ราชาเหยียบเท้าราชันก่อนจะหัวเราะเบาๆพร้อมกันเพราะไม่รู้ว่าควรตลกสีหน้านิ่งเฉยของพี่ไคโรหรือคำพูดเย็นชาของน้องลาเบลกันแน่ ผู้ชายด้วยกันมีเหรอจะมองไม่ออกว่าแววตาคมนั้นซ่อนอะไรไว้บ้างนับตั้งแต่วันที่ลาเบลปรากฏตัวในฐานะน้องสาวคนเดียวของพี่เลโอเมื่อสองปีที่แล้วสร้างความประหลาดใจให้แก่สมาชิกทุกคนเพราะทั้งรู้กันตระกูลแอลมานานแต่เรื่องสายสัมพันธ์พี่น้องกลับเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยชัดเจนรับรู้เพียงแค่มีผู้ชายทั้งหมดสี่คนเท่านั้นเอง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพี่ไคโรเย็นชามากขนาดไหนแต่ต้องชอบลาเบลมากแน่ๆไม่อย่างนั้นคงไม่รู้แทบทุกเรื่องโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลย
อยากรู้จังว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ
ระเบิดจะลงพวกเขารึเปล่าเนี่ย?
หมัดพี่ไคโรหนักมาก!!!
ตลอดการประชุมหลายชั่วโมงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดแต่ก็ยังไม่สามารถจะหาข้อสรุปได้นอกจากมอบหมายงานและคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ลาเบลเดินออกจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้ายและในขณะที่กำลังเดินออกไปนั้นข้อมือเล็กก็ถูกคว้าเอาไว้แล้วดึงด้วยแรงที่มากกว่าเข้าห้องเล็กๆที่อยู่ใกล้ ประตูปิดล็อกแล้วคนตัวใหญ่ก็ยืนขวางอีกชั้นไม่ให้หนีไปไหน
"มีอะไรรึเปล่าคะ?"
"ก็…แค่อยากคุยเรื่องเมื่อคืน"
"เราก็แค่สนุกๆกันไงไม่เห็นต้องคิดมากเลย อีกอย่างฉันแพ้พนันแล้วทำตามที่ตกลงกันเอาไว้เฉยๆ พี่ไคโรก็ได้นอนแบบที่ต้องการแล้วเราไม่มีอะไรติดค้างกันไม่ใช่รึไงคะ หรือว่า…ยังมีอะไรข้องใจอีกรึเปล่า?"
"ทำไมไม่รอมาที่นี่พร้อมพี่"
"แล้วทำไมต้องรอด้วยละคะ?"
"ก็…"
"ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน! ฉันจะไปไหนมาไหนก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับพี่ไคโรเลยนี่นา ธุระมีแค่นี้ใช่ไหมพอดีฉันรีบ"
"ชอบมันเหรอ!?"
"ใครเหรอคะ?"
"ไอ้แฝดราชาราชันไงละ!"
"นั่นมันก็เรื่องของฉันค่ะพี่ไคโรไม่เกี่ยว"
“ใจคอจะกินรอบวงเลยรึไง!?”
“ขอบคุณที่แนะนำนะคะ งั้น…เริ่มจากพี่ไคโรแล้วต่อไปเป็นใครดีละคะ?”
“ลาเบล!!”
“ขอตัวค่ะ” ทั้งที่เธอตัวเล็กออกขนาดนี้ทำไมเขาถึงได้แทบล้มลงเมื่อมือเล็กจับแขนดึงออกให้พ้นทางแล้วเปิดประตูเดินออกไปโดยไม่แม้จะมองกลับมากันเลยสักนิด
ไคโรสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินออกไปแต่ไม่รู้ว่าเพราะบังเอิญรึไงถึงได้เจอราชาและราชันกำลังยืนคุยกับลูกน้องอยู่ในขณะที่รถหรูอีกคันแล่นออกไปคาดว่าน่าจะนำไปแล้วสองคนนี้สั่งงานเสร็จก็คงตามไปทันที
"ราชา ราชัน"
"นึกว่าพี่ไคโรกลับแล้วซะอีก!"
"คืนนี้ห้ามใครแตะเนื้อต้องตัวลาเบลเด็ดขาดไม่งั้นเราคงได้มีเรื่องกัน"
"หวงขนาดนี้ไม่จับขังไว้เลยละ?"
"ทำตามที่บอกเรื่องอื่นอย่ายุ่ง"
"น้องลาเบลไม่ได้คิดอะไรกับพวกผมหรอกน่าเบาใจได้เลย พี่ไคโรไม่ไปดื่มด้วยกันจริงๆเหรอนานๆทีจะว่างเจอกับแบบนี้ หรือยังโกรธเรื่องนั้นอยู่ มันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนะอีกอย่างพี่ก็ต่อยผมจนแทบสลบเลยด้วย"
"มีธุระด่วนต่อไปด้วยไม่ได้"
"งั้นผมไปแล้วให้น้องลาเบลคอยนานคงไม่ดี"
"อืม"
ราชาและราชันได้แต่มองตามคนหน้านิ่งเจ้าอารมณ์ที่เดินผ่านไปแบบไม่พูดอะไรต่อสงสัยจะโกรธมากที่น้องลาเบลเมินใส่แล้วนี่ยังไม่รวมกับเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่พวกเขาสองคนไปก่อความวุ่นวายที่คาสิโนจนถูกจับตัวไปแล้วคนที่สั่งสอนจนอ่วมไปทั้งตัวก็ยังไม่พอใจนั่นคือพี่ไคโร ถ้าคืนนั้นพี่คิมหันต์ไม่มาช่วยมีเหรอจะรอดออกมาครบสามสิบสองแบบนี้!
คืนนี้ไม่รู้ว่าคนสวยต้องการคุยอะไรกันแน่หรือแค่เหงาหรืออยากหาเพื่อนดื่มก็ไม่มั่นใจเหมือนกันแต่หวังว่าจะไม่มีคนพาลใส่ก็พอ น้องลาเบลนิ่งกว่าพี่ไคโรทำให้คาดเดายากมากว่าต้องการอะไรแต่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจนหยุดมองไม่ได้ถึงเสี่ยงตายก็ยอมไปดื่มด้วยเสมอ
คนอะไรอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้
หวังว่าคืนนี้จะไม่โดนใครกระทืบก็พอ!
บาร์ที่นัดนั้นใกล้มากนั่งรถเพียงไปสิบห้านาทีก็มาถึงโรงแรมหรูที่ชั้นบนสุดนั่นคือที่อยู่ของสองพี่น้องตระกูลแอลส่วนพี่น้องคนอื่นนั้นแยกไปอยู่คอนโดส่วนตัวหรือบ้านพักแต่ไม่มีใครอยู่เขตหนึ่งเลยสักคน
ลาเบลนั่งดื่มเงียบๆใช้ความคิดไปกับเรื่องการหายตัวไปของพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายว่าอาจจะเกี่ยวเนื่องกันเพราะทั้งสองคนสนิทกันมากและนี่ไม่ได้อยู่ในแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นเลยต้องหาทางจัดการก่อจบานปลายเกินควบคุม
เธอชวนทั้งสองคนนั้นมาเพื่อสอบถามให้แน่ใจก่อนจะส่งคนเข้าไปค้นหาหรือบางทีอาจจะตามหาเองแต่ในระหว่างที่นั่งรออยู่นั้นกลับมาผู้ชายผิวขาวราวกับไข่มุกรูปร่างสูงโปร่งไว้ผมยาวประบ่าแต่งตัวมิดชิดแต่ดูดีและไม่ได้โดดเด่นพอจะเรียกความสนใจจากใครได้เลย
เธออมยิ้มก่อนจะสั่งเหล้ามาเพิ่มอีกสองแก้วให้กับเขาและตัวเองโดยที่เราไม่ได้หันไปมองกันด้วยซ้ำทำคล้ายกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทั้งที่สนิทกันมาก
"พวกมันต้องการตัวเธอ"
"ใคร?"
"เรน"
"หัวหน้ากลุ่มดาวตกงั้นเหรอ?"
"คิดว่ามันจะกล้าบุกมาที่นี่ไหม?"
"ตอนนี้คงมาถึงเขตหนึ่งน่าจะอยู่ใกล้ๆกับโรมแรมแอล"
"ต้องการตัวฉันไปทำไมกัน?"
"ใครจะไปรู้กันละ"
"นั่นสิ"
"พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมส่วนคืนนี้ไม่ควรนอนที่นี่นะถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย เธอควรจะหาคนมาต้อนรับมันนะถึงยังไงกลุ่มนี้มันไม่ได้ต้องการอะไรมั่วๆอยู่แล้ว"
"งั้นเหรอ?"
"เธออาจจะมีของที่มันต้องการ"
"งั้นฉันพอเดาออกแล้วว่าคืออะไร"
"ก็ดี"
"อีกแก้วไหม?"
"ไม่ละ"
"เดือนหน้าที่งานประมูลเจอกันไหม?"
"..."
"เป็นงานเต้นรำใส่หน้ากาก"
"แล้วจะคิดดูอีกที"
เขาเดินออกไปโดยที่เราไม่หันไปมองกันราวกับว่าเป็นคนไม่รู้จักและเพียงไม่กี่นาทีพี่ราชากับพี่ราชันก็เดินเข้ามาด้วยอารมณ์ดีมากโดยที่ไม่ได้เห็นหรือสังเกตความผิดปรกติก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะจะได้ไม่มีใครสงสัยอะไรมากเกินไป เครื่องดื่มแอลกอฮอร์สามแก้ววางตรงหน้าพร้อมกับบทสนทนาที่เริ่มต้นขึ้นเกี่ยวกับเรื่องพี่ชายของพวกเราที่หายตัวไป
แต่ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วๆมากระทบใบหู
พี่ไคโรอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?
“พี่ก็รู้แค่นี้แหละ พี่คิมหันต์ไม่ได้พูดไม่ได้บอกอะไรเลยสักคำแล้วยังไม่เอาบอดี้การ์ดไปด้วยด้วยสักคน”
"ยังติดต่อไปไม่จริงๆเหรอคะ?"
"อืม"
"หายไปสามวันก็เท่ากับเวลาที่พี่เลโอไปเขตเจ็ดพอดีเป็นไปได้ที่สองคนนี้จะไปด้วยกันตามลำพังและอาจจะถูกต้อนรับจากใครสักคนที่นั่น ถึงยังไงซะถ้าเป็นเขตหนึ่ง เขตสองหรือเขตสามก็ไม่น่าจะมีใครกล้าหาเรื่องโต่งๆแต่ถ้าเป็นที่นั่นมีหลายคนพร้อมจะจบชีวิตเสมอแต่หวังว่าทั้งสองคนจะเก่งพอจะรอดมาได้"
"พี่ก็ยังไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกันแต่มีสิทธิ์เป็นไปได้สูง ลาเบลจะตามไปเหรอ?"
"ติดธุระที่นี่คงไปไม่ได้แต่ส่งคนไปแล้วค่ะ"
"คิดว่าเป็นฝีมือใคร?"
"เรื่องนี้ก็ไม่รู้สิคะ"
ถัดออกไปอีกไม่ไกลมีหนึ่งแววตาดุแอบมองด้วยความตั้งใจจะทำให้รู้สึกตัวแล้วจะเสแสร้งแกล้งว่าบังเอิญมาที่นี่พอดี ไคโรคุยกับพนักงานเสียงดังกว่าปรกติมากหลายเท่าเพื่อทำให้ใครสักคนได้ยินแต่ทุกคนดันหูบอดจนน่าหงุดหงิดที่เรียกร้องความสนใจไม่ได้สักที เขาลองเดินผ่านหลังของทั้งสามไปหนึ่งรอบแล้วก็ยังไม่มีใครหันมาทั้งที่เฉียดใกล้ขนาดนั้นแล้วสัญชาตญาณป้องกันตัวกลับไม่ทำงานเลยรึไงถึงไม่รับรู้
ตอนนี้เหลือเพียงวิธีสุดท้ายแล้วแหละ
ต้องเอาให้คนมองทั้งบาร์ไปเลย