ตอนที่ 6 ช่วงคาบเกี่ยวครั้งแรก

1670 คำ
ถ้าหากว่าเขาพบเจอแค่วิญญาณเร่ร่อนทั่วไปกับวิญญาณร้ายก็คงจะดีไม่น้อย ถึงอย่างไรพลังที่เขามีอยู่ก็จัดการพวกนั้นได้สบายมาก ทว่า ชีวิตของโคลินยังต้องพบเจออะไรอีกมากมาย วันหนึ่งขณะเดินกลับบ้านหลังจากเลิกฝึกงานพยาบาลช่วงปีสาม กลางดึกคืนนั้น โคลินเพิ่งจะได้รู้ว่านอกเหนือจากมนุษย์ วิญญาณและยมทูตแล้ว ยังคงมีปีศาจที่เป็นสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นอีกด้วย เวลา 00.29 น. ภาพถนนหนทางตึกรามบ้านช่องดูเลือนลางเหมือนมีภาพของสถานที่อีกแห่งซ้อนทับ ไม่สิ หนึ่ง สอง สามแห่งเลยทีเดียว โคลินขยี้ตาดูแล้วดูอีกคิดว่าฝึกงานติดต่อกันหลายวันอาจจะตาเบลอไปบ้าง ชิ้ง เสียงของอาวุธมีคมกระทบกับอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกล เขาจึงรีบเดินไปดูแล้วก็ได้เห็นว่า ชายผู้หนึ่งผมสีเงิน ดวงตาสีทอง สวมชุดสีขาวและมงกุฎหนามสีทองถือดาบเล่มหนึ่งฟาดฟันกับตัวประหลาดดวงตาสีเขียวสิบคู่อย่างเอาจริงเอาจัง “หน้าคุ้น ๆ จังเลยนะ ผู้ชายคนนั้น” โคลินพึมพำกับตัวเองไม่ทันได้ระวังว่าข้างหลังเขามีวิญญาณร้ายอีกตัวจ้องตะครุบอยู่ ดาบเงินถูกเรียกออกมาป้องกันผู้เป็นเจ้าของตามสัญชาตญาณ โคลินหันกลับมาดูผลงานของตัวเองพลางส่ายหน้า เฮ้อ เขาถอนหายใจ วิญญาณร้ายตัวนี้เปลี่ยนไปมากจนไม่อาจเยียวยาได้แล้ว ทำได้เพียงอย่างเดียวคือสังหาร เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็เริ่มมองเห็นตัวที่มีดวงตาสีเขียวโผล่เข้ามาในที่แห่งนี้เรื่อย ๆ เวลานี้โคลินไม่รู้ตัวเลยว่าดวงตาของเขากำลังเปลี่ยนเป็นสีฟ้า และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามองเห็นสิ่งที่เรียกว่าปีศาจ “โคลิน!” เสียงของชายหนุ่มที่สวมมงกุฎหนามสีทองตะโกนเรียกเขา เขาหันขวับไปที่ต้นเสียงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าชายผู้นั้นจะจับได้ว่าแอบอยู่ข้างหลังแถมยังรู้ชื่อของตัวเองอีก “เอ๋?” คำถามต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในหัว แต่ไม่ทันที่จะได้ถามออกไป ก็ได้ยินคำสั่งของชายผู้นั้น “จัดการปีศาจพวกนี้เร็วเข้า!” สีหน้าเขาจริงจังสายตาจ้องมองมาที่โคลินพร้อมฝากความหวัง “ปีศาจเหรอ ผมไม่เคยสู้กับพวกมันนะ” ถึงปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในมือตอนนี้กำลังกวัดแกว่งออกกระบวนท่าฟาดฟันปีศาจสองสามตัวที่อยู่ตรงนั้นด้วยความเคยชิน “เถอะน่า!” เขาตะโกนบอกอีกครั้งก่อนหันไปสู้รบตบมือกับศัตรูต่อ ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง “ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะครับ!” โคลินตะโกนถาม เพราะดูเหมือนการต่อสู้นี้กินเวลายาวนานมากแล้ว อีกทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย “อ๊ากกก!” เมื่อครู่เขาเพิ่งจะโดนปีศาจเฉือนคมมีดเข้าที่หน้าท้องซ้ำรอยเดิม สีหน้าเจ้าตัวเปลี่ยนจากชิว ๆ เป็นจริงจังเพราะปีศาจพวกนี้เริ่มยั่วโมโหเขา โคลินเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากก่อนจะกระโดดฟันปีศาจตัวที่ก่อความรังควานเขา ฉับพลันวงแหวนสีแดงก็ปรากฏขึ้นใจกลางวงต่อสู้ ร่างสูงในชุดผ้าคลุมสีดำถือเคียวเล่มใหญ่ก้าวผ่านอีกมิติเข้ามา “ตัวอะไรอีกล่ะ” โคลินนึกสงสัยว่าเขากำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า ทั้งตัวที่ดวงตาสีเขียว ทั้งคนที่ดวงตาสีทองแล้วไหนจะคนถือเคียวอีก ร่างสูงในชุดผ้าคลุมไม่รอช้าใช้เคียวเล่มใหญ่กวาดกลางอากาศ มีแสงสีแดงพุ่งออกมาตามหลังตัดลำตัวของปีศาจที่ขวางทางเขาอยู่ในพริบตา จากนั้นก็เดินตรงมาที่โคลิน แล้วเลิกผ้าคลุมหัวออก “มนุษย์เหรอ” เสียงทุ้มถามเขา “เอ๋?” โคลินพยักหน้าตอบคนที่มีดวงตาสีแดง ผมสีแดง “ยมทูตเหรอ” ต้องใช้แล้วล่ะ ทั้งดวงตาสีผมเหมือนมีอากับเดม่อนไม่มีผิด เพียงแต่ว่าคนผู้นี้ดูท่าทางน่าเกรงขาม โหดเหี้ยมกว่าหลายเท่า “ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะทำให้ชายหนุ่มผมเงินส่ายหน้า แล้วถามว่า “ทำไมล่ะ” โคลินคิ้วขมวดไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูดถึง หน้าเขามีอะไรตลกถึงทำให้ร่างสูงหัวเราะได้ขนาดนี้ “เอาไว้เสร็จงานก่อนก็แล้วกัน อย่าเพิ่งหนีไปไหน” เขาก้มหน้าบอกโคลินที่ตัวเล็กกว่า ส่วนสูง 187 ของโคลินตอนยืนเทียบกับเขา ดูเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยไปเสียอย่างนั้น สองคนนี้สูงเท่าไหร่กันแน่เนี่ย พูดจบไม่ทันขาดคำ เขาก็หันกลับเข้าสู่สังเวียนของตนเองอีกรอบ และเพราะมีคนผู้นี้เข้ามาช่วย ปีศาจที่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเมื่อครู่จึงค่อย ๆ ลดจำนวนลง ฉับ เสียงเคียวตัดร่างของปีศาจตัวสุดท้ายอย่างเลือดเย็นไม่ปล่อยให้มันได้อ้าปากร้อง ร่างสูงนั้นเดินตรงมาหาโคลินเอื้อมมือจับที่คางของเขาหันซ้ายขวาด้วยความสนใจ แล้วถามชายผมเงินอีกครั้ง “คนของนายเหรอ เซน” อ้อ เซนงั้นเหรอ แต่เอ๊ะ เซน บาทหลวงเซนคนนั้นเหรอ โคลินนึกถึงคนที่เขาเคยพบในวัยเด็ก เขารีบหันไปมองดูชายหนุ่มผมเงินให้แน่ใจ “อื้ม” คนที่ถูกถามพยักหน้ายอมรับ แล้วเดินมาลูบหัวเจ้าเด็กน้อยเมื่อวันวาน “ไม่เจอกันนานแล้วนะ โคลิน” “บาทหลวงเซนจริง ๆ เหรอครับ” โคลินไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า บาทหลวงเซนยังหน้าตาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ส่วนที่แตกต่างไปคงจะเป็นส่วนสูงที่น้อยกว่าคนอีกผู้หนึ่ง “อ้อ คงจะสงสัยว่าจริง ๆ แล้วพวกเราเป็นใครใช่ไหม” เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยนราวกับเทวดาบนรูปปั้นในโบสถ์ หงึก หงึก โคลินพยักหน้า ยกมือขึ้นวัดส่วนสูงของทั้งสองคน ชี้ที่มงกุฎหนามสีทองและเคียวเล่มใหญ่ราวกับมีคำถามมากมายที่รอคำตอบ “ร่างจริงของฉันคือทูตสวรรค์ ส่วนร่างที่เธอเห็นตอนเด็กเป็นแค่ร่างจำแลงมนุษย์ ทั้งสีผม สีตาและส่วนสูงเลยดูจะแตกต่างจากตอนนี้นิดหน่อย แล้วก็นายคนนี้ มาริอุส ยมทูตเงาจากขุมนรก มีหน้าที่เดียวกันกับฉันคือตามล่าปีศาจ” เซนอธิบายแบบย่อ ๆ เพราะตอนนี้หน้าตาโคลินเหมือนคนได้รับข้อมูลอะไรที่มากเกินไปจนระบบค้าง “แต่ฉันยังมีข้อสงสัย เขาเป็นการ์เดี้ยน อย่างมากก็เห็นแค่วิญญาณร้ายเทือกนั้นไม่ใช่หรือไง” มาริอุสลองบิดหัวโคลินเล่นเผื่อจะได้คำตอบ แต่โคลินกลับรู้สึกเหมือนเป็นเด็กประถมที่อยู่อยู่ท่ามกลางพี่มอปลายสองคน เวลานี้แหงนหน้าคุยกับทั้งคู่จนปวดคอ “ความลับสวรรค์ นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เซนบอกปัดมาริอุสแล้วหันมามองโคลินอีกครั้ง จ้องลึกไปที่ดวงตาคู่สวยที่เวลานี้ไม่ใช่สีดำสนิท หากแต่มีสีอื่นเจือปนจาง ๆ “อืม สีฟ้า” “อะไรนะ ตาสีฟ้า?” มาริอุสตื่นเต้น ก้มลงมองดวงตาของโคลินอีกครั้งแล้วหัวเราะดังลั่นกำลังจะพูดอะไรออกมาแต่เซนปิดปากเขาเอาไว้ แล้วส่งสายตาราวกับจะห้ามไม่ให้เขาพูด “ตาสีฟ้า ผมเป็นอะไรไปอีกแล้วล่ะครับ” โคลินคิ้วขมวด ชีวิตเจอแต่เรื่องน่าตื่นเต้น “เปล่า ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก” เซนมองหน้ามาริอุสอีกครั้งก่อนจะบอกว่า “โคลิน ฟังฉันให้ดี ๆ ช่วงเวลา 00.29 – 04.59 น. ในคืนเดือนมืด จะเป็นช่วงคาบเกี่ยว เธอจะเจอเรื่องราวอย่างที่เห็นในคืนนี้ เพราะฉะนั้นแล้วดูเวลาในปฏิทินให้ดีแล้วห้ามออกไปที่ไหนช่วงนี้เด็ดขาด รู้ใช่ไหมว่าทำไม” “ครับ” โคลินพยักหน้าเข้าใจได้ในทันที พลังของเขาไม่อาจต้านทานมันได้ “แต่ว่าถ้าบังเอิญล่ะครับ ผมควรทำยังไงดี” “ฟันมันให้ยับ เอาให้แหลกสลายไม่ต้องผุดต้องเกิด” เสียงของมาริอุสดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็น “น่ากลัวจังครับ” โคลินอดไม่ได้ที่จะพูดตามที่เห็น “หา? นายก็ทำแบบนั้นกับพวกวิญญาณร้ายไม่ใช่หรือไง” มาริอุสหรี่ตามองคนเด็กน้อย “ผมทำเพื่อปลดปล่อยพวกเขาต่างหาก แต่ปีศาจพวกนี้ ไม่รู้สิครับ พอจะเปลี่ยนอะไรได้ไหม” โคลินมักจะหาทางประนีประนอมเสมอก่อนที่จะต้องลงมือจริงจัง “ไม่มีทาง ปีศาจพวกนี้บางตัวก็ไม่มีสมอง บางตัวก็ไม่มีหรอกไอ้ความเมตตาปรานีน่ะ” มาริอุสตอบตามตรง แล้วทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “จริงสิ เว้นไว้หนึ่ง...” “...” มาริอุสมองหน้าเซนที่เอามือมาปิดปากเขาอีกรอบ “พูดมาก ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย กลับกันได้แล้ว” เซนดุมาริอุสเบา ๆ ให้ยับยั้งชั่งใจสิ่งที่จะพูด “กลับเหรอครับ” โคลินรอฟังสิ่งที่มาริอุสกำลังจะบอก แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเซนแล้วก็เปลี่ยนใจไม่เซ้าซี้ถามต่อ “จำที่บอกให้ขึ้นใจล่ะ” เซนย้ำอีกรอบ ก่อนจะลากมาริอุส ออกไปยังทางเชื่อมมิติที่เปิดอยู่ คนโดนลากไปทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้โคลินดูแต่ก็โดนเซนทุบหัวไปทีนึงจึงยอมหยุด “เข้าใจแล้ว นายนี่ดุชะมัดเลย” มาริอุสบ่นพึมพำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม