั้นออกไปดูพื้นที่ที่จะจัดงานเลี้ยงเย็นนี้ ภายในห้องของอิทธิพัทธ์แบ่งเป็นห้องใหญ่สำหรับเขาหนึ่งห้องและมีห้องเล็กที่สามารถเปิดประตูห้องทะลุหากันได้ไว้สำหรับเธออีกหนึ่งห้อง ความจริงแล้วบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอตอนที่ภรรยาเก่าของเขายังอยู่ และห้องเล็กนี้คงออกแบบไว้สำหรับลูกของเขาทั้งสอง ป้าน้อยวางกระเป๋าเธอไว้ภายในห้องเล็ก “ห้องนี้จะเป็นห้องคุณอ้อค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกป้านะคะ ป้าขอลงไปดูความเรียบร้อยข้างล่างก่อนค่ะ” “ขอบคุณมากนะคะ” ลดาวัลย์บอกแม่บ้านก่อนเธอจะส่งยิ้มให้และเดินออกจากห้องไป ดวงตาสีดำเข้มกวาดมองไปทั่วห้องใหญ่พลันสายก็ไปสะดุดเข้ากับรูปภาพบ่าวสาวขนาดค่อนข้างใหญ่ แขวนอยู่บนผนังห้องคนละฝั่งกับเตียงนอนมองเห็นได้อย่างชัดเจน เหลือบมองข้างหัวเตียงก็มีรูปคู่ระหว่างเขากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวกันกับในรูปที่สวมชุดเจ้าสาว เหมือนไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนสักแห่ง คนร่างเล็กมองดูรูปที่ตัวเองหอบขึ้นมาที่มีขนาดเดียวกันเป๊ะหัวใจก็พลันกระตุกวูบ ทำไมอิทธิพัทธ์ถึงไม่ยอมบอกเธอทั้งที่เขาก็เห็นว่าเธอหอบรูปแต่งงานติดมาด้วย อีกรูปหนึ่งที่เล็กกว่าเธอแขวนไว้ที่ผนังในห้องนอนที่บ้านของเธอ ‘ส่วนรูปนี้ก็คงต้องตั้งไว้ในห้องเล็กที่เธอนอนสินะยัยอ้อ’ ลดาวัลย์รู้แค่เพียงว่าเขาแต่งงานกับภรรยาได้เพียงสี่ปีภรรยาเขาก็ขอหย่า เห็นนพรุจเคยบอกว่าเขาเสียใจหนักมากถึงขั้นเกือบเสียผู้เสียคน ไปนอนขลุกอยู่บ้านสวนนานเป็นเดือน เพราะไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้ ‘เวลาล่วงเลยมาเกือบสามปีแล้วเขาคงดีขึ้นมากแล้วมั้ง เพียงแค่เก็บรูปภาพเหล่านั้นไว้เป็นแค่เพียงความทรงจำเฉยๆ’ ปลอบใจตัวเองแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องรู้สึกมากและไม่คิดว่าเขายังมีแฟนเก่าอยู่เต็มหัวใจ ทั้งที่ความจริงเธอไม่อาจเดาใจเขาได้เลย ลดาวัลย์วางรูปแต่งงานไว้บนโต๊ะข้างผนังห้องที่เปิดประตูเข้ามาก็จะมองเห็นได้ชัดเจน ในห้องนี้ถึงจะเรียกว่าห้องเล็กแต่ความจริงแล้วมันก็กว้างเท่ากับห้องนอนที่บ้านเธอดีๆนี่เอง มีเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกอย่างยกเว้นห้องน้ำต้องใช้ร่วมกับเขา นพรุจมาถึงในเวลาที่งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มขึ้นพอดี ภายในงานลี้ยงทุกคนต่างพูดคุยกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน บงกชยังมีกระจิตกระใจเชิญริสาสาวข้างบ้านมาร่วมงานอีกด้วย “ริสาอุตส่าห์เล็งคุณอิทมาตั้งนาน เผลอแป๊บเดียวแต่งงานอีกละ” ริสาพูดติดตลกแต่ทุกคนก็ไม่ถือสา ต่างหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำ เพราะถึงเธอจะขี้วีนพูดมากจนน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้คิดร้ายกับใคร “พี่อ้อดูดีจังเลยค่ะ ปรางเป็นผู้หญิงปรางยังชอบเลยค่ะ พี่อิทนี่ตาถึงจังเลยนะคะ อ๋อปรางพึ่งรู้นะคะว่าพี่อ้อเป็นเพื่อนกับพี่เมศ โลกกลมจังเลยนะคะ” ปรางทิพย์หลานคนเล็กของบ้านเอ่ยชมพี่สะใภ้อย่างจริงใจ เพราะตอนที่ลดาวัลย์ไปบ้านใหญ่วันนั้นเธอติดเรียนจึงไม่ได้เจอกัน และตอนแห่ขันหมากไปบ้านเจ้าสาวก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน พอมีโอกาสวันนี้ก็เลยขอเม้าท์ด้วยหน่อย “ขอบใจจ้ะ” ลดาวัลย์ยิ้มให้ตามมารยาทเพราะรู้ดีว่าคนที่บ้านใหญ่คงไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเธอกับอิทธิพัทธ์ มีแค่ป้าน้อยกับลุงหนอมเท่านั้นที่พอจะรู้บ้าง มีสายโทรเข้ามาลดาวัลย์จึงปลีกตัวขอไปรับโทรศัพท์ “ค่ะอาธันย์” อาสะใภ้โทรมาเพราะทุกคนที่บ้านต่างคิดถึงและเป็นห่วง เสียงเล็ดลอดมาตามสายดังอื้ออึง “อ้ออยู่ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้เหรอคะ อารุจกำลังคุยกับครอบครัวอาอิทอยู่น่ะค่ะ” ลดาวัลย์คุยอยู่อีกสักพักก่อนจะวางสายกำลังจะเดินกลับเข้าไปในงาน “อ้ออยู่คุยกับเราก่อนได้มั้ย” ปารเมศไม่เคยเห็นเพื่อนสาวในชุดเดรสสวยแบบนี้เขาอยากมองเธออยู่ตรงนี้นานๆ ถึงเธอจะอยู่ในฐานะพี่สะใภ้แล้วก็ตาม “อือ ได้สิ เมศมีอะไรเหรอ” เธอเดินออกจากมุมต้นไม้เพื่อให้คนภายนอกมองเข้ามาเห็นได้ง่าย เพราะเธออยู่ในฐานะที่มีสามีแล้วไม่อยากให้ใครมาว่าได้ ถึงแม้ว่าเธอกับปารเมศจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม “เราขอดื่มฉลองเพื่อแสดงความยินดีให้กับเธอ” ปารเมศส่งแก้วไวน์ให้กับลดาวัลย์ เธอจึงรับมาแล้วค่อยๆจิบเพราะลดาวัลย์ไม่สันทัดกับเรื่องนี้เอาเสียเลย “ดื่มได้แค่นี้นะ เมศก็รู้เราดื่มเยอะไม่ค่อยได้” ลดาวัลย์บอกความจริงกับเพื่อนเพราะเธอยังไม่รู้เลยว่าถ้าดื่มหมดแก้วแล้วอาการจะเป็นอย่างไร รู้แค่เพียงว่าตัวเองคออ่อนมากถึงมากที่สุด ปารเมศรู้ดีว่าลดาวัลย์ดื่มเยอะไม่ค่อยได้ เพราะตัวจะเห่อแดงไปหมด ยืนอยู่สักพักลดาวัลย์ก็ขอตัวกลับเข้าไปนั่งในงานตามเดิม ทั้งคุณย่าทั้งพ่อสามีต่างอวยพรให้รักกันนานๆให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง อิทธิพัทธ์ก็ทำหน้าที่ได้ดี เออออไปกับคำอวยพรเหล่านั้นอย่างไม่ขัดเขิน ผิดกับเธอที่นั่งหน้าเห่อแดงม้วนแล้วม้วนอีก ส่วนนพรุจก็เอาแต่นั่งยิ้มมองดูคนนั้นคนนี้อวยพรให้คู่บ่าวสาว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม