เวลาล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่มที่เราสองคนมาร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบสามสิบปีนับตั้งแต่เปิดโรงแรมแห่งนี้มา เธออยู่ใกล้ตัวเฮียสามตลอดเวลาตามที่เขาสั่งเอาไว้และช่วยตอบคำถามหลายอย่างจากนักธุรกิจคนอื่นที่เข้ามาพูดคุยทักทายและแลกเปลี่ยนนามบัตร แล้วนั่นทำให้รู้ว่าเฮียสามยังอยู่ใต้เงาของพี่ชายที่เก่งมากเกินไป เขาน่าจะกำลังพยายามพิสูจน์ตัวเองและรับความกดดันมากพอสมควรเลย
เฮียสามเดินเข้าไปหาเจ้าสัวบูรพาเพื่อแสดงความยินดีแล้วพูดคุยกันเรื่องทั่วไปเหมือนว่าสนิทกันมาก ไม่นานลูกชายของเจ้าสัวก็เข้ามาพูดคุยด้วยความสนิทมากกว่าเดิม แบบนี้เรื่องว่าเส้นใหญ่จริง! เจ้าสัวเปลี่ยนเวลานัดจากตอนเช้าเป็นบ่ายโมงครึ่งเนื่องจากมีธุระกะทันหันนั่นเลยเป็นการยืดเวลาให้เธออีกนิดเพื่อจะจำข้อมูลแม่นมากขึ้น
“สองทุ่มครึ่งแล้วเหรอ?”
“อื้ม เฮียสามไหวรึเปล่า ฉันว่าตัวร้อนนะ”
“นั่นสิ! เฮียปวดหัวหน่อยๆด้วย สงสัยต้องกลับไปกินยาแล้วนอนต่อมั้งเนี่ย”
“งั้นกลับกันเลยไหม?”
“พรุ่งนี้ตื่นสายได้นะโมนา คืนนี้เฮียว่าจะไปดื่มต่อข้างนอกก่อน ไปด้วยกันไหม?”
“เป็นไข้แล้วไม่เจียม!”
“เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ไปสิ ของฟรีจะปฏิเสธได้ไงเล่า”
“ไม่กลัวโดนมอมเหล้าเหรอ?”
“เฮียต่างหากจะโดนมอม”
เขาหัวเราะเบาๆแล้วจับมือเธอเดินออกจากงานไปด้วยอารมณ์ที่ดีมาก บาร์ใกล้ๆแถวนี้มีเยอะมากเพราะอยู่ในเขตที่นักท่องเที่ยวเข้าพักบ่อย เราเดินออกมาไม่กี่นาทีก็ถึงบาร์ที่ค่อนข้างบรรยากาศดีเลย จัดแสงในโทนวอร์มไลท์ เพลงที่เล่นก็นับว่าเทสถูกใจมาก เราไปนั่งที่บาร์แล้วสั่งของกินเล่นมาพร้อมกับเครื่องดื่มแนะนำของบาร์ที่รสชาติดีใช้ได้แต่อย่างเขาต้องแรงมากกว่านี้ถึงจะเอาอยู่
“เฮ้อ…ได้มาดื่มแบบนี้แล้วชื่นใจ”
“นี่มาเที่ยวหรือมาทำงานเนี่ยห่ะ?”
“ทั้งสองอย่างนั่นแหละ พรุ่งนี้พรีเซ้นงานเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันที่ไหนดีล่ะ ไปตกหมึกไหม?”
“ไม่เอาหรอก! ฉันว่าจะไปทำสปาและก็นวดให้สบายตัวมากกว่า”
“อ่อ แล้ววันมะรือล่ะ?”
“ได้เหรอ!?”
“อื้ม เราจะกลับกันตอนบ่ายสาม เฮียว่าจะไปซื้อของฝากพี่ชายสักหน่อยไหนๆก็ช่วยมาขนาดนี้”
“ดีจังเลยนะมีคนซัพพอร์ตเยอะขนาดนี้”
“อย่าลืมสิว่าเฮียเป็นน้องชายคนสุดท้องนะโมนา ถ้าพี่ชายไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยล่ะ”
คำตอบของเขาตอบชัดได้ดีถึงอนาคตที่จะออกมาดีมากแน่นอน แล้วที่นิสัยเสียแบบนี้เพราะมีพี่ชายตามใจมากหรือไม่ก็พ่อแม่ตามใจแน่นอนเลย จะว่าไปเราเจอกันได้ไม่กี่วันแต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเราไม่เคยห่างกันไปเลยทั้งที่เวลาสี่ปีมันนานมากเลยนะ เขาปากเสียมากและพูดไม่เพราะเท่าไรแต่ว่าเธอชินไปแล้วแหละ มันเหมือนว่าทุกอย่างที่เป็นเขานั้นไม่เคยหายออกไปจากความทรงจำได้
สี่ปีที่เธอทำพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เฮียสามจะให้โอกาสอีกครั้งไหม
“เมาแล้วมั้งเนี่ยดื่มไปเยอะขนาดนี้” แรกๆเฮียสามก็สั่งเครื่องดื่มเบาๆ แต่หลังจากนั้นก็ยกแต่วอดก้าอย่างเดียวเลย เขาวางแขนโอบไหล่เธอก่อนจะเอนตัวมาเบียดเล็กน้อยแล้วหันหน้ามองตาแป๋วคล้ายเด็กคนหนึ่งมากกว่าเวลาปรกติที่ชอบดุเธอ
“ถ้าเมาแล้วจะทิ้งเฮียไว้ที่บาร์ไหม?”
“ใครจะทิ้งเจ้านายตัวเองเล่า!”
“เจ้านายเหรอ…เฮียไม่เห็นอยากเป็นเลยสักนิด”
“ไม่เป็นก็ต้องเป็น!”
“ให้เป็นผัวไม่ได้เหรอ?”
“หุบปากเลย! เมาแล้วชอบพูดไปเรื่อย”
“ก็ไม่อยากเป็นเจ้านาย”
น้ำเสียงเอือยที่พูดออกมาบอกได้ชัดเจนเลยว่าเขาเมามาก แต่ถ้าเทียบกับการดื่มแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไรหรอกเพราะเฮียสามยกไม่หยุด เขาดื่มเหมือนน้ำเปล่าเลยก็ว่าได้ ส่วนเธอก็ดื่มบ้างแต่ว่าจะเน้นกินของที่สั่งมามากกว่าเพราะรสชาติอร่อยดีและหิวด้วย ก่อนที่เขาจะเมากว่านี้เลยต้องรีบพากลับและเฮียสามยังพอมีสติเล็กน้อยที่จะส่งบัตรเครดิตจ่ายพร้อมกับยิ้มกว้างให้และยักคิ้วข้างขวาขึ้นได้แบบกวนบาทามาก
เอาจริงๆคือเขาเป็นคนหล่อมากเลยนะ
แต่ปากเสียไปหน่อย
เธอประคองเขาที่เดินเซไปมากว่าจะถึงห้องพักได้ก็เล่นเอาหอบเลย ก่อนจะออกไปก็ช่วยปลดกระดุมเสื้อให้ก่อนจะได้ไม่อึดอัดมากเวลานอนและแอบมองด้วยความคิดถึงมาก ปลายนิ้วเกลี่ยที่สันกรามแผ่วเบาด้วยความโหยหามาตลอดสี่ปีที่เราห่างกันไป แล้วเลื่อนไปแตะที่ริมฝีปากหยักแผ่วเบา ก่อนจะตกใจจนแทบสะดุ้งเมื่อเขาเปิดตามองพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วดึงเธอลงไปนอนกอดอย่างแนบเเน่น ใบหน้าหล่อซบเข้าที่ลำคอจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่ตกกระทบและกลิ่นเหล้าฟุ้งออกมา
“โมนา…เฮียคิดถึง”
“เฮียสาม…”
“ห้ามทิ้งเฮียอีกนะ ไม่ให้ทิ้งแล้วนะที่รัก”
“ฉันก็คิดถึงเฮียสามมากเหมือนกัน” ไม่รู้เพราะน้ำเสียงอ่อนไหวหรืออ้อมกอดอุ่นที่คิดถึงมาตลอดสี่ปีนี้ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงมากขึ้น แต่เธอไม่อยากจะขยับตัวออกไปไหนเลย เธอยังรักเขามากถึงเราจะเลิกกันไปแล้วกลับมาอยู่ในสถานะเจ้านายลูกน้องก็ยังรักไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เธอขยับตัวหันไปนอนมองหน้าคนเมาที่ยิ้มหวานเชียว นี่ถ้าเป็นเวลาปรกติคงจะโดนดุแน่นอน แล้วคนอย่างเขาพูดเพราะๆไม่ค่อยเป็นเท่าไรด้วยไง แถมยังใจร้อนมากด้วย เมื่อก่อนเขามีเรื่องเก่งมากจนน่าเป็นห่วงแต่ใครจะคิดว่าโตขึ้นมาแล้วจะเป็นนักธุรกิจระดับร้อยล้านได้แบบนี้
“เฮียสามนอนได้แล้ว”
“จูบก่อน”
“รู้ไหมว่าตอนนี้คุยกับใครห่ะ ลืมตามองก่อนสิ!”
“คุยกับเมียไง…เฮียมีเมียคนเดียว”
คำตอบง่ายๆที่ทำเอาหัวใจสั่นสะท้านไปหมด เปลือกตาที่ทำท่าจะหลับก็ปรือขึ้นมองพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ช้าๆรู้สึกถึงกลิ่นเหล้าที่กำลังมอมเมาให้เธอหลงใหลเขาอีกครั้ง ปลายจมูกเสียดสีกันอยู่ไม่กี่วินาทีริมฝีปากก็บดเบียดลงมาอย่างอ่อนโยน ลิ้นอุ่นกวาดเลียและละเลียดกลีบปากอย่างเชื่องช้าคล้ายว่ากำลังล่อลวงให้หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ก่อนที่ลิ้นอุ่นจะสอดแทรกเข้ามาในปากและพลิกพลิ้วไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าละลายสติช้าๆจนแทบจะไม่เหลืออะไรหักห้ามใจและเผลอไผลไปกับเขา
“พอแล้ว!”
“โมนา…”
“ฝันดีนะเฮียสาม ฉันจะไปนอนแล้ว” เธอรีบขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปจากห้องพักทันที เมื่อกี้ถ้าหากว่าไม่มีสติพอก็คงได้นอนกับเขาแน่เลย
หลังจากประตูปิดไปก็หายเมาทันที
จูบเมื่อกี้หวานชะมัด
สามขยับตัวนั่งไม่หลงเหลืออาการเมาแต่อย่างใด รอยยิ้มกว้างกับแววตาเปร่งประกายเต็มไปด้วยแผนการขอคืนดีกับเมียที่ทำให้มั่นใจว่าเธอยังรักเขาอยู่แม้จะไม่รู้ว่ามากขนาดไหน เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปอาบน้ำให้สดชื่นทันที จากนั้นก็เทเหล้าในห้องดื่มขณะที่อ่านงานที่เลขาส่งมาให้เพิ่มและมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็ตอบไปเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างเพราะแกล้งโง่มันง่ายกว่าในการจับตัวคนร้ายที่ตัดสายเบรกรถ
อยู่ๆเพื่อนก็ถามเรื่องรถวันนั้นกับเลขา
เรื่องที่เกิดขึ้นพี่หนึ่งปิดข่าวเลยไม่มีใครรู้ว่ารถคว่ำ
ก่อนจะทำอะไรก็รีบโทรหาพี่ชายคนโตเพื่อขอให้ช่วยสืบเรื่องเพื่อนคนนี้ลับๆ เขาไม่กล้าจะไว้ใจคนของตัวเองและตัวเขายังไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้นด้วย เรื่องแบบนี้พี่หนึ่งน่าจะผ่านมาเยอะกว่าเพราะทำงานมานานหลายปีและทำงานที่ต้องใช้ความสามารถค่อนข้างสูงในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างกว่าจะขึ้นแทนนักธุรกิจดาวรุ่งด้วยอายุแค่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากคุยอะไรหลายอย่างที่สงสัยพี่ชายก็บอกว่ากลับมาเมื่อไรให้ไปหาทันทีเพราะจะคุยรายละเอียดทุกอย่างอีกครั้งและสั่งให้ระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
คืนนี้อยากนอนกอดเมียจังเลยนะ
ทำยังไงให้คืนดีวะ