Chris Part
.
"ถ้าเขาท้องลูกมึงจริง ๆ แปลว่ามึงกำลังจะมีลูกสองคน"
“ระ...เรื่องจริงเหรอวะไอ้วิล” เป็นอีกครั้งที่ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ เควิลจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดที่ผมเอาแต่ซักไม่เลิก
“จริง!! กูส่งรูปอัลตร้าซาวด์ไปให้มึงในไลน์แล้ว เปิดดูซะ และหลังจากนี้มึงต้องมีคำตอบเรื่องนี้กับพวกกูด้วย” เควิลเอ่ยสั่งก่อนจะวางสายไปทันที ผมถือมือถือค้างไว้แบบนั้นด้วยความช็อคจนสติแทบหลุดหาย
.
.
นี่มันเรื่องจริงเหรอวะ
แม้จะพยายามหลอกตัวเองแค่ไหนแต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็เป็นความจริงอยู่ดี ผมรวบรวมลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะกดเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นสีเขียวยอดฮิต แชทของเควิลที่ขึ้นแจ้งเตือนทำให้ผมมือสั่นอีกครั้ง
“เป็นไงเป็นกัน” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะกดเข้าไปที่แชทนั้น รอเพียงไม่ถึงสองวินาทีรูปก็โหลดขึ้นมา
นี่...ลูกของผมกับพรีมเหรอ
วันนั้นที่ได้เห็นมันไม่ชัดเท่ากับตอนนี้ ผมเผลอแตะปลายนิ้วลงบนอะไรบางอย่างที่คล้ายช่องสองช่องเบา ๆ ตรงนี้คือที่ที่มีเด็กสองคนอยู่ใช่ไหม...
“คริส ทำอะไรไม่เข้าบ้าน”
“ป๊า” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว่ำมือถือลงกับโต๊ะและหันไปยิ้มให้ป๊า หรือพ่อแท้ ๆ ของผมที่เดินเข้ามาหา
“เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนั้น”
“หน้าผมซีดมากเลยเหรอครับ”
“มาก ป่วยหรือเปล่า” ป๊าถามก่อนจะใช้หลังมือแตะเข้าที่หน้าผากของผมเบา ๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหนแต่ป๊าก็ยังทำเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่วันยันค่ำ ผมเองก็ไม่อยากขัดใจ แค่ทุกวันนี้ทำตัวไหลไปไหลมาให้ป๊าคอยเป็นห่วงก็แย่อยู่แล้ว “ตัวไม่ร้อนนะ”
“ผมไม่ได้ป่วยครับ”
“ดีแล้ว งั้นเข้าบ้านเถอะ ม้าเราอยากให้ไปลองชิมขนม” ป๊ายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินเข้าบ้าน แต่ผมกลับคว้ามือของท่านไว้เสียก่อน ป๊าหันกลับมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ปะ...ป๊า”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“นั่งคุยกันแปปนึงได้ไหมครับ”
“เอาสิ” ท่านพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผม ผมมองหน้าป๊าที่ค่อนข้างแตกต่างจากผม ป๊าเป็นผู้ชายหน้าตี๋ตามแบบฉบับจีนแท้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ผมมีเครื่องหน้าที่ชัดเจนแม้ผิวจะขาวแค่ไหน ตาสองชั้น คิ้วเข้ม ๆ และลักยิ้มคือสิ่งที่ผมได้มาจากหม่าม้า ส่วนปาก จมูก สีผิว และส่วนสูงผมได้มาจากป๊าเต็ม ๆ
“ป๊า...”
“เรียกแต่ป๊าอยู่นั่นแหละ มีอะไรทำไมไม่พูด”
“คริสไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ผมเริ่มแทนตัวเองด้วยชื่อ เป็นโค๊ดลับที่รู้กันในครอบครัวว่าถ้าแทนตัวเองแบบนี้เมื่อไหร่แปลว่ากำลังอยากจะได้อะไร หรือไปทำอะไรผิดมา
“ก็แค่พูดมันออกมา ไม่ต้องอ้อมค้อมอะไร”
“ป๊า...” ผมมองหน้าผู้ให้กำเนิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ปกติแล้วผมจะสนิทกับป๊ามากจนคุยได้ทุกเรื่องตามประสาผู้ชาย ป๊าสอนผมตั้งแต่เรื่องทั่วไปยันเรื่องที่ไม่มีสอนในวิชาเรียน เรื่องผู้หญิงป๊าก็รับรู้มาตลอด
แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ ผมกลัวว่าถ้าพูดออกไปจะทำให้ป๊าเสียใจ
“คริส มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ป๊าคงจับสีหน้าผมออกถึงได้ถามมาแบบนั้น ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่จากการที่ไม่กล้าสบตาผู้ให้กำเนิดก็คงจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว “มีปัญหาก็บอกป๊า บอกครอบครัว เราสามารถผ่านมันไปด้วยกันได้นะ ขอแค่คริสพูดออกมาให้ป๊ารู้ แต่ถ้าคริสไม่บอกแล้วเก็บเอาไปเครียดคนเดียวป๊าคงรู้สึกแย่ที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”
“...” ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวตี๋ของป๊าที่เต็มไปด้วยความกังวล ผมนี่เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ทำให้ป๊าเครียดจนได้
“ป๊า...” ผมเลื่อนมือถือของตัวเองไปให้ป๊า “อย่าเกลียดคริสนะ”
“ใครจะเกลียดลูกตัวเองได้ลง” ป๊าตอบก่อนจะหยิบมือถือเครื่องบางขึ้นไปดู ก่อนที่ดวงตาที่เคยตี่เล็กจะเบิกกว้างขึ้นจนผมกลัวว่ามันจะถลนออกมา “ไอ้คริส!”
“ป๊า! ป๊าบอกแล้วนะว่าจะไม่เกลียดคริส”
“ไม่เกลียดไม่ได้แปลว่าไม่โกรธโว้ย! นี่มันอะไร!!” ป๊าลุกขึ้นยืน หน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงด้วยความโกรธ ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองป๊าเลย ปกติป๊าเป็นคนใจดี แต่คนในบ้านรู้ดีว่าถ้าป๊าโกรธ ใครก็ห้ามไม่ได้
“ป๊า มีอะไร ทำไมเสียงดังแบบนี้”
“ม๊า มาดูผลงานของลูกชายตัวเองเลย!” ผมเหลือบตามองก็เห็นว่าร่างอวบ ๆ ของหม่าม้า และร่างเล็ก ๆ ของครีม น้องสาววัยสิบแปดปีกำลังเดินเร็ว ๆ เข้ามาหา ก่อนจะหยิบเอามือถือเครื่องนั้นไปดู
“นี่มัน...”
“รูปอะไรอะม้า” เสียงเจือยแจ้วของยัยครีมดังขึ้นอย่างสอดรู้ หม่าม้าไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาว แต่กลับหันมาเล่นงานผมแทน
“เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้!”
“มะ...ม้า”
“ไม่ต้องมาเสียงสั่น!” ผมสะดุ้งเมื่อหม่าม้าตะคอกเสียงดัง ถ้าป๊าเป็นคนที่ดุมากแล้ว หม่าม้าดุมากกว่าป๊าร้อยเท่า ไม่ต้องพูดถึงเวลาโกรธเลย บ้านทั้งหลังสามารถพังลงมาได้ด้วยซ้ำ “ตอบ!!”
“กะ...ก็ตามที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ คริสทำผู้หญิงท้อง”
“ฉันจะเป็นลม หยุด!! ไม่ต้องลุกขึ้นมา นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ได้จะเป็นลมจริง ๆ” หม่าม้าชี้หน้าผมเมื่อผมทำท่าจะลุกขึ้นไปดูอาการท่าน ผมนั่งลงที่เดิมพร้อมก้มหน้าลงเตรียมรอรับเสียงบ่นและบทลงโทษแต่โดยดี “ผู้หญิงคนนั้นคือใคร”
“เธอชื่อพรีมครับ”
“พรีมไหนล่ะ บอกแค่นี้ฉันจะรู้จักไหม!!”
“ม้าอย่าตะคอกซี่”
“มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรด้วยหรือไง แค่ตอบคำถามมาให้หมด!” หม่าม้าไม่ปราณีอะไรทั้งนั้น แขนอวบเท้าสะเอวหนา ๆ ของตัวเองพร้อมทำหน้าขึงขัง ตอนนี้ผมเหมือนนักโทษที่กำลังถูกล้อมสอบสวนก็ไม่ปาน
“เธอชื่อพริมาตา ลูกสาวคนเดียวของคุณพิมพ์นภากับคุณวัลลภ ป๊ากับม๊าน่าจะรู้จัก
“พิมพ์นภา ใช่แม่ผู้ดีคนนั้นหรือเปล่าป๊า” หม่าม๊าหันไปถามป๊า ดูจากการเรียกแล้วผมว่าม๊าอาจจะไม่ถูกกับคุณพิมพ์นภาเท่าไหร่ ดูท่าปัญหานี้น่าจะไม่ได้มีแค่อย่างเดียวซะแล้ว
“พิมพ์นภาที่มีสามีชื่อวัลลภก็มีแค่คนเดียวนั่นแหละ”
เพี๊ยะ!!
“โอ้ย!! ม้าตีคริสทำไม” ผมลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เมื่อถูกตี มือหม่าม้าของผมมือหนักอย่าบอกใคร ตีแค่ทีเดียวก็แสบจนอยากร้องไห้
“อยากจะตีให้มากกว่านี้อีก มีลูกไม่ได้เรื่อง ทำผู้หญิงท้องว่าแย่แล้ว ดันไปทำลูกบ้านนั้นท้องอีก!”
“ไม่ใช่ว่าลูกสาวเขาอยู่เมืองนอกเหรอคะ” ครีมเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ป๊ากับหม่าม้าหันไปมองด้วยความสนใจ
“รู้ได้ยังไง”
“ลูกสาวป๊ากับม้าเก่ง”
“ไม่ใช่เพราะยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่วหรอกเหรอถึงรู้”
เพี๊ยะ!!
“ม้า! ตีคริสอีกแล้วนะ” ความเจ็บเดิมยังไม่ทันหาย ความเจ็บใหม่ก็เข้ามาเพิ่ม หม่าม้าตีลงบนที่เดิมด้วยแรงที่มากกว่าเดิมจนแสบไปหมด
“ไปว่าน้องมัน เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อน ว่ายังไง เด็กคนนั้นอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคริสถึงบอกว่าทำเขาท้องได้”
“เมื่อสองเดือนที่แล้วเขากลับมาไทยครับ เจอกันที่ผับ ก็เลย...”
“อ๋อ ที่แท้ก็เด็กใจแตก”
“ม้า ไม่ใช่นะครับ พรีมไม่ใช่คนแบบนั้น” ผมรีบเอ่ยท้วงทันทีเมื่อหม่าม้าเข้าใจพรีมไปในทางที่ผิด ผมไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นพรีมถึงไปสถานที่แบบนั้น แถมยังเป็นคนชวนผมไปต่อจนเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้น แต่พรีมไม่ใช่เด็กใจแตกแน่นอน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอทั้ง ๆ ที่เธอไปอยู่เมืองนอกมาตั้งหลายปีแบบนั้นหรอก
“ปกป้องแบบนี้ รักเขาใช่ไหมคะ”
“ไม่ได้รัก” ผมปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิดทันที ต้องคิดอะไรอีก ในเมื่อผมไม่ได้รักเธอจริง ๆ “แค่ไม่อยากให้หม่าม้าเข้าใจพรีมผิด แค่นี้เธอคงอยู่ในช่วงเวลาที่แย่มากพอแล้ว”
“มั่นใจใช่ไหมว่าเป็นลูกของตัวเอง”
“นับเวลาที่เธอตั้งท้องกับคืนนั้นแล้วมันตรงกันครับม้า ผมเลยมั่นใจว่าพวกเขาเป็นลูกของผม”
“พวกเขา?” ป๊าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยกับสรรพนามที่ผมใช้ ผมยังไม่ได้บอกทุกคนสินะว่ากำลังจะมีหลาน ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสอง
“พรีมท้องแฝดครับ”
“แฝด!!!!?” สามเสียงประสานกันดังลั่นจนแก้วหูผมแทบแตก แต่ละคนมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป หม่าม้ายกมือขึ้นพัดลมเข้าหน้าตัวเอง ไม่รู้เพราะจะเป็นลมหรืออยากดับหัวร้อน ป๊ายืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ส่วนยัยครีม...
“แฝดเหรอคะ ผู้ชายหรือผู้หญิง แฝดชายก็น่ารักดีนะคะ แต่ถ้าเป็นแฝดหญิงครีมต้องหลงหลานมากแน่ ๆ ครีมติดตามพี่พรีมในอินสตราแกรมอยู่ พี่เขาสวยยังกะนางฟ้า ถ้ามีแฝดผู้หญิงต้องมีแต่เด็กน่ารัก ๆ วิ่งเต็มบ้านไปหมด ครีม...”
“ครีม เลิกเพ้อเจ้อ พาม้าเข้าบ้าน” หม่าม้าเอ่ยขึ้นดับฝันของครีมจนยัยนั่นทำหน้าหงอย แต่ก็ยอมเข้าไปจับแขนอวบนั้นไว้แต่โดยดี “ป๊าคุยกับลูกเองก็แล้วกัน ม้าไม่อยากยุ่งแล้ว จะเอายังไงก็เอาเถอะ”
“ม้า...” หม่าม้าปรายตามองผม ก่อนจะทำเหมือนผมเป็นแค่นกแค่กาที่ไม่น่าสนใจและเดินกลับเข้าบ้านไป ปล่อยให้ผมอยู่กับป๊าตามลำพัง
“คริส...เรามาคุยแบบลูกผู้ชายเลยนะ” ป๊าทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม สีหน้าของท่านจริงจังกว่าตอนแรกมาก “ป๊าสอนคริสว่ายังไง จำได้บ้างไหม”
“จำได้ครับ วันนั้นคริสก็ป้องกัน แต่มันน่าจะรั่วหรือขาด เพราะคริสลืมเช็กก่อนทิ้ง”
“แล้วคริสรู้ได้ยังไงว่าเขาท้อง”
“เรื่องมันยาวมากครับป๊า เอาเป็นว่าคริสรู้จากแม่ของเขา เพราะตัวเขาหอบลูกหนีไปออสเตรเลียแล้ว” ผมตอบเลี่ยง ๆ ไป ถ้าบอกป๊าไปตรง ๆ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงคงคุยกันวันเดียวไม่จบ ความสัมพันธ์ทุกอย่างมันซับซ้อนจนบางทีผมเองก็ไม่เข้าใจ
“หนีไปแบบนั้นแปลว่าเขาไม่อยากให้คริสรับผิดชอบ”
“คริสก็คิดว่าแบบนั้นครับ”
“แล้วทีนี้คิดไว้หรือยังว่าจะทำยังไงต่อ” ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อป๊าถามแบบนั้น ผมเองก็รู้เรื่องนี้ก่อนที่ป๊าจะออกมาเจอไม่นาน อย่าว่าแต่ทางแก้ปัญหาเลย ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกยังไงดีกับการที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน
“ผมยังคิดไม่ออกเลยครับ”
“จำที่ป๊าสอนตอนเด็ก ๆ ได้ไหม เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นก็อย่าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย”
“แต่...คริสไม่ได้รักเขา”
“ป๊าเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้รักคริส ไม่อย่างนั้นคงไม่หนีไปแบบนั้น” ผมพยักหน้ารับ เราสองคนไม่ได้รักกัน ไม่มีแม้แต่ความผูกพันต่อกันเลยด้วยซ้ำ “แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญความยากลำบากเพียงลำพัง ต้องแบกทั้งท้อง ทั้งความอับอายที่ท้องไม่มีพ่อ แล้วยังต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก คริสว่าผู้หญิงคนหนึ่งควรได้รับอะไรแบบหรือเปล่า”
“ไม่ควรครับ”
“ใช่ไหม การมีลูกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ป๊ากับม้ามีคริสกับครีมห่างกันตั้งเกือบสี่ปี เราช่วยกันเลี้ยงแถมมีพี่เลี้ยงอีกหนึ่งคนยังแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วเธอคนนั้นที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเองในอนาคตล่ะ”
ผมนิ่งและคิดตามที่ป๊าพูด เรื่องการสร้างครอบครัวไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน หรือถ้าอย่างน้อยจะต้องแต่งงานกับใครก็อยากให้เลยสามสิบไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมีปัจจัยที่สำคัญเข้ามาทำให้ผมต้องคิดใหม่ เด็กสองคนที่กำลังจะเกิดมาไม่ผิดอะไรเลย เรื่องความรู้สึกมันสำคัญก็จริง แต่ความรับผิดชอบก็สำคัญไม่แพ้กัน ตอนนี้พรีมแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอย่างกล้าหาญ และผมล่ะ กำลังลังเลเพียงเพราะหวงชีวิตโสดของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
”คิดให้ดี ๆ นะคริส จะเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งและกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว หรือจะทำหน้าที่ลูกผู้ชายและพ่อที่ดีคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้ป๊าเชื่อว่าคริสตัดสินใจได้เองอยู่แล้ว”
“ครับป๊า ผมตัดสินใจได้แล้ว”