“มายืนทำอะไรตรงนี้หืมมิรา”
“เจ้ม่อน”
“มอลลี่” เจ้าของชื่อเน้นย้ำให้มิราเรียกตนใหม่เสียงเข้ม
“เจ้มอลลี่” เธอเรียกชื่อคนข้างกายใหม่แล้วยิ้มนิดๆ
‘เจ้มอลลี่’ หรือที่ชอบเรียกแซวว่า ‘เจ้ม่อน’ เป็นผู้จัดการไนต์คลับที่ทำงานอยู่ เจ้แกเป็นคนใจดี พนักงานที่นี่รักเจ้แกทุกคนแม้กระทั่งเธอ แม้ว่าบุคลิกภายนอกจะดูดุ หากแต่นิสัยกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง
“แอบอู้เหรอเรา”
“แหะๆ เดี๋ยวจะกลับไปทำงานต่อแล้วค่ะ”
“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า บอกได้นะ เดี๋ยวเจ้ช่วย”
“เจ้ช่วยหนูมาเยอะแล้ว” ทุกครั้งที่ช่วย เจ้มอลลี่ไม่เคยหวังผลตอบแทนอะไรเลยจนเธออดเกรงใจไม่ได้ หลักๆ คือเรื่องเงิน
“เจ้รักและเอ็นดูมิราเหมือนน้องสาว ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มให้เจ้มอลลี่
“แล้วเมฆเป็นยังไงบ้าง”
“เหมือนเดิมค่ะเจ้ หมอบอกว่าจะได้ผ่าตัดสมองด้วย เพราะมีเลือดออกในสมอง”
“เจ้ช่วยออกค่ารักษาให้ได้นะ”
“หนูไม่อยากรบกวน ที่ผ่านมาเจ้ช่วยพวกเรามาเยอะแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อยมิรา เจ้ไม่อะไรหรอก ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกได้ เจ้ยินดีช่วย” มอลลี่รักมิรามาก ทั้งเอ็นดูและสงสารเด็กคนนี้ในเวลาเดียวกัน ปกติมิราต้องนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับมาทำงาน กลับบ้านเกือบตีหนึ่งแทบทุกคืน
มิราเป็นคนสดใส เป็นคนอ่อนนอกแต่แข็งใน เห็นไม่ค่อยสู้คนแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วมิราไม่เคยยอมให้ใครมารังแกตัวเองง่ายๆ
“วันนี้มีลูกค้าวีไอพีมา ทางนั้นต้องการเด็กไปนั่งดื่มด้วย ตอนแรกจะให้โบนัสไปแต่ดันท้องเสียกะทันหัน เจ้เลยมาถามมิราว่าอยากไปแทนยัยโบนัสไหม บริการดีๆ อาจจะได้ทิปมาเยอะเลยนะ”
“แค่นั่งดื่มอย่างเดียวใช่ไหมคะ”
“เห็นบอกมาแบบนั้น ถ้ามิรากลัว ไม่ไปก็ได้เจ้ไม่บังคับ เดี๋ยวให้คนอื่นไปแทน”
“มิราไปค่ะ” เธอตอบตกลงทันที ขึ้นชื่อว่าลูกค้าวีไอพี ต้องได้ทิปเยอะอย่างแน่นอนเพราะเคยไปนั่งดื่มมาด้วยแล้ว
“งั้นตามเจ้มา”
เธอเดินตามเจ้มอลลี่เข้าไปข้างใน เจ้มอลลี่มักให้เธอไปบริการลูกค้าระดับวีไอพีเพราะอยากให้ได้ทิปเยอะๆ อีกอย่างที่นี่ไม่มีใครรู้อายุจริงๆ ของเธอ เพราะผู้จัดการจอมร้ายกาจปิดประวัติไว้อย่างดี
“ห้องนี้แหละ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล วอมาหาพี่ได้เลยนะ”
“ค่ะ” เธอรับวิทยุสื่อสารมาใส่ในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องวีไอพีที่มีลูกค้ากระเป๋าหนักรออยู่ ทำใจสบายๆ แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็ยังคงมีอาการตื่นเต้นอยู่
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายลูกค้าวีไอพีที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอได้ พยายามไม่แสดงอาการประหม่าแม้มีสายตาลูกค้ากลุ่มนี้จ้องมอง
สายตาของเธอมาหยุดอยู่ใครบางคน วินาทีนั้นหัวใจที่กำลังเต้นแรงเพราะตื่นเต้นพลันกระตุกวูบ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลือนหายกลายเป็นความอึ้ง
ผู้ชายที่ได้ครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น…
เขานั่งมองเธอด้วยแววตานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์อะไร วันนี้เขาอยู่ในชุดสีดำทั้งตัว เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมลงมาสามเม็ดจนเผยให้เห็นแผงอกกำยำ มือยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมากระดก เขายังคงดูดีและมีเสน่ห์ไม่ต่างจากวันแรกที่เจอกัน
ไม่คิดว่าเจอเขาอีกครั้ง
“มานั่งข้างๆ เสี่ยสิหนู” อีกคนพูดขึ้น เธอหลุดออกจากภวังค์แล้วเดินไปนั่งลงข้างกายเจ้าของประโยคเมื่อครู่ ไม่วายจะแอบลอบมองเขาคนนั้นที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ทุกคนดูสบายๆ ผิดกับเธอที่รู้สึกเกร็งและอึดอัด
“ชื่ออะไรล่ะเรา”
“ชื่อเกวลินค่ะ” เธอไม่เคยบอกชื่อจริงๆ ของตัวเองกับใคร ‘เกวลิน’ คือนามแฝง
“ชื่อเพราะจัง”
“ขะ…ขอบคุณค่ะ” เธอตอบแล้วเลื่อนมือมาดันมือของคนข้างกายที่สัมผัสขนอ่อนตัวเองออกอย่างเนียนๆ
“มีแฟนรึยัง?”
“ยังค่ะ เดี๋ยวรินเหล้าให้นะคะ”
“เอาสิ”
เธอเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำสีเหลืองอำพันมาเทลงแก้วของเสี่ยข้างๆ ปรนนิบัติและดูแลอย่างดี พอรู้สึกว่ากำลังโดนลวนลามก็หาทางปัดป่ายไปอย่างเนียนๆ
“รู้จักกันเหรอ” มาร์คินกระซิบถามลูกชาย เพราะสังเกตเห็นว่าเอาแต่นั่งมองผู้หญิงฝั่งตรงข้าม
“เปล่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่มอย่างละเอียดละไม แววตาคมเข้มมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้
‘ระ…เราจะไม่เจอกันอีก’
คาร์มินปรายสายตามองเจ้าของคำพูดเมื่อครู่พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก บทนั้นควรเป็นของเขาไม่ใช่หรือไง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนชิงตัดความสัมพันธ์ด้วยก่อน เพราะทุกครั้งเป็นตนที่พูดก่อนเสมอ
‘ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะทำเรื่องแบบนี้กัน’
‘หึ… รักษาคำพูดตัวเองให้ได้ด้วยล่ะ’
มิรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก นอกจากจะต้องคอยระวังเสี่ยหื่นกามข้างกาย ยังต้องคอยหลบสายตาจากอีกคนฝั่งตรงข้ามที่มองปานจะกลืนกิน
นี่มันวันอะไรของเธอเนี่ย…