ของประตูทางเข้า ตอนที่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะฝ่าสายฝนออกไปเรียกแท็กซี่
หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายคนหนึ่งเดินตามหลังเธอมาติดๆ พวกที่เหลือถอยร่นไปหลบรอดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ซุบซิบกันอยู่หลังเสาต้นใหญ่ที่ตระหง่านอยู่ระหว่างกรอบประตูทางเข้าผับ
“คุณ…” เสียงทุ้มกังวานของคนแปลกหน้า ดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของเธอ
“คะ…” หญิงสาวสะบัดใบหน้าสวยไปตามเสียงเรียก ด้วยความประหลาดใจ เธอหรี่ตามองหน้าผู้ชายที่เรียกเธอ กระแสลมที่พัดแรง ทำให้เธอต้องยกนิ้วเรียวขึ้นเกลี่ยเส้นผมช่อหนึ่งที่ร่วงลงมาบดบังเสี้ยวหน้า
แสงไฟที่สาดลงมาจากเสาสูงข้างทาง ทำให้บริเวณนั้นสว่างพอจะมองเห็นดวงตาคมปลาบของเขาที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าที่เห็นบ่งบอกว่าเป็นฝรั่ง หรือไม่ก็เป็นหนุ่มเลือดผสม เขามีเค้าโครงร่างสูงใหญ่ ผึ่งผายเพราะช่วงไหล่กว้าง ดวงตาที่เห็นเป็นสีฟ้าจัด ดั้งโด่งเป็นสัน ยืนยันดึงความโด่งของดั้งดวยแสงไฟเหนือกรอบกระตูทางเข้าที่สาดเข้ามากระทบเสี้ยวหน้าด้านหนึ่ง ทำให้เงาของจมูกทาบทับลงมาถึงโหนกแก้มของเขา ไรหนวดเซ็กซี่สีคาราเมลเข้ม เรียงแนวเหนือริมฝีปากหยักลึก แนวคิ้วหนาโค้งนูนรับกับเบ้าตาและหน้าผากกว้างอย่างพอดิบพอดี
“อะแฮ่ม…” เขากระแอมเบาๆ จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากสนทนาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มราวกับนักพากษ์
“เอ่อ…ถ้าคุณไม่รังเกียจ รถคุณจอดตรงไหนครับ ผมจะเดินไปส่งที่รถ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอื้อเฟื้อ อาสาอย่างมีน้ำใจ แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าสายตาวามวาวของเขา กำลังมองเธออย่างหวังผล
“ฉันไม่มีรถค่ะ” คนถูกถามตอบไปตามตรง แม้เขาจะเป็นคนแปลกหน้า แต่ท่าทางกลับไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นคนร้าย การได้เห็นเขาใกล้ๆ ทำให้เธอไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะถนนด้านหน้าผับยังคงขวักไขว่ไปด้วยรถราที่แล่นผ่านไปมาอยู่เป็นระยะ
“อ้าว!…หรอ” เขาทำท่าตกใจ ดวงตาเบิกกว้างอย่างสนใจใคร่รู้
หญิงสาวเริ่มสงสัย หากก็เดาได้ไม่ยาก ทั้งช่วงเวลาและสถานที่อาจทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นไก่หลง หรือที่ร้ายไปกว่านั้น เขาอาจจะกำลังคิดว่าเธอแกล้งออกมายืนเก้ๆ กังๆ เพื่ออ่อยเหยื่อ หรือไม่ก็โบกรถสักคันที่สนใจจะซื้อบริการก็เป็นได้
“แล้วคุณมายังไงครับ ?”
“มากับแฟนค่ะ แต่จะกลับก่อน กำลังจะออกไปเรียกแท๊กซี่อยู่พอดี”
อันที่จริงแทบไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเสียเวลาสนทนากับคนแปลกหน้า แต่ก็ตอบออกไปตามตรง เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าถ้าบอกไปว่าเธอมีแฟน เขาอาจเปลี่ยนเป้าหมาย ถ้าเขาคิดจะประสงค์ร้ายใดๆ กับเธอ ทว่าหนุ่มหล่อยังไม่เลิกล้มความพยายามง่ายๆ
“ผู้ชายประเภทไหนกันนะ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณออกมายืนเรียกแท็กซี่อยู่คนเดียว ใจร้ายชะมัด ถ้าผมเป็นแฟนคุณนะ รับรองว่าผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณกลับบ้านคนเดียวเป็นอันขาด” เขาตำหนิแฟนของเธออย่างเปิดเผย
“ขอตัวนะคะ” เธอรวบรัดตัดบทสนทนา เหมือนรู้ว่าไม่ควรเสียเวลาอีกต่อไป ผู้ชายแบบนี้อันตราย คารมเป็นต่อ รูปหล่อไม่เป็นรอง เดาได้ไม่ยากว่าเขาหวังอะไร? จากการเข้ามาตีสัมพันธ์กับเธอในลักษณะนี้
“เดี๋ยวครับ” เขาร้องเรียก พยายามเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เมื่อเห็นเธอทำท่าว่าจะก้าวจากไป
“คะ…” คนถูกเรียกเหลียวกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง ด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่หยุดตื๊อ
“ถ้าไม่รังเกียจ อืม…ตรงๆ เลยละกัน ผมขออนุญาตไปส่งคุณได้ไหมครับ”
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก สายตาของเขาแทบไม่ละจากเรือนผมสีดำที่ล้อมกรอบใบหน้าสวยหวานของเธอเอาไว้
“ขอบคุณนะคะ…แต่ฉันกลับเองได้”
แม้จะขอบคุณเขา ทว่าน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเล็กๆ ก็ทำให้คนฟังรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเขาอย่างจริงจัง หากเป็นการประชดประชันเสียมากกว่า เธอจึงเดินจากมาอย่างไม่อินังขังขอบต่อเสน่ห์อันร้ายกาจของเขา แม้ต้องฝ่าสายฝนที่กำลังโปรยปรายออกมาเรียกรถแท็กซี่
ริมฟุตบาทชื้นไปด้วยคราบน้ำ เธอยืนรอรถเพียงชั่วอึดใจสั้นๆ แสงไฟจากดวงโคมหน้ารถแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันหนึ่งสาดเข้ามาตรงที่เธอยืน เลียบเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาท หญิงสาวเปิดประตู ชะโงกหน้าเข้าไปถามโชเฟอร์สองสามคำ แล้วพาเรือนร่างแบบบางเข้าไปทรุดกายลงนั่งที่เบาะด้านหลัง
ไม่ทันที่รถแท็กซี่คันนั้นจะแล่นลับไปจากสายตา เสียงโห่แซววีดวิ้วจากสองหนุ่มผู้เป็นพี่ชายร่วมสายโลหิต ‘กันย์’ กับ‘ตุลย์’ ที่ยืนหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ แอบลุ้นสถานการณ์อยู่เงียบๆ ว่า ‘สิงห์’ ผู้เป็นน้องชายคนสุดท้อง จะหิ้วสาวสวยคนเมื่อครู่ไปขึ้นเตียงได้สำเร็จหรือไม่ ก็ปรากฏตัวออกมา
“ยะฮู้ว...เอามาซะ ดีๆ” กันย์ซึ่งเป็นคนชนะเดิมพันเอ่ยขึ้นก่อน ทำทีเท้าสะเอว แบมือขอนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนหรูซึ่งเป็นสิ่งเดิมพันว่าสิงห์จะเผด็จศึกสาวสวยเมื่อครู่ได้สำเร็จหรือไม่? น้องชายคนสุดท้องทำหน้าเซ็งจัด เขาทำพลาดอย่างหมดรูป ถ้าพูดถึงชั้นเชิงในเรื่องจีบสาว เขาเป็นรองพี่ชายทั้งสองคนอยู่มาก จำใจต้องถอดนาฬิกา ยื่นให้พี่ชายคนกลางด้วยสีหน้าผิดหวัง
กลับมาถึงคอนโด ภายหลังจากถอดเสื้อผ้าที่ชื้นไปด้วยน้ำฝน หญิงสาวทิ้งร่างรัดรึงที่เหลือเพียงชุดชั้นใน ลงไปกลางเตียงนอนนุ่มด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า สองมือประสานอยู่ใต้อก ดวงตาเบิกโพลง นิ่งมองเพดานในอาการครุ่นคำนึงถึงสิ่งที่ผ่านมา น่าแปลกที่เธอกลับไม่ได้รู้สึกโกรธพจน์อย่างที่ควรจะเป็น แน่ละสิ!...เพราะว่าเธอไม่ได้รักเขาเลยแม้แต่น้อยนิด ความจริงข้อนี้ยังตอกย้ำอยู่ในใจชัดเจน แต่ที่ต้องมาคบหากัน ก็เพราะความจำเป็นบางอย่าง
หญิงสาวยังจดจำได้ดี ถึงการสนทนากับผู้เป็นมารดาในคืนหนึ่ง
“หนูจำเสี่ยสมพงษ์ได้ไหมจ๊ะ”
อรดีเอ่ยกับลูกสาวทางโทรศัพท์ เธอโทรมาจากกาญจนบุรี ในตอนดึกของคืนวันหนึ่ง ราวกับว่ามีธุระสำคัญ เร่งด่วนจนทำให้รอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้
“จำได้ค่ะ” คนเป็นลูกสาวพยักหน้าอยู่ปลายสาย นึกสงสัยในธุระร้อนของผู้เป็นมารดาว่าเหตุใดจึงได้โทรมากลางดึก เพราะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก มันทำให้อดเป็นกังวลไม่ได้ทุกครั้งไป ว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับทางบ้าน