บทที่ยี่สิบ

1952 คำ
"ฉันบอกนายแล้วไง" มงคลพัสพูด "ฉันไม่รู้ว่าเป็นเธอ" หลังจากที่ได้พูดคุยกับแพรววาสิ่งแรกที่จิตติพัฒน์ทำเป็นอันดับแรก คือไปถามความจริงจากปากของมงคลพัสเกี่ยวกับคู่ผูก เนื่องจากตลอดที่ผ่านมามงคลพัสไม่ได้มีอาการเหมือนกับเขา ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือแม้แต่ตัวมงคลพัสก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พี่สาวของแพรววาคือคู่ผูกวิญญาณของตัวเอง จิตติพัฒน์จึงสังเกตตรงเส้นด้ายที่นิ้วนางมือขวามันยังไม่ค่อยเข้มข้นจนมองเห็นได้ชัดเจนนัก เด็กหนุ่มเลยไม่แปลกใจที่ทำไมมงคลพัสถึงไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ เขาได้รับปากกับแพรววาไปแล้วว่า ในวันนี้จะพามงคลพัสมาพบกับพิมพ์พรรณให้ได้ดังนั้นมงคลพัสจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายก็ถูกลากมาด้วยจนได้และสถานที่ที่ทั้งสองนัดเจอกับสองสาวเป็นสวนสนุกที่มีชื่อว่า "แอคชั่นพาร์ค" เนื่องจากโลโก้ของสวนสนุกที่นี้คือสวนน้ำ และยังเป็นสวนสนุกที่ขึ้นชื่อมาก ๆ ของเมืองโซดอร์อีกด้วย จิตติพัฒน์และมงคลพัสมาถึงก่อนเวลานัดประมาณหนึ่งชั่วโมง คงเพราะความตื่นเต้นหรืออะไรสักอย่างที่นำพาให้สองหนุ่มมาก่อนเวลานัด ตอนนี้ทั้งสองเข้ามาด้านในของสวนสนุกแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่า จะต้องทำอย่างไรต่อระหว่างที่รอให้ถึงเวลานัดหมาย มงคลพัสยอมรับว่านับตั้งแต่มาเป็นยุวชนทหารจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เขาก็แทบจะไม่ได้มาสัมผัสกับสถานที่แห่งนี้อีกเลย ส่วนจิตติพัฒน์ในความทรงจำของเขาครั้งสุดท้ายที่ได้ย่างเท้าเข้ามาในสวนสนุก คือช่วงก่อนเกิดโศกนาฎกรรมที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ภาพที่แม่กำลังอุ้มเขาพาไปซื้อของหวานทาน หรือภาพที่พ่อกับพี่ชายทั้งสองคนกำลังแข่งกันว่าใครจะยิงแม่นกว่ากัน มันควรที่จะเป็นความทรงจำแสนสุขแต่กลับกลายเป็นว่า มันคือความทรงจำที่ตัวจิตติพัฒนไม่อยากจดจำมันเลย มงคลพัสที่เห็นสีหน้าไม่ดีของจิติพัฒน์จึงเดินมาตบไหล่ "เจต เราไปหาที่อื่นนั่งกันไหม" ซึ่งเขาเลือกพยักหน้าเห็นด้วยโดยพวกเขาเลือกที่จะไปนั่งที่ศูนย์อาหารของสวนสนุก ในโซนที่ไม่ค่อยมีเสียงวุ่นวายเข้ามารบกวน "ทำไมนายไม่บอกให้เธอเปลี่ยนสถานที่นัดล่ะ" มงคลพัสถาม จิตติพัฒน์สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายพยายามชวนคุยเพื่อทำลายความตื่นเต้น "แพรวบอกมาว่าถ้านัดเจอที่นี่จะสะดวกกว่า" จิตติพัฒน์ตอบ "แถมยังใช้เพื่อนเป็นข้ออ้างได้อีกด้วย" มงคลพัสพยักหน้าเข้าใจแต่ถึงกระนั้นความสงสัยก็ยังอยู่ "ถ้าพ่อของสองคนนั่นหวงมากขนาดนั้น ฉันกับนายจะยังมานัดเจอกับพวกเธออีกเหรอเพื่อน" จิตติพัฒน์หันหน้ามามองด้วยสีหน้าที่ทำให้มงคลพัสต้องรีบอธิบาย "อย่าเข้าใจฉันผิดนะเพื่อน ฉันแค่.... ไม่อยากให้พี่พิมมีปัญหากับพ่อน่ะ" มีบางอย่างสะดุดความสนใจของจิตติพัฒน์ "เดี๋ยวนะ นายยังไม่ทันเจอพี่พิมแบบจริงจังยังเป็นห่วงพี่เขาขนาดนี้เลยเหรอ" เด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่าหูของมงคลพัสเป็นสีชมพู "แล้วนายล่ะเจต นายไม่กังวลเหรอเรื่องของแพรวกับพ่อเขา" จิตติพัฒน์ชะงักกับคำถามของเพื่อนและทำให้ครุ่นคิดบางอย่างได้ "ห่วงสิ แต่ฉันสังหรณ์ว่าในตัวแพรวน่ะ เธอมีลูกดื้ออยู่ไม่น้อยเลย" "งั้นกับพี่พิมคงมีลูกดื้อเหมือนกันสินะ" "อาจตรงข้ามกันก็ได้" "มั่นใจจังนะเจต" ทางฝั่งของแพรววาและพิมพ์พรรณที่พอสามารถตบตากับสองพ่อจอมหวงได้สำเร็จ ก็รีบพาโทบี้ไปรับเพื่อน ๆ เพื่อเล่นละครตบตาเสริมอีกว่าพวกเธอไปเที่ยวสวนสนุกจริง ๆ ซึ่งพอหลังจากที่ลงมาจากสวนสนุกแล้ว พวกเธอพากันแยกย้ายแล้วปล่อยให้สองพี่น้องไปตามสถานที่นัดหมายได้ แล้วพอเสร็จธุระก็ค่อยกลับมาพร้อมกันก็ได้ พิมพ์พรรณมีสีหน้ากังวลไม่น้อยเพราะเธอไม่เคยโกหกพงศ์กิตติ์มาก่อน ประกอบกับความตื่นเต้นด้วยนี้จะเป็นครั้งแรกที่พิมพ์พรรณจะได้ทำความรู้จักกับโชลเมทของเธอ แพรววาเดินจับมือกับพี่สาวเพื่อให้คลายความตื่นเต้นและความกังวล "ทุกอย่างจะเรียบร้อย" เด็กสาวหันมายิ้มให้กับแพรววา "จ๊ะ พี่รู้" แพรววาและพิมพ์พรรณเดินมาถึงศูนย์อาหารแล้ว เธอได้ทำการส่งข้อความหาจิตติพัฒน์ในทันที ไม่ถึงสองนาทีเธอต้องพบความแปลกใจเมื่อจิตติพัฒน์ส่งตอบกลับมาว่า เขากับมงคลพัสอยู่ที่ศูนย์อาหารในโซนที่เงียบที่สุด สองพี่น้องที่เคยมาเที่ยวที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ จึงรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน สองสาวเดินตรงมาเรื่อย ๆ ก็พบห้องเรือนกระจกมีป้ายเขียนว่า "มุมสงบ" มันเป็นห้องรับประทานอาหารที่จะไม่มีเสียงรบกวนเข้าไปได้นั้นเอง ที่สำคัญแพรววาเห็นจิตติพัฒน์กับมงคลพัสนั่งคุยกันไม่ไกลจากทางเข้ามากนัก พิมพ์พรรณที่ได้เจอเด็กหนุ่มอีกครั้งหัวใจก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ ผิดกับน้องสาวที่พอเห็นเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งไปหาจิตติพัฒน์ในทันที "รอนานไหม เจต" เสียงทักของแพรววาทำให้สองหนุ่มหันมามองเป็นตาเดียว มงคลพัสแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นพิมพ์พรรณ เขาหันกลับมาทางเพื่อนสนิทที่ไม่ได้แสดงท่าทางรู้ร้อนรู้หนาวมากนัก แถมยังทักทายกับสองสาวอย่างเป็นกันเองด้วย จากนั้นจิตติพัฒน์ก็ดึงมงคลพัสให้ลุกจากเก้าอี้และทั้งสี่ก็พากันออกมาจากศูนย์อาหาร แพรววาเสนอไอเดียว่าให้พิมพ์พรรณพามงคลพัสไปเดินเล่นตรงอื่นก็ได้ ส่วนเธอกับจิตติพัฒน์จะไปตรงเครื่องเล่น ไอเดียดังกล่าวเล่นเอาพิมพ์พรรณและมงคลพัสพากันทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว ทว่าทั้งสองยังไม่ทันที่จะคัดค้านแพรววาก็จูงมือจิตติพัฒน์หายเข้าไปในฝูงชนแล้ว เหลือแค่เพียงสองคนที่ต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูก ❤️❤️❤️❤️❤️ มงคลพัสยอมรับว่าไม่มีอะไรยากลำบากเท่ากับการเดตครั้งนี้อีกแล้ว ตลอดทางเขาแทบไม่พูดอะไรกับพิมพ์พรรณเลยบรรยากาศโดยรอบไม่ได้ช่วยให้ เขารู้สึกใจกล้าอยากชวนคุยเลยแม้แต่น้อยสิ่งเดียวที่เขาทำคือ มองพิมพ์พรรณเวลาเธอยิ้มกับอะไรบางอย่างที่ตัวเขาอาจไม่เข้าใจว่าจะยิ้มทำไม ทว่าเด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอมันเหมือนมนสะกดไม่ให้เขาสนใจอย่างอื่น มงคลพัสเริ่มนึกสงสัยเหมือนกันว่าพันโทมนต์ธนัทพ่อของเขาซึ่งเป็นนักรบฟีนิกซ์เหมือนกัน ในตอนที่ได้เจอกับปรรณรักแม่เป็นครั้งแรกพ่อของเขาจะมีอาการแบบเดียวกับที่เขาเป็นหรือเปล่า อย่างไรก็ตามสติของมงคลพัสกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของพิมพ์พรรณ "มะยม... เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเธอเอาแต่เหม่อลอย" มงคลพัสที่ได้ยินก็นึกอยากตบหน้าตัวเอง เนื่องจากสีหน้าของพิมพ์พรรณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่คงอาจคิดว่าเขากำลังเบื่อ "เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยนะ เราไปหาของหวานกินไหม" และบังเอิญว่าทั้งสองอยู่หน้าร้านไอศกรีมพอดี พิมพ์พรรณเลือกที่จะนั่งตรงมุมที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก มงคลพัสสังเกตมาได้สักพักแล้วว่าตลอดการเดินเที่ยว พิมพ์พรรณมักจะพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนเยอะเป็นพิเศษ แถมยังมีอาการตื่นตระหนกเวลามีใครเผลอมาแตะตัวแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม มันแทบจะคนละเรื่องกับตอนที่พิมพ์พรรณอยู่กับเพื่อนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เพราะมงคลพัสจำได้ว่าเธอแทบไม่แสดงอาการตื่นตระหนกเลย หลังจากได้ที่นั่งแล้วพิมพ์พรรณสั่งไอศกรีมรสบลูเบอรี่ส่วนมงคลพัสขอเป็นวานิลลาแทน ระหว่างที่รอไอศกรีมมาเสิร์ฟมงคลพัสก็จับสังเกตได้อีกแล้ว สีหน้าของพิมพ์พรรณแม้จะไม่ค่อยดูกังวลเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เขารับรู้ได้ถึงความวิตกกังวลที่อยู่ในตัวเด็กสาว ถึงเขาจะอยากรู้ว่าทำไมแต่การไปถามเรื่องส่วนตัวมันดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก "ที่นี้คนคึกคักจัง" มงคลพัสพยายามหาเรื่องที่จะคุย แต่เขารู้ตัวดีว่ามันไม่ค่อยเข้าท่านัก "อืม" พิมพ์พรรณเห็นด้วย "ช่วงวันหยุดก็จะเป็นแบบนี้แหละ ยิ่งถ้าช่วงงานเทศกาลนะคนจะเยอะมากเลยแหละ" "เด็กพวกนั่นโชคดีแล้วล่ะครับ" มงคลพัสว่าและหยิบแว่นออกมาเช็ด พิมพ์พรรณขมวดคิ้วกับคำพูดของเด็กหนุ่ม "เมื่อกี้ทำไมเธอพูดแบบนั้นล่ะ" "หืม พูดอะไรเหรอครับ" "ก็ที่บอกว่าเด็กพวกนั่นโชคดีแล้วนะสิ.... อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยมาเที่ยวสวนสนุก" มงคลพัสก็พูดแบบเสียงเรียบ ๆ "ออ เคยสิ แต่มันก็ก่อนที่ผมจะต้องเข้ารับการฝึกยุวชนทหาร นับแต่นั้นผมก็ไม่เคยย่างเท้าออกจากค่ายอีกเลย คือผมหมายถึง" มงคลพัสต้องรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของพิมพ์พรรณ "ผมกับเพื่อน ๆ เราต่างสนุกกับการอยู่ค่ายมากกว่า จนผมแทบไม่รู้สึกถึงบรรยากาศตอนไปเที่ยวสวนสนุกสมัยเด็ก ถึงแม้ว่าการฝึกทหารของพวกเราจะเริ่มยากมากขึ้นก็ตาม" พิมพ์พรรณเลือกที่จะฟังเงียบ ๆ เพราะเธออยากรู้จักตัวตนของมงคลพัสมากขึ้น และพออีกฝ่ายกลายเป็นผู้ฟังตัวมงคลพัสก็เล่าต่อไปอย่างลืมตัว "ถึงที่ค่ายจะมียุวชนทหารหญิงแต่หัวข้อการคุยกันก็น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่พวกเราคุยกันคือจะต้องทำยังไงไม่ให้โดนเจ้างั่งทอมป์สันจับได้ว่าเครื่องแบบของเราไม่เรียบร้อย หรืออีกนานแค่ไหนเราถึงจะได้ลงสนามรบของจริง... ใช่ ผมเลยไม่เคยมองว่าพวกเธอเหล่านั่นคือผู้หญิง แต่เป็นสหายรบที่พร้อมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับผมเสียมากกว่า" มงคลพัสหยุดเว้นการพูดไปครู่หนึ่ง "ไม่เหมือนพวกเขาที่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า การไปเดตกับผู้หญิงจริง ๆ เป็นยังไง" เกิดความเงียบขึ้นมาแต่พิมพ์พรรณเลือกที่จะทำลายความเงียบ "พี่เองก็ไม่เคยเดตกับใครมาก่อนเหมือนกันนะ ทั้งที่พี่ไม่ใช่ทหารเหมือนเธอ" มงคลพัสหันมามองเด็กสาว "รู้ใช่ไหมว่าพ่อของพี่น่ะ..." "ผมรู้ เจตเล่าให้ฟังแล้ว.... แต่... ไม่รู้สิ ถึงผมจะรู้แต่ก็อยากรู้จักกับพี่อยู่ดี" ไม่รู้ทำไมแต่บนใบหน้าของเด็กสาวได้เกิดรอยยิ้มออกมา ความวิตกกังวลต่าง ๆ มลายหายไปอย่างน่าประหลาด อย่างน้อยก็สำหรับพิมพ์พรรณที่แม้จะได้คุยกับมงคลพัสแบบจริงจังครั้งแรก แต่มันไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพอเธออยู่กับเด็กหนุ่มมันกลับให้ความรู้สึกอุ่นใจ ผิดกับผู้ชายหลายคนก่อนหน้านี้มากนัก ครู่ต่อมาพนักงานก็ได้เสิร์ฟไอศกรีมมาถึงโต๊ะของทั้งสอง ซึ่งต่างคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อนอกจากจัดการกับของหวานของตัวเอง ❤️❤️❤️❤️❤️
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม