กัญชพรเข้านอนแล้วแต่ยังไม่หลับ เมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามที่ห้องโถงชั้นล่าง หล่อนตัดสินใจลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพที่เห็นคือร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านนั่งอยู่แปะบนพื้น ข้างๆ หมู่เก้าอี้รับรองแขกกลางห้องโถง
เสียงที่หล่อนได้ยินน่าจะเป็นเสียงเก้าอี้ที่เคยตั้งเอาไว้ แต่บัดนี้นอนตะแคงเค้เก้
“พี่วรรษ” หล่อนอุทาน “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
ไม่มีเสียงตอบจากคนนั่งคอพับลำตัวเอนไปเอนมา
กัญชพรเข้าไปใกล้จึงรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้เป็นอะไร นอกจากเมา
นับแต่ประสบเคราะห์ร้ายเรื่อยมา เริ่มจากสูญเสียภรรยาและบุตรที่ไม่โอกาสได้ลืมตาดูโลกนวินวรรษไม่เคยหันเข้าหาเหล้า จึงนับว่าแปลกที่วันนี้กลับมาในสภาพเมามายจนน่าสงสัยว่าขับรถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยได้อย่างไร
“ฉลองอะไรมาคะ”
เหมือนว่าเสียงของหญิงสาวจะแทรกเข้าถึงประสาทการรับรู้ที่ถูกกดทับด้วยฤทธิ์น้ำเมา ดวงตาปิดสนิทพยายามลืมกว้างเท่าที่จะทำได้
“กัญเหรอ”
เสียงถามอย่างคนลิ้นไก่สั้น
“ค่ะ กัญเอง”
“พี่เมา...”
ดวงตาที่เคยคมกล้าฉ่ำแดงมีน้ำเยิ้มทำให้ดูสะลึมสะลือ
“เห็นอยู่เหมือนกัน”
หล่อนส่ายหน้ากับสภาพเสื้อผ้ายับยุ่ง เสื้อนอกพาดไว้หมิ่นเหม่บนเก้าอี้ข้างตัว
“แย่!”
“พี่เมา...”
คนเมาบอกซ้ำ
“รู้แล้วค่ะ มาเถอะ กัญจะพาไปส่งที่ห้อง”
ร่างบางอรชรนั่งลงข้างๆ คนเมา จับแขนยาวล่ำสันข้างหนึ่งขึ้นพาดไหล่
“ห้องไหน”
“ห้องนอนพี่วรรษน่ะสิคะ”
กัญชพรย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นเหล้าหึ่ง
“ลุกค่ะพี่วรรษ ทำตัวถ่วงแบบนี้กัญฉุดขึ้นไม่ไหวนะ”
“ลุก...เหรอ ทำยังไง”
ศีรษะที่เจ้าตัวพยายามจะยกตั้งชันขึ้นหักพับลงมาข้างหน้าทำท่าจะหลับในท่านั่งอยู่อย่างนั้น
“ฮื้อ!” กัญชพรทำเสียงขัดใจ แต่ไม่ละความพยายามที่จะนำคนเมาไปส่งที่ห้อง “ตั้งสติหน่อย เอาล่ะ เกาะไหล่กัญไว้ นั่นแหละ ทีนี้ก็ใช้เท้ายันพื้นค่ะ กัญจะนับหนึ่งถึงสามแล้วพี่วรรษก็ยันตัวขึ้น หนึ่ง...สอง..ซ้าม!”
การพาคนเมาแทบครองสติไม่อยู่ขึ้นบันได เป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่จะปล่อยให้นอนบนโซฟาข้างล่างคงไม่เหมาะที่จะให้บริวารในบ้านมาพบนายในสภาพที่ไม่น่าดู
ในที่สุดความพยายามของกัญชพรก็ประสบความสำเร็จ
หลังจากจัดร่างสูงให้นอนบนเตียงถอดถุงเท้ารองเท้าให้เรียบร้อย หล่อนก็ผละออกมายืนมองร่างไร้สติพร้อมกับส่ายหน้า
บนตัวคนเมายังมีเสื้อผ้าครบชุด ขาดก็แต่เสื้อนอก ที่คอมีเนคไทห้อยร่องแร่ง จึงดึงออกวางพาดไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง จากนั้นหยิบรีโมทเปิดเครื่องปรับอากาศ
พอหันกลับไปมองมนเตียงหลังจากปรับอุณหภูมิภายในห้องเรียบร้อยก็พบว่าคนที่ไร้สติสมประดีเมื่อสักครู่ดึงทึ้งเสื้อตัวเองทั้งหลับตา ทำเสียงฮื้อฮ้าขัดใจที่ถอดเสื้อออกไม่ได้ กัญชพรเข้าไปช่วยก่อนกระดุมเสื้อจะขาดทั้งแถบ แต่คนร้อนจนเหงื่อชุ่มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ดูเหมือจะไม่ทันใจ ปัดมือหล่อนออก แล้วกระชากเสื้อออกจากตัวเสียเอง
กัญชพรถอยออกมายืนมองตาโต เมื่อร่างสูงลุกยืนโงนเงนข้างเตียงลงมือปลดเข็มขัดกางเกง รูดซิป ก่อนรูดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้าทั้งชั้นนอกชั้นในคราเดียว
กัญชพรอุทานออกคำหนึ่งด้วยความตกใจ แต่ยังมีสติรีบหันหลังให้ก่อนจะทันเห็นชายเปลือยเต็มตา
มีเสียงหายใจหอบๆ ตามด้วยเสียงล้มตัวลงบนเตียง กัญชพรยังรออยู่ครู่ใหญ่จึงค่อยหันไปมอง ยกมือข้างหนึ่งปิดตาไว้ครึ่งๆ สายตามองต่ำพบเท้าแข็งแรงวางยันพื้น กางเกงชั้นนอกชั้นในยังคล้องที่ปลายขา
กัญชพรไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าไปช่วยปลดออก
หล่อนยกเท้าทีละข้างดึงกางเกงที่เจ้าตัวถอดคาไว้ออก นำไปใส่ลงตะกร้าผ้าซักแล้วกลับมายกขายาวระพื้นขึ้นวางบนเตียง ตลอดเวลานี้กัญชพรจำกัดสายตาไม่ให้มองสูงเกินหน้าแข้ง กระทั่งหยิบผ้านวมโยนโปะลงบนร่างไร้สติทั้งหลับตาปี๋ แน่ใจว่าผืนผ้าช่วยปกปิดจุดสำคัญของชายหนุ่มแล้วนั่นแหละ จึงกล้ามองร่างนอนเหยียดยาวเต็มตาพร้อมกับผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมา
หญิงสาวกำลังจะเดินออกเพื่อกลับห้องตัวเอง หลังจากยืนมองใบหน้าคมสันแดงก่ำตาทั้งคู่ปิดสนิทมองเห็นแผงขนตายาวงอนเป็นแผงทาบทับบริเวณโหนกแก้มด้วยสายตาอ่อนซึ้งอยู่หลายนาที เมื่อได้ยินเสียงร้องอู้อี้มาจากบนเตียง
หล่อนหันกลับ พบว่าร่างที่นอนนิ่งเมื่อสักครู่มีอาการทุทนทุรายของคนตกอยู่ในฝันร้าย
แขนล่ำสันที่หล่อนจับวางไว้บนผ้านวมชูขึ้นขวักไขว่ ปากพร่ำเพ้อฟังไม่ได้ศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจับใจความได้ในลักษณะปนมากับเสียงร่ำไห้
“แพม...แพมจ๋า อย่าไป! อย่าทิ้งผม อยู่กับผัวก่อน…แพม...แพม อย่าทิ้งผม กลับมา...”
เสียงคร่ำครวญปนสะอึกสะอื้นทำให้กัญชพรละล้าละลัง ไม่รู้ว่าจะทำประการใดดี ขณะเดียวกันหัวใจของหล่อนเหมือนถูกขยี้ด้วยมือที่มองไม่เห็น ต่อการแสดงออกถึงความอาลัยรักภรรยาที่ตายจากแม้ขณะไร้สติสัมปชัญญะ บ่งบอกความรักความอาลัยที่มีต่อภรรยายอดรัก ที่คงจะไม่มีวันจืดจางไปจากใจชายหนุ่ม
หล่อนสงสารเขา แต่ก็เศร้าใจตัวเองไปพร้อมกันที่ปล่อยใจรักคนที่จะไม่มีวันรักตอบ
“แพม...แพม! กลับมาก่อนโธ่...อย่าทิ้งผมไป แพม...แพมจ๋า ยอดรัก!”
มือไขว่คว้าหาหญิงผู้เป็นยอดดวงใจ น้ำตาที่ไม่เคยไหลรินให้ใครเห็นหยาดเป็นทางเมื่อรับรู้ถึงความสิ้นหวัง เสียงสะอื้นรุนแรงเหมือนจะดังออกมาจากอก ทั้งน่ากลัวและชวนสะเทือนใจ
กัญชพรรู้ว่าหล่อนควรรีบผละไป แต่ความรักความสงสารที่ได้เก็บงำไว้ในใจมาเนิ่นนานที่ตนรู้อยู่คนเดียว ทำให้หล่อนกลับคุกเข่าลงข้างๆ ร่างที่กำลังหอบโยนจากการสะอื้นไห้
หล่อนดึงแขนล่ำสันที่เจ้าตัวเพิ่งปล่อยตกลงปิดใบหน้าออก พูดปลอบเหมือนปลอบเด็ก
“พี่วรรษขา อย่าร้อง ถึงพี่แพมจะไม่อยู่ พี่วรรษก็ยังมีกัญนะคะ”
ไม่รู้ว่าได้ยินคำพูดปลอบโยนของหล่อนหรืออย่างไร แขนตกปิดหน้าจึงค่อยๆ เลื่อนออก เสียงสะอื้นแรงลึกซาลง เว้นระยะห่างออกไปเรื่อยๆ
“หลับเสียคนดีของกัญ”
มือบางยื่นไปปัดปอยผมบนหน้าผากกว้างให้พ้นดวงตาล้อมรอบขนตาดกดำยาวงอนจับกันเป็นกระจุกเพราะเปียกน้ำตา ที่เจ้าตัวหลั่งออกมาอย่างไม่รู้ตัวที่ลืมขึ้นในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น
กัญชพรขัดเขินเมื่อสบนัยน์ตาคมสีเข้มในระยะประชิด
“เอ่อ…พี่วรรษละเมอค่ะ”
ดวงตาที่ลืมกว้างดูลอยคว้างอยู่นิดๆ กัญชพรเอียงคอสบตาเขา
“พี่วรรษ…”
หล่อนลองเรียกดู และอิทธิพลเสียงของหล่อนก็ก่อปฏิกิริยาอย่างหนึ่งแก่ชายหนุ่ม
เขากระพริบตา จุดโฟกัสของนัยน์ตาที่ดูเลื่อนลอยเริ่มจับนิ่งที่ใบหน้าชะโงกอยู่เหนือใบหน้าของเขา
กัญชพรคิดว่าเขาคงเริ่มจะได้สติกลับคืนมาเป็นตัวของตัวเอง แต่แล้วก็รู้ว่าตนเข้าใจผิด เมื่อแขนแข็งแรงทั้งคู่ตวัดออกมาดึงเอาตัวหล่อนเข้าไปกอด กระซิบเสียงรัวแหบห้าว
“แพม! คุณกลับมาหาผม!”
นวินวรรษเมา แต่เขาไม่ได้เจ็บไข้ เรี่ยวแรงบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ อีกทั้งอารมณ์รักใคร่ที่มีต่อภรรยาสาวที่จากไปแล้ว ก็เลยยิ่งกว่าแรงช้างศาล
กัญชรสล้มทับไปบนตัวเขาเพียงอึดใจก่อนถูกพลิกตัวลงร่างมีร่างใหญ่โตค่อมทับไว้แน่นหนาในพริบตาเดียว
“พี่วรรษ!”
กัญชพรเสียงหอบด้วยความตกใจ
“ปล่อยค่ะ! นี่กัญนะคะ กัญชพรค่ะ ไม่ใช่พี่แพม”
รู้สึกว่าเขาจะชะงักไปนิดหนึ่งคล้ายว่าชื่อของหล่อนกระทบโสตประสาทบางส่วนของเขา
“กัญหรือ?” เขาทวน หน้านิ่ว
“ค่ะ กัญ!”
หล่อนลงเสียงหนัก มองสบตาเข้มๆ ที่มองลงมาจากกรอบใบหน้าเหนือหน้าของหล่อน
กัญชพรคิดว่าสติสัมปชัญญะของนวินวรรษจะกลับมา และปล่อยหล่อน แต่กลับไม่ใช่
เขายังดูเหมือนคนละเมอ ครางออกมาด้วยถ้อยคำฟังไม่ถนัด กัญชพรอ้าปากเพื่อย้ำว่าหล่อนไม่ใช่ภรรยาที่ตายของเขาแต่ไม่มีโอกาส
ทันทีที่สิ้นเสียงฟังเป็นคราง ชายหนุ่มก็แนบใบหน้าลงมาปิดปากเผยอขึ้นของหล่อนด้วยริมฝีปากผะผ่าวของเขาในลักษณะจุมพิตหนักหน่วง
กัญชพรดิ้นอึกอักอยู่เพียงครู่เดียวก็ปล่อยตัวอ่อนระทวย ด้วยเหตุผลสองประการ
หนึ่ง...หล่อนรักเขา อะไรที่เป็นความต้องการของเขาแล้ว หล่อนไม่อยากขัด ต่อให้หมดลมหายใจในเดี๋ยวนั้น
สอง...เกิดมาหล่อนก็ยังไม่เคยถูกจูบถูกกอดและถูกสัมผัส ด้วยทั้งปากและมือพร้อมกันไปเช่นนี้จากเพศตรงข้าม นี่เป็นครั้งแรก
ที่สำคัญ ผู้ชายที่กำลังกอดจูบหล่อนอยู่นี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นบุรุษเดียวที่หล่อนมอบใจให้นานมาแล้ว โดยไม่เคยแพร่งพรายให้ใครล่วงรู้แม้แต่เจ้าตัว ซึ่งไม่เคยมีทีท่าเป็นอื่นนอกเหนือจากเห็นหล่อนเป็นน้องที่เขาให้ความเอ็นดู คอยดูแลด้วยความอาทรฉันพี่ชายกับน้องสาว