“วันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าไกลเหมือนเมื่อวานแล้วแฮะ”
เธอพึมพำออกมาแผ่วเบาเมื่อร่างของเธอนั้นมายืนอยู่ที่หน้าคาเฟ่แมวจรซึ่งเธอได้มาเป็นครั้งที่สองแล้ว
วันนี้บรรยากาศก็เหมือน ๆ กันกับเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เจ้าหล่อนบอกจริง ๆ ว่าที่แห่งนี้ค่อนข้างที่จะไกลอยู่พอสมควรจึงทำให้ผู้คนบางตามาก ๆ เรียกได้ว่าไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ
และเมื่อวานที่เธอเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ก็มีแต่เธอแค่เพียงลำพังเท่านั้นที่มา เพราะก่อนหน้าของเธอนั้นไม่มีลูกค้าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งเธอก็ได้ขอตัวกลับหลังจากนั้นไม่นานเมื่อได้รับรู้ถึงรายละเอียดของการรับอุปการะน้องแมวแล้ว เพื่อไปคิดแผนของวันต่อ ๆ ไปที่เธอจะต้องมาที่แห่งนี้เป็นประจำอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะได้รับน้องแมวไปอุปการะตามข้อตกลงที่เจ้าหล่อนได้บอกกล่าวเอาไว้
แน่นอนว่าหลังจากนั้นเธอก็ไม่อาจจะทราบได้เลยว่าหลังจากที่เธอกลับไปพร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้วเพราะไม่อยากจะเสียมารยาทเข้ามาโดยไม่สั่งอะไรนั้นจะมีคนมาเพิ่มเติมจากเธอบ้างหรือเปล่า และถ้าหากว่ามันไม่มีใครมาเลยล่ะ...เจ้าหล่อนจะเป็นอย่างไรกับน้องแมวฝูงใหญ่ที่ต้องดำรงชีวิตต่อไป
หรือว่าเจ้าหล่อนจะมีงานเสริมทำกันนะ เพราะการเปิดคาเฟ่แมวที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้แน่นอนล่ะว่าเจ้าหล่อนจะต้องอยู่แถว ๆ นี้เพื่อดูแลน้องแมวไม่ให้ห่างตา และดูจากการที่เจ้าหล่อนตั้งชื่อให้กับน้องแมวทุกตัวทั้งยังจดจำได้ไม่มีพลาด ก็บ่งบอกแก่เธอได้เป็นอย่างดีแล้วว่าเจ้าหล่อนรักและเอ็นดูเจ้าแมวฝูงใหญ่ฝูงนี้มากมายขนาดไหน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้ตั้งกฏแบบนี้เพื่อแลกกับการที่คนจะรับน้องแมวไปเลี้ยง...เพราะหากเพียงแค่จะทำไปส่ง ๆ ไม่ใส่ใจเจ้าสี่ขาฝูงใหญ่ฝูงนี้ เจ้าหล่อนคงจะให้น้องแมวกับทุก ๆ คนที่มาขอไปตั้งนานแล้ว ไม่มาเสียเวลาศึกษาดูความพร้อมของคนที่มาขอก่อนหรอกว่าพร้อมที่จะให้น้องแมวได้ย้ายครอบครัวออกจากอ้อมอกของเจ้าหล่อนแล้วหรือยัง
กริ๊ง!
“เมี๊ยว!”
อ่า...เหมือนเมื่อวานไม่มีผิดเลย
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปภายในร้านหลังจากที่แวะไปล้างมือมาแล้วก็มีน้องแมวฝูงใหญ่วิ่งกรู่กันออกมาต้อนรับ จะมีเพียงแมวแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่วิ่งหนีไปหลบยังที่ของตนเองเพราะหวาดคนแปลกหน้า
ซึ่งเมื่อวานเธอเองก็ได้มีโอกาสไปศึกษานิสัยใจคอต่าง ๆ ของน้องแมวมาบ้างแล้วผ่านอินเทอร์เน็ต และก็ได้รู้ว่าน้องแมวที่หวาดกลัวคนนั้นก็พอมีอยู่บ้าง และสาเหตุที่น้องแมวหวาดกลัวคนนั้นมันเกิดมาจากอะไร ซึ่งมันก็มีมาจากหลากหลายปัจจัย แต่เธอก็ไม่อาจจะรู้ได้แน่ชัดว่าเจ้าแมวเหล่านั้นที่หวาดกลัวเธออยู่ในตอนนี้ได้พบเจอกับอะไรมาบ้าง
เว้นเสียแต่น้องสองตัวที่เธอพอได้รู้คร่าว ๆ มาแล้วว่าคนใจร้ายที่รับน้องไปเลี้ยงก่อนหน้านี้ได้สร้างบาดแผลทั้งทางร่างกายและก็จิตใจเอาไว้ให้แก่น้องจนฝังใจและกลับกลายเป็นหวาดกลัวคนแปลกหน้าไปโดยปริยาย
“ยินดีต้อนรับกลับมานะคะ”
เจ้าหล่อนที่เดินออกมาจากประตูทางด้านหลังของร้านเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
ตึกตัก ตึกตัก
นี่เธอเข้ามายังไม่ถึง 5 นาทีเลยนะ ใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมหัวใจ!
ภคมนหลบสายตาของเจ้าหล่อนโดยแสร้งทำทีเป็นก้มหน้าลงไปสบมองน้องแมวที่กำลังตะโกนร้องเรียกกันตาใส มีบางตัวที่ปีนป่ายขึ้นมาผ่านกางเกงที่เธอสวมใส่ ซึ่งแมวที่ปีนเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นแมวเด็กทั้งสิ้น และเธอเองก็มองว่ามันน่ารักดีเลยไม่คิดที่จะว่ากล่าวอะไรจนน้องถอดใจเลิกปีนไปเอง
“ใส่เสื้อสีดำมาคาเฟ่แมวแบบนี้...คิดดีแล้วใช่ไหมคะ?”
คำถามของเจ้าหล่อนพาลทำให้เธอเงยหน้าสบมองอย่างไม่เข้าใจอีกครั้งหนึ่ง
“ทำไมเหรอคะ...มาคาเฟ่น้องแมวแล้วใส่เสื้อสีดำไม่ได้เหรอ?”
เอ่อ...คำถามของเธอดูเป็นการกวนประสาทเจ้าหล่อนหรือเปล่า?
เธอเอ่ยถามกลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้จริง ๆ เพราะเธอไม่เคยเลี้ยงสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่รู้เลยว่าการมาคาเฟ่แมวไม่ควรที่จะใส่เสื้อสีดำ ที่เธอถามออกไปแบบนั้นก็เพราะสงสัยใคร่รู้ทั้งสิ้น ไม่มีมีเจตนาใด ๆ ที่จะเอ่ยกวนเจ้าหล่อนเลยแม้เพียงแต่น้อย
แต่คำพูดของเธอมันฟังดูแล้วเหมือนกวนประสาทหรือเปล่านะ?
“คือว่า ฉันไม่ค่อย...”
“เพราะว่าเสื้อผ้าสีดำจะทำให้ติดขนน้องแมวได้ง่ายกว่าเสื้อผ้าสีอื่น ๆ น่ะค่ะ”
เธอที่กำลังจะเอ่ยอธิบายพลันต้องหยุดชะงักและสบมองใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างไม่ได้ถือสาอะไรของเจ้าหล่อนแทน
“ถ้าคุณสังเกตดี ๆ ในคาเฟ่นี้แทบจะไม่มีสีดำเลย มันค่อนข้างยากต่อการทำความสะอาดน่ะค่ะ”
“อ๋อ...เป็นอย่างนั้นสินะคะ”
เธอพยักหน้าตอบรับเป็นอันเข้าใจเมื่อมองไปรอบ ๆ ของร้านและไม่พบอะไรที่เป็นสีดำอย่างที่เจ้าหล่อนได้เอ่ยบอกจริง ๆ
“วันนี้ฉันพกงานมาทำด้วย ขออนุญาตชาร์จแบตในร้านได้หรือเปล่าคะ?”
“ยินดีให้บริการทุกปลั๊กของร้านเลยค่ะ”
เจ้าหล่อนยังคงยกยิ้มสดใส และมันทำให้เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สบมองรอยยิ้มนั้นของเจ้าหล่อน
หรือว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่บำบัดเธอน่ะ...
“แต่สั่งอะไรทานสักอย่างก่อนนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะบงการเด็ก ๆ ให้ไปรบกวนคุณตลอดทั้งวันเลยล่ะค่ะ คิก!”
คือหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเธอคนนี้กันแน่...
ตึกตัก ตึกตัก
เมื่อคิดอะไรแบบนั้นหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ท่องไว้นะภักดีว่าแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น หลังจากอาทิตย์นี้ไปทุกอย่างจะต้องจบลง...ใจเย็นเข้าไว้ สงบ ๆ เอาไว้ก่อนนะตัวฉัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันขออเมริกาโน่ร้อนแก้วหนึ่งค่ะ”
“รับทราบค่ะ คุณเลือกโต๊ะได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันไปเสิร์ฟให้”
เจ้าหล่อนยกยิ้มสดใสให้เธอรีบเบือนหน้าหนีแสร้งทำทีเป็นเดินไปหาโต๊ะนั่งในทันใด
ซึ่งโต๊ะที่เธอเลือกนั่งนั้นก็เป็นตัวที่อยู่ทางด้านในสุดของร้านซึ่งมันติดกันกับประตูหนึ่งที่เธอก็ไม่แน่ใจว่ามันคือประตูอะไร แต่เธอเดาว่ามันน่าจะเป็นประตูที่ทะลุออกไปทางด้านหลังของร้าน เพราะเจ้าหล่อนออกมาจากห้อง ๆ นี้เมื่อสักครู่
ที่เธอเลือกจะนั่งที่ตรงนี้เป็นเพราะว่างานของเธอค่อนข้างที่จะต้องการความเป็นส่วนตัว ถึงแม้ในร้านจะมีมนุษย์แค่เพียงสองคนคือเธอกับหล่อนที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็ตามที
ภคมนเปิดแมคบุ๊คขึ้นมาเมื่อเสียบสายชาร์จเสร็จสรรพ ในระหว่างที่เธอกำลังรอให้เครื่องพร้อมทำงาน สายตาของเธอก็ดันมองเลยไปหาใครอีกคนที่อยู่ด้านหลังเครื่องทำกาแฟ พร้อมกับรอยยิ้มของเจ้าหล่อนที่เลือนหายไปเมื่อกำลังตั้งใจทำสิ่ง ๆ หนึ่งอยู่ ซึ่งนั่นก็คือการชงกาแฟให้กับเธอนั่นเอง
นี่เป็นอีกครั้งที่เธอรับรู้ได้ถึงแรงสั่นไหวของหัวใจที่กำลังเพิ่มจังหวะให้หนักขึ้น พร้อมกับทุกอย่างที่เชื่องช้าลงราวกับภาพสโลโมชัน ทำไมใบหน้าของเจ้าหล่อนที่มีกรอบแว่นบดบังไปกว่าครึ่งหน้านั้น...ถึงได้น่าสบมองตั้งมากมายขนาดนี้
ไม่ไหวแล้วหัวใจ...เธอจะดึงตัวเองให้ห้ามใจถึงหนึ่งอาทิตย์ได้อย่างไรกัน
“เมี๊ยววววว!”
“น้องโวยวายใหญ่แล้วค่ะคุณ คิก!”
“อ๋า...โทษทีนะ”
เธอได้สติหวนกลับเมื่อเจ้าแมวตัวหนึ่งขึ้นมานั่งอยู่บนแมคบุ๊คของเธอพร้อมกับส่งเสียงร้องเรียกออกมาเพราะว่าเธอไม่สนใจน้องเสียที
แต่ขอโทษนะเจ้าเหมียว...แม่ของนายน่ะน่าสนใจยิ่งกว่า
แต่ว่าเมื่อครู่เจ้าหล่อนบอกว่าอะไรนะ คุ้น ๆ ว่าจะเป็นคำว่าน้องแมวโวยวายใส่เธอใช่หรือเปล่า เดี๋ยวก่อนนะ...ไม่ใช่ว่าหล่อนจะรู้ตัวแล้วหรอกหรือว่าเธอกำลังแอบมองหล่อนอยู่น่ะ!
บ้าเอ้ยภคมน!
“แมวที่นี่ส่วนใหญ่จะชอบอ้อนคนมาก ๆ เลยน่ะค่ะ ถ้าน้องมาคลอเคลียด้วยบ่อย ๆ ก็อย่ารำคาญน้อง ๆ ไปก่อนนะคะ”
“มะ ไม่รำคาญเลยค่ะ”
เธอตอบตะกุกตะกักด้วยความตกใจ
ส่วนหนึ่งเพราะกำลังคิดเป็นกังวลเรื่องของเจ้าหล่อนด้วย เลยไม่ทันได้สังเกตว่าหล่อนนั้นเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอตอนไหน
หญิงสาวตรงหน้าของเธอนั้นยกยิ้มออกมาอย่างสบายใจกับคำตอบของเธอเมื่อยามที่หล่อนวางเครื่องดื่มลงที่ตรงหน้ากัน แต่มันกลับไม่ได้มีแค่เพียงเครื่องดื่มที่ถูกเสิร์ฟมาเท่านั้น แต่มันกลับมีเค้กวนิลาหน้าตาน่ารับประทาน ถูกวางคู่กันมากับเครื่องดื่มที่เธอสั่งเมื่อครู่อีกด้วยต่างหาก
“คือฉันไม่ได้สั่งเค้กนะคะ”
“ถือว่าฉันให้ก็แล้วกันค่ะ”
รอยยิ้มค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นมารอบ ๆ ใบหน้าของเจ้าหล่อน
“เป็นการต้อนรับการกลับมาของคุณอีกครั้ง หรือจะคิดเสียว่าฉันให้ลองชิมเพื่อติชมก็ได้นะคะ”
ตึกตัก ตึกตัก
และหัวใจของเธอก็ระเบิดตู้มออกมาเป็นโกโก้ครั้นซ์เมื่อเจ้าหล่อนฉายยิ้มออกมาจนเต็มดวงพร้อมกับดวงตาที่ค่อย ๆ หรี่ลงจนปิดสนิท
“นี่...อย่านั่งทับกันแบบนี้สิ”
เธอแสร้งทำเป็นดุน้องแมวที่ขึ้นมานั่งอยู่ตั้งนานแล้วเพื่อหลบหลีกสายตาของเจ้าหล่อนที่กำลังสบมองมา
“อย่ากวนพี่เขามากนะเฉาก๊วย...ทานให้อร่อยนะคะคุณ”
ประโยคแรกหล่อนพูดกับแมว...แต่ประโยคถัดมาหันมาพูดพร้อมทั้งยกยิ้มให้กับเธออีกหน
“ขอบคุณค่ะ”
เธอตอบรับพร้อมกับคิดอยู่ภายในใจว่าเจ้าหล่อนใช้รอยยิ้มได้สิ้นเปลืองเป็นบ้า
แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าเธอได้ผลประโยชน์เต็ม ๆ กับรอยยิ้มของเจ้าหล่อนที่ส่งมอบมาให้แก่กันก็ไม่อาจจะรู้ได้...
ก่อนที่เธอจะได้หายใจหายคอจนเต็มปอดอีกครั้งเมื่อร่างของเจ้าหล่อนค่อย ๆ เดินไกลออกไปจนเธอไม่ได้กลิ่นของเจ้าหล่อนที่อยู่ในระยะเผาขนอีกต่อไปแล้ว แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงอยู่ในระยะสายตาที่ถึงแม้ที่นี่จะเลี้ยงแมวตั้งมากมายขนาดนี้...แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเจ้าหล่อนก็ยังคงตลบอบอวนไปทั่วทั้งพื้นที่อยู่ดี
เธอจะมีชีวิตรอดปลอดภัยกลับไปเลี้ยงน้องแมวที่รับมาเลี้ยงหลังจากหนึ่งอาทิตย์ที่จะผ่านพ้นไปนี้หรือเปล่านะ...หรือว่าเธอจะหัวใจวายตายกับหล่อนตั้งแต่วันนี้ที่เป็นวันแรกไปเลยดี?
หมดกันทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้...เจ้าหล่อนมาพังทลายกำแพงที่สูงใหญ่ของเธอทั้ง ๆ ที่หล่อนไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำไป
ว่าแต่หล่อนชื่ออะไรกันนะ จะเสียมารยาทหรือเปล่าถ้าเธออยากจะรู้จักชื่อของหล่อนน่ะ...คุณเจ้าของร้าน