“ขอแบบเดิมอีกแก้วหนึ่งค่ะ”
“ได้ครับ สักครู่นะครับ”
บาร์เทนเดอร์ที่รับหน้าที่เป็นคนชงเครื่องดื่มตอบรับ
ซึ่งเธอก็ละสายตาออกจากบาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเอ่ยสั่งสิ่งที่ตนเองต้องการจนเสร็จ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พื้นที่ที่ตนเองนั่งอยู่ และแน่นอนว่ามันไม่ได้มีสิ่งไหนที่น่าสนใจเลย แม้ว่าที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา...แต่หัวสมองของเธอนั้นกลับว่างเปล่าไร้สิ่งใดที่อยู่ภายในนั้น
“ถ้าไม่รังเกียจ...ฉันขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วได้ไหมคะ?”
เสียงของใครบางคนที่กระซิบอยู่ตรงข้างหูพลันทำให้เธอต้องละสายตาออกจากสิ่งอื่นและหันไปสบมองใบหน้าของเจ้าหล่อน
หญิงสาวที่จัดได้ว่าสวยจัดกำลังยกยิ้มเพื่อเป็นการทักทาย ทั้งในมือของเจ้าหล่อนนั้นก็มีเครื่องดื่มสีสวยซึ่งอยู่ในแก้วทรงสูง ดวงตาหยาดเยิ้มที่ไม่ต้องเดาให้มากความก็คงจะพอจับใจความได้แล้วว่าเจ้าหล่อนคงดื่มมามากอยู่พอสมควร
เธอไม่ทันได้เอ่ยอะไรเจ้าหล่อนก็หันไปสบมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้บาร์เคียงข้างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเมื่อเขาสบมองใบหน้าของเจ้าหล่อน เขาก็เป็นฝ่ายที่ยอมลุกออกไปแต่โดยดี จำให้คนเคียงข้างของเธอพลันเปลี่ยนไปกลายมาเป็นผู้หญิงที่เดินเข้ามาใหม่คนนี้เข้าให้เสียแล้ว
“จะถือว่าคุณตอบรับคำขอของฉันก็แล้วกันนะคะ”
เธอไม่ได้ตอบรับอะไรแต่เอื้อมมือไปยกเครื่องดื่มที่บาร์เทนเดอร์นำมาเสิร์ฟให้กันอีกครั้งจนมันหมดลง
แบงก์สีเทาจำนวนสองใบวางลงที่หน้าบาร์และเธอไม่รอรับแม้แต่เงินทอน ร่างสูงลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายเพราะเธอเพียงแค่อยากจะมานั่งดื่มเงียบ ๆ แต่เพียงลำพังเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูแล้วว่าเธอกำลังจะถูกดึงปณิธานนั้นให้จางหายไป เธอก็ขอเลือกที่จะกลับไปอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในบ้านของตนเองยังจะดีเสียกว่า
ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะมาเปลี่ยนบรรยากาศแท้ ๆ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า...
“คุณคะ คุณ!”
หญิงสาวที่พึ่งมาใหม่ตะโกนเรียกกันแต่คงดังไม่เท่าเสียงเพลงภายในคลับที่ยังคงดังสนั่น
เธอเดินพาร่างของตนเองออกมาจากที่แห่งนั้นโดยทันใดหาได้ใส่ใจหญิงสาวที่พยายามจะเอ่ยรั้งกันเอาไว้ และเป้าหมายของเธอก็คือบ้านที่มีแต่เธอแค่เพียงลำพังกับความเงียบเหงา ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นมาตั้งนานแล้ว อาจจะนานเกินไปจนเธอจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าการที่มีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกันนั้น...มันเป็นอย่างไรกันแน่
ภคมนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ที่มีเธออยู่แต่เพียงลำพัง ความมืดที่มีแสงจันทร์ลอดผ่านเข้ามาจากบานกระจกรอบ ๆ ตัวบ้านนั้นยังทำให้เธอสามารถมองเห็นอะไรต่าง ๆ ภายในบ้านได้
ซึ่งสิ่งแรกที่สายตาของเธอจะทอดมองไปอย่างเช่นทุก ๆ วันนั้นก็คงไม่พ้นรูปถ่ายใบหนึ่งซึ่งมันถูกใส่กรอบเอาไว้อย่างดี รูปถ่ายใบนั้นวางตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี และเธอจดจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ...ว่าความรู้สึกของเธอภายในรูปถ่ายใบนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่
ทำไมเธอถึงได้ยิ้มออกมามากมายขนาดนั้น...
แล้วทำไมคนที่อยู่ข้าง ๆ กับเธอในรูปถ่ายใบนั้น...ถึงทำกับเธอแบบนั้นได้ลงคอ
ภคมนเมินสายตาออกจากรูปถ่ายใบนั้นโดยหวังว่าเธอจะไม่นึกไปถึงอดีตที่มันผ่านพ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวที่เธอสวมใส่ ก่อนที่เธอจะเลื่อนไถหาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย...โดยหวังว่าความรู้สึกนี้ของเธอมันจะจางหายไปในเร็วไว
‘เครียดอยู่ใช่ไหม...น้องแมวช่วยได้นะ’
มือของเธอที่เลื่อนผ่านโพสต์นั้นไปแล้วพลันหยุดชะงักลงในทันใด
ภคมนชั่งใจกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ ก่อนสุดท้ายเธอจะตัดสินใจไถขึ้นไปที่ด้านบนอีกครั้ง และก็ได้พบกับกระทู้หนึ่งที่ใส่รูปน้องแมวแสนน่ารักน่าชังอยู่ภายในโพสต์
สถานที่ในรูปเป็นพื้นที่โล่ง ๆ ที่มีน้องแมวอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด และถึงแม้ว่าแมวบางตัวจะทำหน้าเหวี่ยงไม่ชอบใจที่โดนถ่ายภาพ แต่รูปถัดไปเมื่อมีคนนำขนมไปให้น้องทาน ใบหน้าของน้องก็พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นแมวละแมว(คนละคน)
และภคมนเผลอยกยิ้มออกมาโดยไม่รู้สึกตัว...
‘5 ข้อดีของการเลี้ยงน้องแมว’
ไม่รู้อะไรดลใจให้คนที่ไม่เคยสนใจสัตว์เลี้ยงอย่างเธอกำลังตั้งใจอ่านกระทู้นั้นอยู่ในตอนนี้
แต่กว่าที่เธอจะรู้สึกตัว...ก็เผลออ่านข้อดีของการเลี้ยงแมวอย่างตั้งอกตั้งใจมาจนกระทั่งถึงบรรทัดสุดท้ายของโพสต์เข้าให้เสียแล้ว
‘สนใจรับเลี้ยงน้องแมวจร คลิ๊ก’
ตัวอักษรหนาสีแดงขึ้นเด่นหราให้เธอชั่งใจ คนที่อยู่คนเดียวมาหลายปีจนหลงลืมช่วงเวลาที่มีคนเคียงข้างกายอย่างเธอน่ะหรือจะรับชีวิตอีกชีวิตหนึ่งเข้ามาอยู่กับตัวเอง?
ภคมนสะบัดหัวไล่ความคิด ก่อนที่เธอจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงอย่างคนตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรแบบนั้น ชีวิตของเธอคนเดียวเธอยังใช้อย่างไร้จุดหมายไปวัน ๆ หากเธอรับเลี้ยงอะไรเข้ามาอีกจะพลอยทำให้เจ้าแมวตัวนั้นเศร้าโศกตามเธอไปด้วยเปล่า ๆ
เธอพยายามจะไม่คิดถึงข้อดีที่ตัวเองได้อ่านไปและเลือกจะกดเปิดโทรทัศน์เพื่อดึงความสนใจของตนเองให้หลุดพ้นออกจากสิ่งที่ตนเองพึ่งจะได้รับรู้มาและดูเหมือนจะสนใจมาก ๆ เสียด้วยซ้ำ
‘รู้ไหมคะ...น้องแมวช่วยให้หายเครียดได้นะ’
“ให้ตายเถอะน่า!”
แต่เหมือนจะยิ่งโดนกลั่นแกล้งให้จิตใจว้าวุ่นมากไปกันใหญ่
เมื่อครู่เป็นเพียงแค่รูปถ่าย แต่คราวนี้เป็นถึงวิดีโอ และวิดีโอที่รายการหนึ่งกำลังนำเสนอนั้นก็เป็นความน่ารักของน้องแมวที่กำลังอ้อนคลอเคลียเจ้าของ โดยมีผลวิจัยชี้ชัดมาแล้วด้วยว่าแมวไทยนั้นขี้อ้อนมากกว่าแมวประเทศอื่นเป็นไหน ๆ
ภคมนกำลังพยายามข่มใจของตนเองเอาไว้ เธอตั้งใจแล้วว่าจะไม่รับสิ่งอื่นใดเข้ามาให้เศร้าหมองเหมือนกับชีวิตของเธออีก...
“สนใจรับเลี้ยงน้องแมวค่ะ”
แต่น้องอาจจะไม่เศร้าก็ได้...
เธอกดส่งข้อความไปในแอปพลิเคชันสีเขียวหลังจากที่ตบตีกับตัวเองมานานกว่าหลายนาทีแล้ว
‘สวัสดีค่ะ คาเฟ่น้องแมวจร ยินดีต้อนรับ ขณะนี้อยู่นอกเวลาทำการ กรุณาฝากข้อความเอาไว้ แอดมินจะทำการตอบกลับในทันทีเมื่อถึงเวลาเปิดทำการ ขอบคุณค่ะ’
“ตี 1 แล้วหรอกหรือ...ไม่น่าล่ะถึงได้มีรายกายอะไรแบบนี้อยู่ในทีวีด้วย”
เธอเผลอหัวเราะกับตัวเองบางเบาที่ตบตีกับตัวเองจนไม่ได้สนใจเลยว่านี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว
มือของเธอกดปิดโทรศัพท์โดยตั้งใจแล้วว่าจะมาตอบกลับบอกถึงความต้องการของตนเองในเช้าวันใหม่ เธอจะขอลองไปนอนคิดดูสักคืนก่อนว่าไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้เธอตัดสินใจอย่างในตอนนี้
ติ๊ง!
ร่างของเธอกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาและไปทำธุระส่วนตัวเพื่อที่จะเข้านอน แต่เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาให้เธอจำต้องก้มลงไปสบมองที่โทรศัพท์ของตนเองอีกครั้งหนึ่ง
‘ถ้าหากสนใจรับเลี้ยงน้องแมวจรที่คาเฟ่ของเรา พรุ่งนี้สามารถเข้ามาเยี่ยมน้อง ๆ ได้ที่นี่นะคะ’
‘คาเฟ่น้องแมวจร Share Location’
ตามมาด้วยสติ๊กเกอร์น้องแมวสุดน่ารัก
เธอไม่ได้ตอบรับอะไรกลับไปแต่ก็เป็นอันว่ารับรู้แล้ว ซึ่งเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าในเช้าวันใหม่เธอจะเดินทางไปยังคาเฟ่แห่งนี้
ลองดูก็ไม่เสียหาย บางทีการอยู่กับแมว...ก็อาจจะดีกว่าการอยู่กับคนใจร้ายล่ะนะ
รถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปตามโลเคชันที่ทางคาเฟ่แมวจรที่เธอคุยด้วยเมื่อคืนนี้ส่งมาให้กัน จากเส้นทางแล้วเหมือนว่ามันจะออกไปทางนอกเมืองอยู่พอสมควร ซึ่งจากรูปถ่ายของคาเฟ่ที่เธอได้เห็นนั้น ก็ทำให้เธอพอได้เห็นคร่าว ๆ แล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่อยู่พอสมควร
แม้การขับรถจะเป็นไปอย่างราบรื่น...แต่ภายในใจของเธอนั้นกลับยังคงรู้สึกว้าวุ่น
สิ่งที่เธอกำลังจะกระทำนั้น...มันถูกต้องแล้วจริง ๆ นะหรือ?
เธอไม่ได้หาข้อมูลหรือว่าหาอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับแมวอีกเลยหลังจากที่ได้รับข้อความจากทางคาเฟ่แล้ว แถมตื่นมาในเช้าวันใหม่เธอยังมีการชั่งใจอีก...ว่าจะมาที่นี่ดีหรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจจะมาที่นี่ก็เป็นเพราะเธอเองที่อยากจะมาให้เห็นกับตาเสียหน่อยจากความตั้งใจของตนเองเมื่อคืน ซึ่งเธอคิดเอาไว้แล้วว่าหากมาในวันนี้แล้วรู้สึกว่าเรื่องเมื่อคืนมันเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ เธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่เสมอมา...ไม่ดึงผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้นรวมไปถึงสัตว์สี่ขาอย่างเจ้าแมวด้วย
ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงยังที่หมาย ภายในร้านคาเฟ่เป็นพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ภายนอกของร้านนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง แถมรอบ ๆ ร้านยังเต็มไปด้วยของเล่นแมว ซึ่งจากที่ที่เธออยู่ตอนนี้ก็เห็นแมวแล้วประปราย ซึ่งเธอคิดว่าคงมีเจ้าแมวอีกมากมายแน่ ๆ แต่น้อง ๆ คงอยู่ภายในร้านที่เธอคาดว่าน่าจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ
กริ๊ง!
เมี๊ยว!
ที่คาดคิดไว้มันเป็นความจริงสินะ...
เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้นจากการที่เธอเปิดประตู ดึงความสนใจของสมาชิกภายในร้านได้ไม่ยาก และสมาชิกที่เธอหมายถึง...ก็คือน้องแมวหลากหลายสีสันที่กำลังหันมาสบมองเธอตาใส
มีเจ้าแมวบางตัวที่หันมามองก่อนจะเมินหน้าหนีไปอย่างไม่สนใจ และมีเจ้าแมวอ**บางส่วนที่เดินหน้าเข้ามาหาเธอราวกับทำการต้อนรับ ซึ่งเธอก็นั่งชันเข่าลงไปข้างหนึ่งเพื่อที่จะทำการลูบคลำ รอยยิ้มประดับขึ้นมาอยู่ข้างมุมปาก...และเธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าเผลอยกยิ้มออกมาให้กับกองทัพแมวเหมียวหลากหลายสีสันที่กำลังพันแข้งพันขาเธออยู่ในตอนนี้
“อย่าพึ่งถูกตัวน้องแมวนะคะ!”
มือของเธอที่กำลังจะเอื้อมไปจับน้องแมวพลันหยุดขะงัก
ภคมนรีบเงยหน้าสบมองเจ้าของเสียงในทันใดซึ่งเจ้าหล่อนอยู่ทางด้านหลังเคาน์เตอร์ และที่เธอต้องสบมองก็เป็นเพราะความสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหล่อนจึงต้องเอ่ยปรามกันทั้ง ๆ ที่คาเฟ่นี้เป็นคาเฟ่แมว ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าคนที่มาที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่อยากจะเล่นแมวทั้งสิ้น
และทันทีที่เธอได้พบเห็นใบหน้าของเจ้าหล่อนที่ถึงแม้จะมีกรอบแว่นหนาเตอะบดบังใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่ง...แต่มันก็ทำให้หัวใจของเธอที่ด้านชามานานหลายปี กลับมาเต้นแรงเป็นจังหวะอีกครั้งให้เธอได้รู้สึกว่าตนเองนั้นยังคงมีหัวใจอยู่ภายในร่างกาย
ไม่ได้ถูกบดขยี้ให้แหลกสลายไปพร้อมกับใครคนหนึ่งที่ได้เดินหันหลังจากเธอไปอย่างที่เธอนั้นเข้าใจเช่นนั้นเสมอมา...