อารมณ์ของเขามันขึ้นๆลงๆมากเลย เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังว่าเธอเรื่องงานแต่ผ่านไปอีกไม่กี่นาทีก็ชวนกินข้าวซะงั้น เพราะแบบนี้แหละถึงไม่มีเมียสักที! เธอเดินตามเขาออกไปแทบไม่ทันเพราะขายาวๆนั้นก้าวเร็วมากเกินไป เขาทำเหมือนหงุดหงิดมาก แล้วตั้งแต่เช้าก็ดูเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย เธอเดินตามไปจนทัน แต่ในจังหวะนั้นเองมีผู้หญิงสวยมากท่าทางดูออกเลยว่าลูกคุณหนูเดินเข้ามาคุยกับเขาด้วยท่าทีสนิทสนม
แล้วไหนว่าไม่มีใครไงวะ
“เฮียสามไม่เจอกันนานเลยนะ แล้วนี่เวลางานรึเปล่าคะ?”
“อื้ม แล้วมาคนเดียวเหรอ พี่หนึ่งไม่มาด้วยเหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับเฮียหนึ่งด้วยล่ะคะ อ่อ…เรื่องงานพรุ่งนี้เสียใจที่ไปไม่ได้อะ อาจารย์จะสอบเก็บคะแนนพลาดไม่ได้จริงๆ แล้วถ้าทำไม่ได้นี่แย่เลยนะ”
“เราทำได้อยู่แล้ว อืม…นี่ผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทเฮียเอง เผื่อว่าวันไหนที่เจ้าสัวให้หนูมาดูงานจะได้คุยกันได้ง่ายขึ้น เขาอายุยี่สิบสามปีเป็นพี่ของหนูสามปี ชื่อโมนา”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่โมนา งั้น…ไปก่อนนะพอดีนัดดูหนังกับเพื่อนเอาไว้ค่ะ”
“ดูหนังให้สนุกนะ”
โมนามองตามด้วยความสงสัยมากในความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะสนิทกันพอสมควรเลย เฮียสองยิ้มกว้างมากกว่าตลอดทั้งครึ่งวันที่อยู่กับเธอซะอีก เขามองตามผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแล้วพิมพ์อะไรต่อไม่รู้ คำถามเดียวในใจเกิดขึ้นทันทีว่านั่นคือคนที่เฮียสามกำลังจีบอยู่รึเปล่า ผู้หญิงคนนั้นสวยมากชนิดที่ผู้หญิงด้วยกันยังหยุดมองไม่ได้เลย ผิวพรรณสะอาดสะอ้านเหมือนคนอาบน้ำวันละร้อยรอบ เสื้อผ้าและการแต่งตัวที่ดูสบายๆแต่ราคานั้นไม่สบายกระเป๋าแน่นอน แล้วแบบนี้จะมีปัญหาอะไรกันไหมถ้ารู้ว่าเธอคือแฟนเก่าของเฮียสาม
เขากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่สินะ
เธอยินดีด้วย
“มองอะไร?”
“ก็เฮียดูอารมณ์ดีมากไง แล้วใครเหรอ?”
“นั่นน้องไอติม ลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าสัวบูรพาไง”
“อ๋อ! เฮียดูสนิทนะ”
“หึงผัวเก่าเหรอ?”
“บ้า! ใครจะหึงหวงอะไรห่ะ เราเลิกกันมาตั้งสี่ปีแล้ว เฮียจะทำอะไรกับใครฉันก็ไม่สนใจหรอก”
“ใช่! โมนาไม่เคยสนใจอะไรเลยและเฮียถูกทิ้งด้วยความคิดห่วยแตกมาสี่ปีแล้ว!”
อ้าว! อยู่ดีๆก็อารมณ์ขึ้นเฉยเลย
เป็นอะไรอีกวะเนี่ย!
ถึงจะงงแต่ก็เดินตามเข้าไปในร้านอาหารอยู่ดี เฮียสามสั่งอาหารโดยไม่ถามเธอสักคำว่าจะกินอะไร แต่ก็น่าแปลกที่กับข้าวแทบทั้งหมดคือของโปรดเธอทั้งนั้น เขาไม่คุยไม่ถามอะไรเอาแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความก่อนจะหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อเห็นว่าเธอแอบมองอยู่ก็จ้องกลับ
เอาจริงๆนะ เธอว่าเขาไบโพล่ากินแล้วแหละ
หนึ่งวันมีกี่อารมณ์เนี่ย
“คุยกับพี่ชาย”
“ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย!”
“เหรอ?”
“อื้ม!”
“ยังไม่หายหึงเรื่องไอติมอีกเหรอ? นั่นลูกสาวเจ้าสัวที่เฮียไม่มีวันจีบหรอก ต่อให้มีโอกาสกี่ครั้งก็ไม่มีวันล้ำเส้นเด็ดขาด เฮียกับไอติมเป็นแค่พี่น้อง แล้วถึงจะพูดคุยกันแบบนั้นแต่เราไม่ได้สนิทกันมากหรอก เรารู้จักกันทั่วไปเพราะเคยเจอกัน”
“บอกทำไม?”
“จะได้รู้ไงว่าเฮียไม่มีใคร”
“อย่างเฮียไม่มีใครเอาก็ไม่แปลกหรอก!”
เขาไม่มีใครเลยจริงๆแม้ว่าจะเปิดโอกาสตลอดเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าจะกี่คนที่เข้ามาก็เห็นเพียงแค่โมนาคนเดียวที่ชัดเจนเสมอมา เรื่องของเราจบลงเพราะความเข้าใจผิดและมันต้องมีมากกว่านั้นที่เธอไม่พูดออกมาแน่นอน เห็นได้ชัดว่าโมนานิสัยเหมือนเดิมและเขาอยากได้เธอกลับคืนอีกครั้ง
เห็นที่ต้องใช้หน้าที่การงานในทางที่ผิด
แต่ถ้าได้เมียมาเขายอม
หลังจากกินอาหารอิ่มแล้วก็ยังซื้อน้ำหวานให้กินต่อด้วย เฮียสามเดินเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวที่คล้ายว่าเป็นการเดินเล่นมากกว่า บางอย่างเขาก็ถามเธอบ้างเพราะตัดสินใจไม่ค่อยถูก บางอย่างก็หยิบขึ้นมาแล้ววางก่อนจะหยิบมาดูใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งบ่ายสามที่เรามานั่งพักในร้านขนมแล้วสั่งของหวานกินแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเลย นั่นเลยทำให้เธอสงสัยบางอย่างขึ้นมา ปรกติเจ้านายเลี้ยงดูลูกน้องดีขนาดนี้เลยเหรอ
กว่าเขาจะมาส่งที่คอนโดก็ทุ่มหนึ่งแล้ว
“แล้วพรุ่งนี้เฮียจะมารับ”
“ฉันไปเองได้”
“เฮียไม่ได้มาคนเดียว พี่ชายเฮียจะไปส่งที่สนามบินด้วย แล้วเราจะประชุมตอนเก้าโมงก่อนจะขึ้นเครื่องตอนบ่าย พรุ่งนี้เอากระเป๋าลงมารอที่ล็อบบี้นะเดี๋ยวไปยกมาขึ้นรถเอง”
“ฉันทำเอาได้น่า”
“ดูสังขารตัวเองมั้งโมนา! ตัวเล็กอย่างกับหมากระเป๋าอย่ามาเถียงเฮีย ไปล่ะพี่ชายโทรตามแล้ว”
“เดี๋ยวมีผู้ปกครองคุมพฤติกรรมด้วยเหรอ?”
“ตามไปแดกเหล้าต่างหากล่ะ ขึ้นห้องไปเลย” เขาปิดกระจกรถทันทีที่เธอเดินเข้าคอนโดไปก่อนจะขับรถกลับไปบ้านพี่ชายที่น่าจะกำลังตั้งวงเหล้ารอแล้ว พรุ่งนี้พี่หนึ่งกับไอ้สองจะไปส่งที่ออฟฟิศแล้วรอเขาประชุม จากนั้นน่าจะเลี้ยงข้าวตามสเต็ปของพี่ชายที่ใช้เงินเหมือนกระดาษก่อนจะขับรถไปส่งที่สนามบินในตอนบ่ายโมง
สองคืนสามวันมันต้องมีอะไรดีๆแน่นอน
ซื้อถุงยางรอเลยไหมวะ
เช้าวันต่อมาหนึ่งกับสองขับรถมาส่งน้องชายและจะไปแวะไปรับผู้จัดการชั่วคราวคนใหม่ด้วย พวกเขาจะไปนั่งเล่นในห้องทำงานของน้องชายแล้วรอจนมันประชุมจบถึงจะไปหาอะไรกินก่อนจะไปส่งขึ้นเครื่องบินเพื่อไปจัดการเรื่องงานสำคัญต่อ สองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความคุยกับเมียที่อยู่เมืองนอกด้วยความคิดถึงมากจนแทบบ้า ส่วนสามลงจากรถไปช่วยผู้จัดการถือกระเป๋าสำหรับค้างสองคืนสามวันเพราะจะแวะเที่ยวต่อ
“แค่กๆ”
“เป็นอะไรวะพี่หนึ่ง?”
“ดูดิว่าผู้จัดการคนใหม่ของไอ้สามคือใคร”
“ก็ผู้หญิงไง อายุยังไม่เยอะน่าจะไฟแรงอยู่ พี่หนึ่งจะตกใจอะไรขนาดนั้น”
“นั่นเมียเก่ามัน!”
“ห่ะ!! เมียเก่าไอ้สาม!?”
“เออ! คนที่ทิ้งจนมันเสียสูญไง”
“มิน่าล่ะ! เมื่อวานหายหัวไปตั้งแต่เช้ายันค่ำ มันแอบมาอยู่กับเมียเก่านี่เอง!”
“นิ่งๆไว้ก่อน เผื่อมีรีเทิร์น”
“ดูทรงก็น่าจะใช่วะ”
สามยกกระเป๋าขึ้นมาเก็บและเปิดประตูให้โมนาเข้าไปนั่ง พี่หนึ่งน่าจะจำได้เพราะความจำโคตรดีแต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมา ส่วนไอ้สองมันน่าจะรู้จากพี่หนึ่งถึงได้หัวเราะเบาๆก่อนจะเปิดเพลงแนวคิดถึงแฟนเก่าฟังให้อีก คือไอ้พี่เวรมันกวนตีนแบบไม่สนใจสถานการณ์อะไรเลยสักอย่าง มันแค่นึกสนุกที่ได้ปั่นประสาทเขาแบบนี้
ยอมรับก็ได้ว่าลืมเมียเก่าไม่เคยได้เลยสักวัน
งานนี้มีรีเทิร์นแน่นอน
“นี่กาแฟแล้วก็นี่แซนวิชกินรองท้องไปก่อน”
“เฮียสามรู้ได้ไง?”
“เสียงท้องร้องดังขนาดนั้นไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหน กินๆไปเถอะจะได้มีแรงประชุมต่อ”
“พูดดีๆเป็นไหมเนี่ย?”
“แล้วเฮียพูดหยาบคายตรงไหนเหรอ?”
“เฮ้อ…กินก็ได้”
เป็นห่วงมันพูดยากมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ
สองแอบคิดในใจ