“พี่คงรุนแรง กักขฬะ...”
“พอเถอะค่ะ พี่วรรษ” หล่อนหาเสียงตัวเองเจอ บอกเขาเสียงเบาด้วยความอับอายขายหน้า “อย่าพูดต่ออีกเลย ถ้าจะ...กรุณาขอให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปเถอะ”
“ไม่นะกัญ”
ทั้งน้ำเสียงสีหน้าเขา บอกว่าไม่เห็นด้วย
“เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง แต่ก่อนอื่นเลยพี่จะบอกให้กัญสบายใจ...พี่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”
แทนที่จะพอใจกับคำรับรองราวจะให้สัญญาของเขา ในใจหล่อนกลับมีแต่ความขมขื่น
“พี่ต้องรับผิดชอบ”
เขาย้ำ ด้วยกังวานเสียงหนักแน่น
“ไม่ค่ะ ไม่ต้อง พี่วรรษไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
หล่อนบอกเสียงเรียบ มือกำแล้วคลายอยู่ใต้แพรเพลาะ
“จะไม่ต้องได้ยังไง กัญไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน พี่จะได้...ปล่อยผ่านเลยไปง่ายๆ พี่ไม่ได้มีสันดานชอบปลุกปล้ำสาวบริสุทธิ์เป็นงานอดิเรกหรอกนะจะได้ไม่รู้สึกอะไรเลย!”
“พี่วรรษไม่รู้ตัวนี่คะว่า เอ่อ…ทำอะไรลงไป หรือถึงจะพอรู้ พี่วรรษก็คิดว่ากัญเป็น...พี่แพม”
หล่อนเล็งเห็นเงาหม่นผ่านวูบไปบนใบหน้าสะอาดคมสัน เมื่อได้ยินชื่อภรรยา
“ก็จริง”
เขายอมรับในที่สุด
“พี่คิดว่ากัญเป็นแพม ถ้าพอมีสติรู้ว่าเป็นกัญ เป็นเด็กในปกครองของพี่ เป็นหลานสาวคนที่พี่รักเคารพ พี่ก็คงไม่…”
ถ้าเพียงแต่จะมีสติรับรู้เขาจะไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับหล่อน ซึ่งในสายตาของเขาเห็นเป็นแค่เด็กสาวไม่ประสา...นั่นคือสิ่งที่สิ่งที่เขาเกือบจะพูดออกมา ทำไมหล่อนจะไม่รู้
“ยังไงก็ตามเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วพี่ก็ต้องรับผิดชอบ แต่พี่ขอเวลาเคลียร์เรื่องหมั้นอยู่กับบุสสดีให้เรียบร้อยก่อน การบอกเลิกทั้งที่ผู้หญิงไม่มีความผิดพี่ก็ออกจะละอายใจอยู่ เห็นจะต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา อาจเสียเวลาสักพัก”
หน้าคมสันเต็มไปด้วยความหมกมุ่นกังวล ที่หล่อนสัมผัสได้
ทิฐิและอีกหลายๆ อารมณ์เกือบจะทำให้โพล่งออกไปว่า ไม่ต้องมารับผิดชอบ หล่อนไม่ต้องการความรับผิดชอบที่ปราศจากความรู้สึกจากหัวใจเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พูดไม่ออก ได้แต่มองตาเข้มๆ ไม่กระพริบ
“พี่จะไม่ขออะไร”
นวินวรรษเมินหน้าหนีจากลมโตมองเขาไม่กระพริบ เมื่อพูดต่อโดยไม่มองหน้าบอบบาง เสียงของเขาออกจะห้าว
“เพราะไม่เคยต้องการอะไรจากกัญ นอกจาก…ให้กัญอภัยในสิ่งที่พี่ทำลงไป”
เขาหันกลับมา
“ได้มั้ย?”
กัญชพรเบี่ยงศีรษะหนีมือที่ยื่นมา
นัยน์ตาคมวาบแสง แต่ก็หดมือกลับทันที เสียงพูดกระด้างขึ้น
“ไม่ว่ากัญจะรังเกียจหรือขยะแขยงพี่แค่ไหนแต่จำเอาไว้ด้วยว่ายังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน พี่จะไม่ยอมเป็นไอ้ผู้ชายสารเลวปล้นพรหมจรรย์สาวบริสุทธิ์ หลานผู้ใหญ่ที่พี่ให้ความเคารพนับถือเป็นเด็ดขาด!”
นวินวรรษจบคำพูดฟังเหมือนขู่ ด้วยการลุกเดินตัวตรงออกจากห้อง แต่ยังอุตส่าห์หันกลับมากระชากประตูปิดตามหลังดังปัง
กัญชพรรู้สึกเพลียและปวดใจ หล่อนคงยินดีถ้าหากคำพูดราวประกาศิตจะมีความรู้สึกละเอียดอ่อนของหัวใจ ไม่ใช่มาจากสมองสั่งเพียงอย่างเดียว
นับจากเผชิญหน้ากันในห้องนอนของหล่อน กัญชพรก็พยายามหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีก
หล่อนทำได้ดีพอสมควร เผอิญด้วยนวินวรรษมีธุระต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อสะสางปัญหาเรื่องที่ดินที่บิดาของเขาซื้อไว้นานแล้ว
เวลาผ่านไป เข้าสู่สัปดาห์ที่สองนับตั้งแต่เกิดเรื่อง กัญชพรยังคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร
นวินวรรษนั้นนับวันเขาก็ยิ่งมีอาการเหม่อลอย นอกจากดูหมกมุ่นครุ่นคิดชายหนุ่มยังแสดงออกถึงความหงุดหงิด และก็ออกจะเฉยชาไม่ว่าจะกับใคร
เขาแทบไม่พูดกับหล่อน แม้เมื่อต้องพบกัน เพราะถึงยังไงก็หนีหน้ากันไม่พ้น ตราบใดที่อยู่บ้านเดียวกัน
กัญชพรพยายามจะวางท่าทีเฉยๆ มีบางครั้งที่หล่อนไม่แน่ใจนักว่า นวินวรรษลอบมองหล่อนด้วยสายตาติกดจะขุ่นขวางยามที่เขาคิดว่าหล่อนไม่เห็น
เรื่องที่เขาขอเวลาสะสางเกี่ยวกับพันธะหมั้นหมายที่มีกับบุสสดี นางแบบสาว ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด
แต่วันหนึ่งหญิงสาวคู่หมายของเขาก็มาที่บ้านขณะนวินวรรษไม่อยู่
“ไม่ได้มาเสียนาน เธอยังอยู่หรือนี่?”
กัญชพรเม้มปากแม้จะเริ่มชินต่อวาจาถากถางเย็นชา ไร้ความเป็นมิตรของนางแบบสาว
“ค่ะ ยังอยู่ รับเครื่องดื่มอะไรมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง! แต่เธออยู่ก็ดี พอฉันเข้ามาเป็นนายผู้หญิงที่นี่จะได้ไม่ต้องลำบากหาแม่บ้านใหม่ จะว่าไปเธอก็รู้งานในหน้าที่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปากเปียกปากแฉะอบรมบ่มสอนกันใหม่ แต่ยังไงก็เถอะนะ ฉันคงต้องจัดระเบียบบางอย่างใหม่ ไม่ใช่ว่าฉันถือตัวอะไรหรอก แค่ไม่ชอบที่คนใช้จะขึ้นมานอนในห้องใดห้องหนึ่งบนตึกเทียมนาย เรือนนอนคนใช้ก็มีอยู่แล้วด้านหลัง ถ้าฉันจะให้เธอย้ายลงไปอยู่ที่นั่นกับพวกคนใช้ด้วยกันคงไม่ว่า”
กัญชพรไม่ตอบ แต่คนถามก็ดูจะไม่ต้องการคำตอบ ดูจากที่พูดติดต่อกันไป
“ฉันพูดกับวรรษเขาแล้ว ฉันอยากแต่งงานเร็วๆ ไม่รอไม่เรออีกต่อไปละ เขาเห็นด้วย ก็คงอีกไม่นานฉันจะได้เข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของเธอเต็มตัว เธอเอาใจฉันไว้ให้ดีละกัน รับรองถ้าฉันถูกใจเธอจะอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายตลอดไป”