Pream Part
.
“อันนี้ถุงที่มีน้องอยู่นะคะ”
ฉันมองตามที่คุณหมอชี้ ภาพขาวดำที่ปรากฏขึ้นบนจอเหมือนเป็นคำยืนยันทุกอย่าง ในท้องฉันมีเด็กคนหนึ่งกำลังเจริญเติบโตอยู่จริง ๆ
ฉันขยำผ้าปูเตียงด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง ดีใจ หรือเสียใจ ถ้าฉันท้องเพราะมีคนรักหรือมีสามีอยู่แล้วคงไม่รู้สึกแบบนี้ แต่นี่ฉันท้องทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเลย ท้องเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคืนนั้นคืนเดียว....
“เอ๋...”
“อะไรเหรอคะคุณหมอ” ฉันข่มความรู้สึกทั้งหมดและถามออกไป เมื่อคุณหมอจ้องจอนั้นด้วยความสงสัย
“เหมือนว่า...จะมีสองถุงนะคะ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“คุณพริมาตามีน้องอยู่สองคนในท้องค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด”
“ระ...เรื่องจริงหรือคะ”
“จริงค่ะ ดูนี่สิคะ” คุณหมอชี้ไปที่บนจอซึ่งปรากฏถุงเล็ก ๆ สองถุงที่ถูกกั้นด้วยผนังบาง ๆ “มีสองถุง แปลว่าท้องแฝดค่ะ”
“...” ฉันพูดไม่ออกและเผลอกัดปากตัวเองจนเจ็บ ถุงที่หมอชี้ให้ดูมีก้อนเล็ก ๆ นอนนิ่งอยู่ในนั้น มันมีทั้งหมดสองถุงอย่างที่หมอบอกจริง ๆ
“เหมือนว่าจะได้ยินเสียงหัวใจแล้วนะคะ คุณพริมาตาจะฟังเสียงหัวใจน้องไหมคะ”
“ฟังค่ะ...”
ตึก ตึก ตึก
“นี่เป็นเสียงของคนขวาค่ะ เต้นปกตินะคะ”
ตึก ตึก ตึก
“ส่วนนี่เป็นเสียงของคนซ้าย เต้นปกติเหมือนกัน น้องทั้งคู่แข็งแรงนะคะ”
“ค่ะ...” ฉันได้แต่ตอบรับไปสั้น ๆ เพราะกำลังสนใจเด็กสองคนที่อยู่บนจอสี่เหลี่ยม เสียงหัวใจของที่ฉันได้ยินทำให้รับรู้ได้ถึงการมีชีวิตของพวกเขา แม้จะยังไม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตา ยังไม่ดูอะไรไม่ออกเลยนอกจากเงาดำ ๆ กับเสียงหัวใจที่หมอให้ฟังเมื่อครู่ แต่ฉันก็ยังอยากที่จะมองพวกเขา
ลูกของฉัน
“สรุปแล้วคุณพริมาตาตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์กับอีกสามวันนะคะ เดี๋ยวหมอขอเช็กขนาดตัวน้องและน้ำหนักหน่อยว่าตรงตามเกณฑ์ไหม”
“ได้ค่ะ”
“อืม...” คุณหมอจ้องจอที่ประมวนผลต่าง ๆ ได้อย่างทันสมัย ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ “คนขวานี่น่าจะตัวโตกว่านะคะ เพราะตัวน้องยาว 1.7 เซนติเมตรแล้ว น้ำหนักหนึ่งกรัมพอดี แต่คนซ้ายที่ตัวเล็กว่าหน่อย ขนาดตัวยาว 1.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 0.85 กรัมค่ะ”
“แล้วถ้าตามเกณฑ์ เด็กอายุเท่านี้ต้องขนาดตัวแค่ไหน หนักเท่าไหร่เหรอคะคุณหมอ”
“ความยาวตัว 1.5 เซนติเมตร หนักหนึ่งกรัมค่ะ”
“แล้วแบบนี้จะเป็นอะไรไหมคะ” ฉันรีบถามทันทีเมื่อคุณหมอบอกแบบนั้น เพราะเมื่อกี้ที่คุณหมอบอกมานอกจากเด็กฝั่งขวาที่น้ำหนักเป็นไปตามเกณฑ์แล้ว ที่เหลือไม่มีอะไรตรงตามเกณฑ์ซักอย่าง ความเป็นห่วงจากไหนไม่รู้พุ่งขึ้นมาจนทำให้ร้อนรนไปหมด คุณหมอสาวยิ้มให้อย่างใจดีเมื่อเห็นท่าทีนั้น ก่อนจะแตะปลายนิ้วลงบนข้อมือของฉันเบา ๆ เพื่อให้ฉันสงบลง
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งคู่ การที่ตั้งท้องเด็กแฝดแล้วจะมีเด็กที่ตัวโตกว่า และอีกคนตัวเล็กกว่าเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เลยค่ะ ถ้ายังไม่มากจนน่าห่วงก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ความเครียดของแม่ส่งผลต่อเด็กในท้องมาก เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเครียด เพื่อลูกนะคะ”
“ค่ะ ฉันจะไม่เครียด”
“ดีมากค่ะ ท่องไว้นะคะ เพื่อลูก”
หมอพูดจบก็หันไปเขียนข้อมูลต่าง ๆ ลงสมุด ฉันเลยหันไปมองหน้าจออีกครั้งก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ตอนนี้ฉันยังจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ มันอัดอั้นอยู่ในใจจนต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเพื่อระบายมันออกไปบ้าง แต่แล้วสุดท้ายฉันก็หลุดยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าเด็กที่อยู่ในถุงขวาแอบขยับไปมาเล็กน้อย
“ตัวโตแล้วยังดิ้นเก่งอีกนะคะคนนี้” คุณหมอที่เห็นเหมือนกันเอ่ยแซวออกมา ฉันส่งยิ้มให้คุณหมอ แต่ตายังคงจ้องมองลูกที่กลับไปนอนนิ่งอีกครั้ง
แม้ตอนนี้ฉันจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเองควรรู้สึกแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่มีทางปฏิเสธได้คือฉันกำลังท้องจริง ๆ และเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นลูกของฉัน ไม่ว่าจะเกิดจากความรักหรือความผิดพลาด แต่พวกเขาก็เป็นลูกของฉัน
“ท้องแฝดต้องดูแลตัวเองมากหน่อยนะคะ" คุณหมอบอกสิ่งควรทำหลังจากอัลตร้าซาวด์เสร็จ "ต้องระวังเป็นสองเท่า ยิ่งช่วงแรก ๆ ยิ่งต้องระวัง ห้ามทำอะไรที่กระทบกระเทือนค่ะ”
“ออกกำลังกายก็ไม่ได้ใช่ไหมคะ” ฉันรีบถามคุณหมอทันที เพราะปกติแล้วฉันชอบออกกำลังกายมาก แต่ถ้าคุณหมอห้ามคงต้องเลิกอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยก็ตอนที่ยังมีแฝดอยู่ในท้องแบบนี้ อ้วนไม่เป็นไร หุ่นเสียก็ไม่เป็นไร ขอให้ลูกปลอดภัยไว้ก่อน
ฉันอดทึ่งกับตัวเองไม่ได้ที่จู่ ๆ รู้สึกแบบนี้ขึ้นมา นี่สินะที่เขาเรียกว่าสัญชาติญาณของความเป็นแม่ แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าลูกแต่ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขาได้อย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนั้น
“ออกกำลังกายได้ค่ะ แต่ต้องรอให้พ้นช่วงสิบสองสัปดาห์แรกไปก่อน และสามารถออกได้แบบเบา ๆ เท่านั้น เน้นการออกกำลังกายที่ไม่กระทบกระเทือนมาก อย่างการวิ่งเร็ว ๆ หมอไม่แนะนำนะคะ”
“แล้วเรื่องการกินล่ะคะ”
“เรื่องอาหารสามารถทานได้ปกติค่ะ มีแค่อาหารบางอย่างที่ควรเลี่ยง เดี๋ยวหมอจะมีสมุดคู่มือให้ พยายามคุมให้น้ำหนักตัวขึ้นไม่เกินสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัมนะคะ” หมออธิบายให้ฉันฟังอย่างใจเย็น “ช่วงนี้คุณพริมาตาอาจจะทานอะไรไม่ค่อยได้เพราะแพ้ท้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทานข้าวให้ครบทุกมื้อและต้องครบทั้งห้าหมู่นะคะ อดทนหน่อยนะคะคุณแม่”
“คะ...คุณแม่หรือคะ” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินคุณหมอเรียกแบบนั้น คุณแม่งั้นเหรอ คำเรียกนี้มันไม่ชินหูเลย แต่ทำไมหัวใจของฉันถึงได้พองฟูขนาดนี้
ใช่...ฉันกำลังจะเป็นคุณแม่ของเด็กแฝดสองคน
ก่อนหน้านี้แม้จะรู้ตัวว่ากำลังตั้งท้อง แต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเท่ากับตอนที่ได้ยินคนอื่นเรียกตัวเองว่าคุณแม่แค่คำเดียว มันเหมือนเป็นคำที่ตอกย้ำสถานะของฉันให้เด่นชัดว่าตอนนี้ฉันกำลังมีหน้าที่ใหม่ที่แสนยิ่งใหญ่รออยู่
หน้าที่ของ
แม่
“หมอเรียกได้หรือเปล่าคะ พอดีชินเวลาเรียกคนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์น่ะค่ะ”
“เรียกได้ค่ะ” ฉันเอ่ยอนุญาต “มันแค่ยังไม่ชินน่ะค่ะ”
“ท้องแรกก็แบบนี้แหละค่ะ แล้วจะฝากครรภ์เลยไหมคะ ฝากแล้วครั้งหน้าถ้าคุณพ่อไม่ติดธุระก็มาด้วยกันนะ จะได้รู้วิธีดูแลภรรยาและลูกด้วย”
“คือ...” ฉันอึกอักเมื่อหมอพูดถึงคนเป็นพ่อ ฉันไม่คิดที่จะบอกผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วว่ากำลังอุ้มท้องลูกของเขา ภาพของชายหญิงที่เถียงกันเมื่อชั่วโมงก่อนยังติดตา ฉันไม่อยากให้ตัวเองต้องไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผู้ชายรักสนุกแบบเขาไม่มีทางรับได้ถ้ารู้ว่าเผลอทำผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนด้วยท้อง หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้น...เขาอาจจะบังคับให้ฉันเอาลูกออก
ซึ่งฉันไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด สู้อุ้มท้องคนเดียวยังดีซะกว่า
“คุณพริมาตาคะ”
“คะ?” เสียงหมอเรียกทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะส่งยิ้มขอโทษขอโพยอีกฝ่าย วันนี้ฉันเหม่อมากกว่าปกติจนรำคาญตัวเอง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วจึงคลายความรู้สึกแง่ลบนั้นลงและยิ้มออกมาอีกครั้ง
“หมอถามว่าจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ได้ค่ะ แต่ต้องรับยาบำรุงครรภ์กลับไปทานด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ แต่ว่า...คุณหมอคะ” คุณหมอหันกลับมามองฉันตามเสียงเรียก “ฉันอยากทราบว่า ถ้าฉันจะบินไปต่างประเทศช่วงนี้จะได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แต่ก็อาจจะแพ้ท้องหนักหน่อยนะคะ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” คุณหมอส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะหันไปคีย์ข้อมูลลงคอมพ์ ฉันวางมือลงบนท้องของตัวเอง คลอดลูกที่นี่คงทำไม่ได้ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่แม่ฉันหวงหนักหวงหนาคงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ฉันต้องไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เพราะที่นั่นฉันไม่ใช่ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเก่าแก่ที่หลายคนรู้จักเหมือนอยู่ที่ไทย อาจจะต้องไปอยู่ช่วงที่อุ้มท้องและคลอด หรืออาจจะอยู่ที่นั่นตลอดไป
“แม่จะเลี้ยงพวกหนูให้ดีที่สุด”
แม้เด็กสองคนนี้จะเกิดจากความผิดพลาด แต่ฉันก็จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ฉันให้สัญญากับตัวเอง
คุณพี่คริสนี่เชื้อแรงสุด ๆ ครั้งเดียวติดแถมท้องแฝดอีก เรื่องจะเป็นยังไงต่อติดตามต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ ส่วนพระเอกของเราตอนหน้าจะมีบทบาทแล้ว ออกช้าจนลืมไปแล้วว่าใครคือพระเอก ค่าตัวแพงงง5555
ขอบคุณสำหรับคนที่รอกันนะคะ เรื่องทางการแพทย์ไรท์พยายามหาข้อมูลมากที่สุดแล้ว แต่ถ้ามันมีตรงไหนที่ผิดพลาดสามารถแย้งได้เลยนะคะ ไรท์จะได้แก้ไขเนอะ
จะคอมเมนต์ให้กำลังใจ หรือจะกดไลค์ รีดอยากทำอะไรก็ได้ค่ะ หรือแค่เข้ามาอ่านไรท์ก็ดีใจมาก ๆ แล้ว รักนะคะ