บทที่ 6

713 คำ
หมู่บ้านน้อยขี้หมาจอกถูกครอบงำด้วยความมืดดำมานานเท่าใดแล้วไม่มีใครทราบได้ ความมืดดังกล่าวนั้นหมายถึงกลางคืนซึ่งบดบังผืนดินแห่งที่ราบสูงที่ถูกเรียกว่า “อีสาน”นี้ให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง บนฟากฟ้าในยามค่ำคืนอาจได้รับแสงสว่างจากดวงดาวระยิบระยับสาดส่องพอมองเห็นแมกไม้ขาวโพลนในบางคราว นั่นมันเหมาะสำหรับนักบวชผู้กล่อมเกลาจิตใจตนเองไม่ให้ฟุ้งซ่านและเหมาะกับนักลอบสังหารทั้งหลายที่วางแผนเด็ดชีพฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับแล้วตักตวงทรัพยากร บ้านนอกกับในเมืองจึงต่างกันลิบลับในสมัยนั้นโดยเอาแสงสว่างจากไฟฟ้าสิ่งประดิษย์กับความมืดแห่งค่ำคืนธรรมชาติเป็นตัวชี้วัดตัดสินเป็นสำคัญ เมื่อเสาไฟฟ้าเดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้านพร้อมสายไฟและอุปกรณ์ติดตั้งระโยงระยางสะท้อนแสงแดดพร่างพรายนั้นคือสัญลักษณ์ของความเจริญ คือแสงสว่างของศัตวรรษใหม่ที่สาดส่องเข้ามายังดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งตกอยู่ในสงครามเย็นให้พบกับความศิวิไลและเชื่อมโยงความเจริญกับความล้าหลังให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทลายล้างวรรณะทางภูมิศาสตร์กายภาพให้หมดไป บริเวณด้านหน้าโรงเรียนตลอดแนวรั้วลวดหนามที่เคยร่มครึ้มด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ซึ่งอุดมไปด้วยผีสางนางไม้ในยามข้างแรมบัดนี้แล้วก็ถึงพร้อมด้วยความเตียนโล่งมีเสาไฟปักไว้เป็นระยะ ๆ รวมทั้งหมู่บ้านเรือนเล็กๆจำนวน 8 หลังคาเรือนก็พลอยสว่างไสวไปทั่วหน้า บังเอิญมีเสาไฟเอกต้นหนึ่งตั้งอยู่หน้าบ้านนายโวพอดิบพอดีด้วยความอนุเคราะห์ของบุญญาบารมีหรือบาปกรรมของใครไม่อาจทราบได้ แต่เขารู้สึกภูมิใจกับสิ่งนี้มากกว่าใคร ๆ เพราะอย่างน้อยก็ประหยัดรายจ่ายค่าเดินสายไฟเข้าบ้าน ทุกวันก่อนจะออกไปเสี่ยงโชคเขามักจะแหงนคอตั้งบ่ามองยอดเสาไฟด้วยความคิดคำนึงอย่างลึกซึ้งเกินกว่าใครจะเข้าใจได้ วันหนึ่งเขาเดินยิ้มเผ่อย่างอารมณ์ดีเข้ามาในโรงเรียนในมือมีฝากระติบข้าวที่เพิ่งสานเสร็จใหม่เอี่ยมซึ่งเมียแกสานไว้ขายนั้นแน่นอน เขาเอ่ยขอกระดาษกาวด้วยน้ำเสียงสุภาพและชาญฉลาด ผมไม่อาจปฏิเสธหรืออาจตามไม่ทันความเจริญที่เข้ามาถึงนั้นเสียแล้วเป็นแน่ จึงสั่งให้เด็กโตที่สุดในห้องเรียนคือลูกชายของเขานั่นแหละวิ่งไปหยิบจากห้องคลังอุปกรณ์มาม้วนหนึ่งแล้วยื่นให้นายโว เขารับไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเดินถอยออกไปนั่งลงบนพื้นหน้าห้องเรียนพร้อมกับลงมือประดิษฐ์อาวุธในมืออย่างพิถีพิถันโดยการติดแถบกาวด้านในฝากระติบข้าวทีละชั้น ๆ เคาะเบาๆ เอียงหูฟังหลายระยะใกล้ ไกลจนเป็นที่พอใจ “ทำอะไร” “เก็บเสียงครับ” เขาตอบอย่างเปิดเผย “เวลาเขย่าลูกไฮโลว์มันจะดังนิ่มมากจนไม่มีเสียงเลยครับ โอกาสที่ขาเล่นจะแทงผิดพลาดมีมากทีเดียว” ผมรับม้วนกระดาษกาวที่เหลือมาเก็บไว้ในมือ มันเป็นวัสดุสำหรับสร้างอุปกรณ์การเรียนการสอน และอุปกรณ์ชีวิตได้เหลือเชื่อทีเดียว นายโวเดินเหยียบใบต้องแห้งดังกรอบแกรบๆหายไปด้านหน้าโรงเรียนอย่างเร่งรีบราวกับคนกำลังร้อนวิชา คลุ้มคลั่งสิ่งค้นพบใหม่เหลือกำลัง คราวนี้เขาหายเงียบเข้ากลีบเมฆ เมียสาวเคยเดินเข้ามาที่บ้านพักบ่นระบายความในใจ บอกว่าหายไปหลายวันกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คำพูดของนางอาจดูเป็นปกติ แต่แววตาของนางระยิบไปด้วยความห่วงใยทอดถอนในอกอย่างเห็นได้ชัด เหตุนี้ด้วยละมังที่นางต้องเอาเสียงสานกระติบข้าวเป็นเพื่อนยามเหงา เสียงแผดเผาที่เคยดังโหวกเหวกตะโกนด่าลูกเมียในยามเช้า-เย็นไม่มีแว่วให้ได้ยินอีกแล้ว แม้ในยามค่ำคืนจะมีแสงสว่างจากหลอดไฟเจิดจ้า ไม่มืดมิดเหมือนเก่าก่อน แต่บรรยากาศดูเงียบเหงา วังเวงและเวิ้งว้างจนรู้สึกเย็นยะเยือกโรยตัวอยู่บนหลังคาเรือนบ้านน้อยขี้หมาจอกเสียจริงคราวนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม