บทที่ 3 ร่วมตรวจท้องที่

1308 คำ
โหลวซีห่าวในฐานะนายอำเภอถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับ ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาเมืองเชียนเยาได้เห็นวีรกรรมของมือปราบสวีหลายครั้งแล้ว เขาถึงกับปวดหัวตุบๆ ลืมเรื่องเศร้าของตนเองไปชั่วขณะ “ท่านแม่ขอรับ! ท่านกลับจวนไปก่อนเถิด ข้าขอไปคุยกับนางสักหน่อย” “อ้อๆ แล้วแต่เจ้าเถอะ ว่าแต่ระวังนางไว้บ้างล่ะ เจ้าไม่มีวรยุทธ์นะ แม่กลัวนางจะทำเจ้าหัวร้างค่างแตกเหมือนคนพวกนั้น” “ขอรับ ข้าจะระวังตัว” เมื่อมารดาเดินห่างออกไป โหลวซีห่าวก็รีบเดินตามหลังมือปราบหญิงที่เดินแข็งขันไปตรวจท้องที่ต่อ “มือปราบสวี! หยุดก่อน!” สวีเสี่ยวถงหันขวับมาเห็นนายอำเภอหน้าหยกก็เลิกคิ้วขึ้น “ใต้เท้าโหลว ท่านมีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?” ท่าทางของนางดูไม่ยี่หระกับการเห็นเขาสักนิด โหลวซีห่าวนึกหงุดหงิดเป็นกำลัง ดูภายนอกนางก็น่ารักดีอยู่หรอกแต่เมื่อเห็นท่าทางป่าเถื่อนที่แสดงออกมาตอนจัมกุมคนกระทำความผิดแล้วเขาก็รู้สึกขยาด “เจ้าไม่รู้สึกบ้างหรือว่าตนเองทำเกินกว่าเหตุ?” “ทำ...ทำอะไร? ข้าทำอะไรเกินกว่าเหตุหรือเจ้าคะ?” คำพูดของนางดูแข็ง แถมท่าทางยังดูกระด้างกระเดื่องมิได้เคารพเขาผู้เป็นนายอำเภอเลยสักนิด “ตั้งแต่ข้ามาถึงที่นี่ เห็นทีไรเจ้าก็ทำเกินกว่าเหตุทุกที” หญิงสาวตีหน้าเซ่อ “ท่านนายอำเภอ ข้าก็บอกท่านแล้วว่าให้มาช่วยข้าลาดตระเวนสักสองสามวัน เดี๋ยวท่านก็เข้าใจงานของข้าไปเอง ที่ท่านเห็นเมื่อครู่มันเป็นปลายเหตุ มิใช่ต้นเหตุนะเจ้าคะ” โหลวซีห่าวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาไม่เป็นคนเคร่งระเบียบและกฎหมาย มาเจอคนที่เอาแต่กำลังอย่างนางก็นึกอยากจะสั่งสอนให้รู้สำนึกในหน้าที่เสียบ้าง “เจ้าเป็นมือปราบ เป็นผู้รักษากฎหมาย แต่ทุกครั้งที่เจ้าจับกุมคนร้ายก็ล้วนแต่มุ่งต่อยตีเอากำลังเข้าปะทะจนพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ข้าว่าเขาคงต้องทำความเข้าใจกับกฎหมายแคว้นหมิงเสียใหม่” “ข้า....” นางเอานิ้วชี้หันเข้าหาใบหน้าของตนเอง “ข้าน่ะหรือ...ข้าเข้าใจกฎหมายการรักษาความสงบเรียบร้อยของแคว้นหมิงดี แต่ว่า...บางครั้งก็ขึ้นกับสถานการณ์ด้วยว่ากฎหมายที่ท่องกันปาวๆ จะใช้ได้ผลหรือไม่?” โหลวซีห่าวใบหน้าเครียดขึ้ง จ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็ง “เห็นทีข้าจะพูดกับเจ้าไม่เข้าใจเสียแล้ว! เจ้าเถียงคำไม่ตกฟากเลยจริงๆ” สวีเสี่ยวถงยิ้มน้อยๆ นายอำเภอคนก่อนยังไม่อยากยุ่งกับนาง ปลัดอำเภออย่างใต้เท้าต้วนก็ยังต้องละเว้นนาง หญิงสาวมองนายอำเภอรูปงามตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจก็นึกปรามาสว่าเขาจะทนอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างอำเภอเชียนเยาไปได้สักกี่น้ำ “ท่านเป็นบัณฑิตผู้รอบรู้ เหตุใดต้องใช้เสียงดังข่มข้า? ข้าบอกแล้วว่าเอาไว้ให้ท่านมาลาดตระเวนช่วยข้าสักสามวันก่อน ค่อยโวยวายมิใช่หรือ?” โหลวซีห่าวผงะ ใบหน้าของนางไม่แสดงความกลัวเขาเลยสักนิด ซ้ำยังยกยิ้มมุมปากราวกับจะเยาะเย้ย “ท่านคงไม่รู้ว่าในอำเภอเชียนเยานี้ เต็มไปด้วยผู้คนจากหลายแหล่งและหลายสถานะ หากว่ามัวแต่สนิมสร้อยแบบท่านเห็นทีคงจัดการปัญหาวุ่นวายที่นี่ไม่ได้แน่ นอกจากจะมีพรรคเทียมฟ้าซึ่งเป็นพรรคฝ่ายธรรมะและพรรคมังกรเทพซึ่งเป็นพรรคฝ่ายมารที่อาศัยอยู่ละแวกนี้แล้ว ที่นี่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ท่านยัง ไม่รู้ นายอำเภอโหลว ท่านเองก็ควรระวังตัวเองเอาไว้บ้าง ท่านเพิ่งมาใหม่ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกพวกเขาจ้องจะต้อนรับอยู่ก็ได้นะเจ้าคะ” ชายหนุ่มกำลังจะชี้หน้าอบรมสั่งสอนมือปราบหญิงจอมเถื่อน ทว่านางกลับสะบัดหน้าเดินจากไป บริวารทั้งสามของนางทำหน้าปุเลี่ยนๆ หันมาขออภัยท่านนายอำเภอด้วยความเกรงใจ “ใต้เท้าโหลวขอรับ พวกเราจำต้องขอลา” เหยาอิงหมิงที่ติดตามลูกพี่อย่างสวีเสี่ยวถงมาตั้งแต่วัยเด็ก รีบประสานมือโค้งคำนับนายอำเภอรูปงามแล้วเดินตามมือปราบหญิงไป พอหันหลังให้โหลวซีห่าวเขาก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะ “เจ้าขำอะไร?” “นายอำเภอหน้าหยกผู้นี้ไม่มีวรยุทธ์ แต่ยังกล้าทะเลาะกับพี่เสี่ยวถง เห็นทีเขาคงไม่รู้จริงๆ ว่าต่อไปตนเองจะลำบากหากพี่ไม่คุ้มครองเขา” หญิงสาวหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ขุนนางหน้าอ่อนมาจากเมืองหลวง จะคิดออกได้อย่างไรว่าที่นี่ป่าเถื่อนแค่ไหน? เพิ่งมาถึงก็คิดจะสั่งสอนข้าซะแล้ว” โหลวซีห่าวตื่นแต่เช้าไปยังที่ว่าการอำเภอ เขากลับพบสวีเสี่ยวถงยืนรออยู่ก่อนแล้ว “ได้เวลาข้าลาดตระเวนพอดี ไปกันเถอะ” โหลวซีห่าวไม่อิดออดเขาเดินเคียงคู่ไปกับมือปราบหญิง และด้านหลังก็มีผู้ติดตามทั้งสามของนางเดินตามมาติดๆ ถนนสายหลักของที่นี่มีเพียงสองสาย เส้นสายแรกอยู่ด้านซ้ายของที่ว่าการอำเภอ มีร้านรวงมากมายเปิดขายสินค้าตั้งแต่ไก่โห่ เป็นเพราะสุดถนนก่อนจะออกนอกอำเภอเป็นตลาด ชาวบ้านหมู่บ้านและตำบลโดยรอบล้วนเข้าอำเภอมาตั้งแต่เช้าเพื่อซื้อหาอาหาร ประตูเมืองเชียนเยาจึงเปิดตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น บนถนนสายนี้มีโรงเตี๊ยมเทียมฟ้าเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งโรงเตี๊ยมแห่งนี้เบื้องหลังดูแลโดยพรรคเทียมฟ้าซึ่งเป็นฝ่ายธรรมะที่ตั้งสำนักอยู่ทางผ่านไปยังแคว้นเว่ยบนเทือกเขามังกรทะยาน จึงไม่มีผู้กล้าก่อกวนเพราะผู้ดูแลล้วนมีวรยุทธ์ “กินข้าวเช้ากันก่อนนะ ใต้เท้าโหลว” ดูเหมือนนางจะแค่แจ้งให้ทราบ มิได้คิดขออนุญาตแต่อย่างใด สวีเสี่ยวถงเดินเข้าไปในภัตตาคารใต้โรงเตี๊ยมซึ่งดูค่อนข้างหรูหรา นางสั่งอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่วโดยไม่สอบถามโหลวซีห่าวเลยสักนิด “กินแบบเดียวกับข้าก็แล้วกันเพราะได้เร็วที่สุดแล้ว ของพวกนี้พ่อครัวเตรียมไว้ทุกเช้าและเป็นที่นิยมของคนที่นี่” นางหยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กใส่ปากแล้วหันไปใช้อีกมือคีบหมูทอดที่หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ปากอีกที เมื่อเคี้ยวเสร็จจึงเห็นเขานั่งมองดูอยู่ “ใต้เท้า ข้าไม่เชิญท่านก็กินไม่ได้หรือเจ้าคะ? เร่งรีบเข้าเถอะ ข้าต้องรีบไปตรวจท้องที่” โหลวซีห่าวได้ยินนางพูดประชดก็หน้าชารีบกินด้วยความว่องไว กระทั่งนางกินโจ๊กหมดชามก็หันไปหยิบซาลาเปาไส้ไข่มาบิครึ่งนางกินเงียบๆ แต่กินเร็ว ครู่เดียวก็หันไปรินน้ำชาดื่ม แล้วเริ่มบทสนทนา “ท่านเคยได้ยินหรือไม่? เมื่อต้นปีที่นี่เป็นที่จัดงานเลี้ยงของสมาคมพ่อค้า” “คดีทุจริตเมืองเชียนเยา โด่งดังไปทั่วแคว้น เพราะเรื่องคราวนั้นทำให้ ใต้เท้าหวังได้มาเป็นนายอำเภอที่นี่อยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งจึงย้ายออกจากที่นี่” “นับว่าท่านเตรียมตัวมาดี ข้ากำลังจะบอกท่านว่าโรงเตี๊ยมเทียมฟ้าเป็นของพรรคเทียมฟ้า ที่นี่ไม่มีผู้ใดกล้ามาสร้างความวุ่นวาย แต่ออกจากที่แห่งนี้ไป ท่านหลบหลังข้าให้ดีก็แล้วกัน” ***************************** *คดีเมืองเชียนเยา จากเรื่อง “อริรักคุณชายเถียน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม