บทที่ 3
อู๋ไฉ่หงคิดดีแล้ว เธอคงจะต้องทำตัวเป็นกาวใจให้กับพ่อแม่ของเธอแล้ว ไม่ว่าเนื้อเรื่องของนิยายเก่าจะเป็นอย่างไรเธอจะเขียนเป็นเรื่องใหม่ให้เอง
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้ซิงอีแปลกใจ
“หงหง ซาลาเปาน้อยของแม่เป็นอะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่เลย ตอนนี้หัวเราะแล้ว” กู้ซิงอีคุยกับลูกสาวระหว่างที่เธออุ้มทารกน้อยเดินไปเดินมา พลางคิดว่าจะเอาใจสามีของเธออย่างไรดี
เธอเองก็ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างนี้ไปตลอดหรอก และทั้ง ๆ ที่ไม่อยากโทษหานตง คนที่ทำให้เธอตัดสินใจโง่ ๆ มาขอแต่งงานกับคุณเฉิน จนได้กลายเป็นคุณนายเฉิน
แต่สุดท้ายก็ต้องโทษที่อีกฝ่ายยังคงมองเธอด้วยสายตาไม่วางใจนั่นแหละ มันเลยทำให้สามีของเธอไม่วางใจเธอไปด้วย จะแปลกอะไรเฉินกวงมองเธอตลอดระหว่างที่เธอแอบรักหานตง
ตอนนี้สามีของเธอก็อาจจะยังคิดว่าเธอยังรักบอดีการ์ดที่เป็นมือขวาของตัวเองเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปนานแล้ว
กู้ซิงอีถอนหายใจหนัก “มะ มา” แต่เสียงเด็กน้อยก็ทำให้เธอหัวเราะดัง
“คงมีแค่หงหงสินะที่รักแม่” เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำให้กู้ซิงอีกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
ทางด้านอู๋ไฉ่หงก็รู้แล้ว เธอพูดยาว ๆ ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบังคับคำไม่ได้ ถ้าตั้งใจจะพูดจริง ๆ และเปล่งเสียงออกมาสั้น ๆ ก็จะได้คำที่ผู้ใหญ่อาจจะเข้าใจ
ที่สำคัญเรื่องคำพูดเรื่องการพอใจไม่พอใจหรือแม้แต่ขยับตัวถึงจะทำยาก แต่เรื่องหนึ่งที่ง่ายมาก ๆ
ถ้ารู้สึกดี เสียงหัวเราะจะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ และถ้าไม่พอใจหรือเศร้าก็จะร้องโวยวายได้ทันที
(เก่งมากอู๋ไฉ่หงเธอเป็นหงหงได้เก่งมาก) และระหว่างที่ทารกน้อยกำลังปลื้มกับสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนคนเป็นแม่อย่างซิงอีแปลกใจที่วันนี้ลูกสาวที่น่ารักของเธออารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างประหลาด
และทั้ง ๆ ที่คิดว่าเข้าใจฟังก์ชันของร่างกายทารกได้ดีแล้วแต่ก็ยังสร้างปัญหาให้อยู่ดี แต่เป็นการสร้างปัญหาที่ทำให้พ่อกับแม่ของเธอหายมึนตึง
“หงหงตัวร้อนเหรอ”
หลังจากคุณเฉินมาเฟียใหญ่แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ออกไปจากบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบสรุปการประชุมเมื่อได้ข่าวจากคนที่บ้านว่าลูกสาวของเขาไม่สบาย
ไฉ่หงอยากจะบ้าตายกับร่างกายเด็กน้อย เธอแค่คิดนั่นนี่มากไปหน่อยก็ทำให้ร่างกายของหงหงรับไม่ไหวจนไม่สบายซะแล้ว
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องไม่ดี การไม่สบายของเธอทำให้กู้ซิงอีแม่ของเธอกระวนกระวายมาก และมันยังทำให้กำแพงที่พ่อของเธอก่อร่างสร้างเอาไว้ก่อนจะออกไปทำงานพังลงอีกด้วย
(ไม่ต้องห่วงนะเรื่องแค่นี้ เดี๋ยวนักแสดงอันดับหนึ่งอย่างอู๋ไฉ่หงจัดการให้เอง) แม้ในใจจะคิดงั้นแต่เสียงที่ออกมากลับเหมือนกับเด็กครางงึมงำ
“อา อู อา อา เอิก เอิก”
“นี่ล่ะค่ะ เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ แล้วก็ตัวร้อนขึ้นมา” ซิงอีบอกกับสามีอย่างเร็วซึ่งเฉินกวงก็เป็นห่วงมาก แต่เขาก็ห่วงภรรยาที่หน้าซีดด้วย
“ผมให้หมอมาแล้ว ว่าแต่คุณกินข้าวหรือยังตั้งแต่ผมออกไป” คนเป็นสามีถาม
“บู้ หม้ำ หม้ำ บู้”
เฉินกวงมองหน้าภรรยา “จริงอย่างที่หงหงว่าหรือเปล่า คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม”
ซิงอีพยักหน้ารับผิด
“ก็วันนี้หงหงดูแปลก ๆ ฉันก็เลยป้อนนมแล้วอุ้มยัยหนูอยู่ตลอด”
พอได้ยินคำนั้นมือแกร่งก็เอื้อมมาจับที่แขนของภรรยาตัวเอง
“แข็งขนาดนี้ คงเกร็งอยู่เป็นชั่วโมง เมื่อเช้าคุณน่าจะบอกว่าลูกแปลก ๆ ให้เลือกงานกับกับคุณกับลูก ผมยังต้องบอกอีกเหรอว่าผมจะเลือกอะไร คุณไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ”
ซิงอีก้มหน้าหลบสายตาดุ ๆ ของสามีแต่อีกฝ่ายกลับเชยหน้าเธอขึ้น
“เข้าใจไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้า เธอรักอีกฝ่ายก็เพราะอย่างนี้ แพ้ต่อความดีและการเอาใจใส่ของอีกคน
ชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคนที่ตัวเองรักละเลยไม่สนใจ แม้กระทั่งเอาความเป็นความตายมาต่อรองก็ถูกเมินอย่างไม่ไยดี แต่กับเฉินกวง อีกฝ่ายดูแลเธอราวกับเจ้าหญิง แล้วจะไม่ให้เธอรักเขาได้อย่างไร
“เดี๋ยวผมให้แม่บ้านทำอาหารที่คุณชอบมาให้นะ ส่วนหงหงผมอุ้มเอง คุณไปนั่งพักเถอะ”
ซิงอีค้าน “ลูกตัวร้อนอยู่ฉันพักไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่ไว้ใจผมเหรอ” เฉินกวงถาม สีหน้าและแววตาบอกชัดถึงความน้อยใจ
“ใครจะไม่ไว้ใจล่ะคะ ฉันก็แค่เป็นห่วงลูก แล้วก็เป็นห่วงคุณด้วย”
และคำนั้นก็ทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มออกมาได้
“แล้วไม่คิดว่าผมจะคิดเหมือนกันบ้างเหรอ นั่งพักเถอะครับ ถึงจะพักแต่ก็ยังมองเห็นผมกับลูกตรงนี้นี่”
สุดท้ายซิงอีก็ยอมและไม่นานหลังจากนั้นหมอก็มา
“อารมณ์คงจะสวิงมากไปน่ะครับ จากที่ฟัง ถ้าอย่างไรก็อย่าให้หัวเราะจนเหนื่อยหรือร้องไห้มากไปนะครับร่างกายเด็กยังรับไม่ไหว วิธีอุ้มและพูดคุยด้วยอย่างที่คุณนายเฉินว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วครับ แต่วันนี้คุณหนูน้อย คงมีเรื่องตื่นเต้น อารมณ์ของพ่อแม่ก็สำคัญด้วยนะครับ”