บทที่ 2 มือปราบสายดุ

1332 คำ
สวีเสี่ยวถงรับถุงเงินที่ลูกน้องโยนมาใส่มือของตน ล้วงเอาค่าบะหมี่ที่นักเลงทั้งสองกินไปยื่นให้หญิงสาวเจ้าของร้าน แล้วโยนถุงเงินคืนให้นักเลงก่อนจะหันไปบอกมือปราบสองคนจับกุมพวกเขาไปลงบันทึกไว้ที่ที่ว่าการอำเภอ “วันหน้า หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้อยู่อีก ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า” แม้ปากนางจะพูดเช่นนั้นแต่มือและเท้าของนางกลับว่องไวทั้งต่อยและกระทืบคนทั้งสองอีกสองครั้งก่อนจะเดินจากไป โหลวซีห่าวหันไปถามชายวัยกลางคืนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ท่านลุงขอรับ นางเป็นมือปราบที่นี่หรือ?” “ใช่ๆ มือปราบสวี นางดุดันอย่างนี้ล่ะ ที่นี่ถึงได้สงบสุข” หญิงวัยกลางคนอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็หันมาสนับสนุน “แม้ท่าทางนางจะดูดุร้ายแต่นางก็ทำเพื่อชาวบ้านนะ นักเลงพวกนี้ชอบเบ่งกินอยู่บ่อยๆ ครั้งก่อนก็ไปกินแล้วไม่จ่ายที่ร้านเกี้ยวน้ำ ก็ได้นางนี่ล่ะไปตามลากคอมาจ่าย” “เงินนางก็ได้ไปแล้ว เหตุใดจึงได้ทุบตีคนด้วยเล่า?” โหลวซีห่าวยังคงไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของมือปราบหญิงเมื่อครู่ “เฮ้อ! พ่อหนุ่ม ถ้าเจ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดไปเลยดีกว่า สงสัยเจ้าเพิ่งเคยมาเมืองเชียนเยาครั้งแรกถึงไม่รู้ว่าที่นี่มีคนมากมายหลายประเภท การมีมือปราบทำงานเด็ดขาดเช่นนี้นับว่าดีนัก” หญิงสูงวัยโบกมือไปมาคล้ายเอือมระอาชายหนุ่มหน้าหยกแล้วก็เดินจากไป เช้าวันรุ่งขึ้นนายอำเภอหนุ่มรูปงามก็ปรากฏกายในห้องโถงใหญ่ที่ว่าการอำเภอ ที่นี่คนที่เป็นขุนนางมีขั้นและระดับมีเพียงนายอำเภอ ปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ปกครอง บิดาของสวีเสี่ยวถงซึ่งเป็นพัศดีเรือนจำทำหน้าที่ควบคุมนักโทษนั้นเป็นขุนนางไม่มีระดับ เช่นเดียวกับพวกมือปราบทั้งหมด ใต้เท้าต้วนทำหน้าที่แนะนำให้นายอำเภอคนใหม่ได้รู้จักกับผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ะละฝ่ายอย่างคร่าวๆ “สวีเจ๋อฮุยเป็นพัศดีเรือนจำและทำหน้าที่ควบคุมดูแลมือปราบขอรับ ส่วนนั้นหัวหน้ามือปราบหน่วยที่หนึ่ง สวีเถี่ยวถง และหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สอง เหลยเจียหลุน” โหลวซีห่าวจึงได้รู้ว่ามือปราบหญิงที่เขาเจอเมื่อวานที่แท้ก็เป็นบุตรสาวของพัศดีเรือนจำ ส่วนหัวหน้ามือปราบชายนั้นเป็นบุตรของเจ้าหน้าที่ปกครองเหลยเซิ่งหง “มือปราบสวี ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคอยดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การจับกุมคนที่กินแล้วไม่จ่าย หากว่าเขามีเงินจ่ายแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ควรจะลงมือทำร้ายพวกเขานะ” สวีเสี่ยวถงเงยหน้าจ้องนายอำเภอคนใหม่อย่างไม่เป็นมิตร นางรู้สึกว่าพ่อหนุ่มหน้าหยกท่าทางกรีดกรายผู้นี้เหมาะจะเป็นบัณฑิตในเมืองหลวงมากกว่า ไม่น่าจะคิดมาอยู่เมืองเถื่อนอย่างเชียนเยา “เรียนท่านนายอำเภอ หากว่าท่านเห็นเช่นนั้น ข้าน้อยเชิญท่านลองไปช่วยข้าจัดการเรื่องนี้สักสองสามวันเพื่อให้ข้าน้อยได้รู้วิธีการอันนุ่มนวลเจ้าค่ะ” โหลวซีห่าวหน้าม้าน นางกล่าวเช่นนี้ก็แสดงว่านางต้องการท้าทายให้เขาไปลองทำงานอย่างเช่นนางสักหน่อย ใต้เท้าหนุ่มรู้สึกเสียหน้าจึงได้พยายามทำหน้านิ่งๆ ก่อนจะเอ่ย “ได้! ข้าจะตามมือปราบสวีออกไปตรวจตรารอบอำเภอสักสามวัน” สวีเสี่ยวถงยกยิ้มมุมปาก ‘เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปตะลุยดงนักเลงให้ทั่วอำเภอเลยเชียว ท่านนายอำเภอ’ “ดีเจ้าค่ะ!” สวีเจ๋อฮุยผู้เป็นบิดาเหลือบมองไปทางบุตรสาวจอมเฮี้ยวด้วยท่าทีหนักใจ ไม่รู้ว่านางจะกลั่นแกล้งนายอำเภอคนใหม่หนักเพียงใด? เมื่อครั้งต้วนฮ่วนปิ่งเข้ามารับตำแหน่งก็โดนนางแกล้งอำจนเสื้อผ้าทั้งเปียกปอนและฉีกขาดจนไม่กล้าวุ่นวายกับนางมาแล้ว ใต้เท้าต้วนได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินออกไปแล้ว เขาจึงรีบขยับเข้าไปใกล้โหลวซีห่าว “ท่านนายอำเภอขอรับ ข้าขอเตือนท่านไว้สักหน่อย สวีเสี่ยวถงผู้นี้นางแสบไม่ใช่เล่น ตอนที่ข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ก็เคยโดนนางแกล้งมาแล้วนะขอรับ” นายอำเภอหนุ่มดูเหมือนจะไม่สนใจฟัง เขาคิดว่าตนเองเป็นเจ้านายสมควรจะสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาให้เคารพกฎหมาย ตอนที่เขาทำงานอยู่กรมมหาดไทยในเมืองหลวง ได้เป็นผู้ที่ชื่อว่าเป็นความเคร่งครัดในระเบียบวินัยอย่างยิ่งและเพราะชื่อเสียงในการทำงานที่เถรตรงและรอบคอบทำให้เขาได้รับ พระเมตตาจากหมิงฮ่องเต้ให้รอดพ้นการถอดถอนตำแหน่งขุนนาง ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายครอบครัวของเขาก็เหลือเพียงเขากับมารดาเพียงสองคน “เสี่ยวห่าว แม่ทำอาหารไว้รอเจ้าแน่ะ มากินก่อนสิลูก” เลียวอูหยินที่ทำใจเรื่องสามีได้แล้วจึงเลือกติดตามบุตรชายมาอยู่ยังเมืองชายแดนแทนการกลับไปสกุลเดิมเพราะเกรงญาติพี่น้องจะอับอายที่มีนางอยู่ร่วมชายคา การมาอยู่ไกลเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะข่าวคราวของพวกนางสองคนแม่ลูกคงจะไม่ถูกส่งมาถึงเมืองชายขอบแห่งนี้ โหลวซีห่าวนั่งรับประทานอาหารกับมารดาอย่างสุขใจเป็นครั้งแรก “ท่านแม่ การเปลี่ยนสถานที่ทำให้สดชื่นจริงๆ นะขอรับ” “หวังว่าพวกเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขเสียที หากว่าเป็นไปได้พวกเราแม่ลูกก็ตั้งรกรากกันที่นี่เลยก็ดีเหมือนกัน แม่ว่าเมืองนี้สงบสุขดีนะ เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?” สองแม่ลูกยิ้มให้กันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเรื่องเลียวฮูหยินกลายเป็นคนอมทุกข์ นางไม่เคยยิ้มเลยจนกระทั่งเดินทางมาถึงจวนนายอำเภอแห่งนี้ “หากท่านแม่มีความสุข ข้าเองก็ยินดีขอรับ” เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ชายหนุ่มเห็นว่ายังไม่ค่ำเขาจึงได้ชวนมารดาไปเดินเล่นในอำเภอ ที่นี่มีถนนเพียงสองสายที่ครึกครื้น หรือนับเป็นถนนการค้า โหลวซีห่าวชี้ให้มารดาดูผู้คนที่แต่งกายแตกต่างกัน “ท่านแม่ดูสิขอรับ พวกเขามีทั้งชาวเขาเผ่าต่างๆ และคนจากแคว้นเว่ย เครื่องแต่งกายพวกเขาล้วนแตกต่างกัน ดูทีวันข้างหน้าเมืองเชียนเยาคงจะไม่เงียบเหงาหรอก ข้าเห็นมีร้านค้าของสกุลซิวจากเมืองหลวงมาตั้งอยู่ถึงสองร้าน แสดงว่าพวกเขาคงมองเห็นว่าวันหน้าที่นี่จะกลายเป็นเมืองการค้าสำคัญ” พลั่ก! พลั่ก! “โอ๊ย! มือปราบสวี เจ้าจะโหดเกินไปแล้ว เราแค่หยิบของเล็กน้อยเหตุใดต้องทุบตีจนเลือดตกยางออก?” เสียงครางโอดโอยของชายหนุ่มสองที่กองอยู่บนพื้นดังจนคนทั้งถนนต้องหันมามอง “เจ้าไม่ได้เพิ่งหยิบ แต่เจ้าหยิบมาแล้วหลายครั้งต่างหาก ข้าตามสอดส่องดูเจ้ามาตั้งนานแล้ว หากไม่สั่งสอนก็คงไม่สำนึก” สวีเสี่ยวถงใช้เท้าถีบคนทั้งคู่ตั้งหลายหนโดยมีมือปราบอีกสามคนที่เดินลาดตระเวนมาด้วยยืนกอดอกดูอยู่ข้างๆ มารดาของโหลวซีห่าวเห็นเช่นนั้นก็ยกมือทาบอก “เสี่ยวห่าวในอำเภอนี้มีมือปราบหญิงด้วยหรือ? นางดูโหดร้ายเหลือเกิน” “ท่านแม่ขอรับ นั่นเป็นหน้าที่ของนาง ท่านอย่าได้ใส่ใจ” “อืม...หากว่าแม่มีบุตรสาวหรือลูกสะใภ้เช่นนางคงหนักใจไม่น้อย ดูมือและเท้าของนางสิ หนักนักหนา เจ้าเองก็คอยระวังอย่าไปเข้าใกล้นางก็แล้วกัน” ********************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม