บทที่ 5 ทฤษฎีจีบ 3 สารภาพรัก

2363 คำ
“ผมเป็นจิตแพทย์…” “ฮะ”หญิงสาวตาโตพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ให้เขา หญิงสาวรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่ชายหนุ่มกระตุกยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ทว่าเธอมองไม่เห็นมัน ฝ่ามือเล็กถูกยกขึ้นมาลูบที่ท้ายทอยปอย ๆ เพื่อแก้เขิน ชายหนุ่มหลุบตาต่ำมองไปยังข้อเท้าของหญิงสาวเนื่องจากเห็นว่าเธอยืนเอียง ความรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าทำให้ชิลล์ยืนพ้อยขาข้างหนึ่งเพื่อทิ้งน้ำหนักไปอีกข้าง ก่อนที่เธอจะทนไม่ไหว “อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ” หญิงสาวว่าพลางนั่งยอง ๆ ลง หมายจะปลดสายรัดข้อเท้าออก และการกระทำนั้นมีผลให้คอเสื้อของเธอได้หย่อนลงตาม ชายหนุ่มขยับร่างไปด้านข้างเพื่อบดบังสิ่งที่โผล่พ้นออกจากร่มผ้าของหญิงสาว พร้อมกับสายตาคมที่จ้องมองไม่หยุด เนินอกขาวเนียนละเอียดขนาดใหญ่ถูกบีบขึ้นจากยกทรง ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทนอะไรทำนองนี้ได้ แต่แล้ว “มองอะไรคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าเขาที่กำลังจับจ้องสิ่ง สิ่งหนึ่งไม่วางตา ก่อนที่เขาจะรู้ตัวและหันหน้าหนีอย่างคนมีพิรุธ ชิลล์ก้มลงมองตามสายตานั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาบาง ๆ แอบตกใจอยู่ไม่น้อยที่มันเปิดออกซะขนาดนี้ มิน่าล่ะเขาถึงขยับตัวมาบังเธอได้ ความประทับใจเกิดขึ้นในใจของเธออีกครา เธอยิ้มออกมาเมื่อคิดได้ว่าเธอตกหลุมรักเขาอีกแล้ว หญิงสาวปลดสายรัดข้อเท้าทั้งสองข้างก่อนจะถอดรองเท้าออก เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่ไม่สูงของเธอ “หันมาได้แล้วค่ะ” ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับมาและก็พบว่าสายตาของเขาจำเป็นต้องเลื่อนต่ำลงกว่าเดิม ก่อนที่คิดอยากจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายบ้าง “คุณไปไหนแล้ว” “หึ ฉันอยู่นี่ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างที่เห็นว่าเขาอยากจะเล่นมุกกับเธอ สายตาคมได้เลื่อนลงต่ำเพื่อมองใบหน้าสวยของเธอ ชิลล์ถึงกับต้องเงยหน้าจนคอเธอพับ จากที่ปวดข้อเท้าจะต้องเปลี่ยนมาปวดคอแทน ชายหนุ่มมองใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกขันว่าเธอตัวเล็กขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร “ขอไปยืนคุยตรงนั้นได้ไหมคะ ปวดคอ” หญิงสาวว่าพลางก้มลงถือรองเท้าก่อนจะเดินกะเผลกไปที่เนินสนามหญิง ชายหนุ่มหันมองตามอย่างนึกฉงนในใจ “ค่อยยังชั่ว” หญิงสาวยืนมองชายหนุ่มในระดับที่เธอไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาก การะกระทำของเธอมันเรียกร้อยยิ้มได้จากเขาได้ดี แต่ก็นะ ต้องเก๊กไว้ก่อน “เดินมาหาหน่อยได้ไหมคะ มีเรื่องจะบอก” หญิงสาวเอ่ยปากเรียกคนตัวสูงที่ยืนมองเธอนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่เธอจะทำหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย แต่แล้ว ตึก ตึก~ ชายหนุ่มก้าวขายาว ๆ แค่สองเก้าก็สามารถถึงตัวของเธอได้แล้ว ชายหนุ่มมองใบหน้าของเธอที่ปรับจากเศร้าหมองเป็นยิ้มแฉ่งในทันที “น่ารักจัง ให้เดาค่ะว่าฉันมีอะไรจะบอกคุณ…” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มที่แผ่นอกเขาอย่างคนนึกมันเขี้ยว เธออยากรู้ว่ามันแน่นจริงอย่างที่เห็นไหม “ทำอะไร” ชายหนุ่มมองไปยังนิ้วมือของเธอ “แน่นจัง” ดวงตาคู่สวยลุกวาวที่ได้พบกับความแน่นปึกของแผ่นอกของเขา ขณะที่ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงให้กับการกระทำของเธอ “_” ?? “คิดออกยังคะ ถ้าคุณได้ยินคุณจะต้อง…จะทำอะไรน่ะ!” หญิงสาวถึงกับตกใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาชิดลำตัวของเธอ ก่อนที่เขา พรึ่บ! “อะ” “ไม่เจ็บหรือไง” ข้อเท้าที่บวมเป่งของเธอ ทำให้เขาใจอ่อน ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอร้องสะดุ้งด้วยความตกใจ “เจ็บสิ บอกแล้วนี่หน่าว่าเจ็บ” เสียงของเธอเบาลงเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงประโยคหลังด้วยความรู้สึกน้อยใจหน่อย ๆ ชายหนุ่มออกตัวเดินหมายจะไปที่ห้องพักของเขาเพื่อพันข้อเท้าให้เธอ มันอยู่ไกลพอสมควรแต่ด้วยน้ำหนักตัวของเธอทำให้เขาไม่เหนื่อยสักเท่าไร ลำแขนเรียวถูกยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือทั้งกระเป๋าและร้องเท้า ดวงตาดำขลับจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาไม่ละสายตาพร้อมกับอมยิ้มออกมา ใจดวงน้อยเต้นไม่ส่ำให้กับการกระทำของของครั้งแล้วครั้งเล่า “บอกมาสิ จะมองอีกนานไหม” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับก้มลงมองใบหน้าเล็กที่ตอนนี้ทำสายตาเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด “อ้อ คือ…” “_” “ชิลล์มีงานทำแล้วนะคะ เย้” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งเสียงดีใจเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีใจไปกับเธอด้วย “แล้ว…” แต่ไม่เห็นดีใจเลยแฮะ คิดได้ดังนั้นชิลล์ถึงกับหุบยิ้มในทันที “คุณบอกว่าคุณชอบคนทำงาน ฉันก็เลยหางานทำค่ะ นานมากเลยนะคะกว่าจะได้งาน อดเจอหน้าคุณไปหลายวันเลยค่ะ” กึก! ชายหนุ่มหยุดเดินก่อนจะก้มลงมองใบหน้าเธออีกครั้งเมื่อรู้เหตุผลของการหายไปของเธอมันทำให้เขารู้สึกดีแปลก ๆ เหมือนกับว่าเธอไม่ได้อยากหายไปตั้งแต่แรก ก่อนที่เขาจะออกตัวเดินต่อ “แต่หลังจากนี้เราจะได้เจอกันทุกวันเลยค่ะ” หญิงสาวว่าพลางอมยิ้มออกมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มมันทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา “:)” “ยิ้มแล้วน่ารักจัง ยิ้มบ่อย ๆ นะคะ” หญิงสาวที่เห็นว่าเขายิ้มก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมอีกฝ่าย จนชายหนุ่มหุบยิ้มแทบไม่ทัน “ใครยิ้ม” “หืมม ไม่มีค่ะ” หญิงสาวเห็นว่าเขาไม่เล่นด้วยเธอก็เลยปฏิเสธไป ก่อนที่สายตาจะพลันไปเห็นตึก ๆ หนึ่ง “นั่นไงคะ ฉันได้งานทำที่นั่น” หญิงสาวชี้มือชี้ไม้ไปที่ตึก ตึกหนึ่งที่อยู่ไกลพอสมควร “ตึกบริหาร?” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามก่อนจะก้มลงมองใบหน้าของเธอ “ใช่ค่ะ พรมลิขิตแน่ ๆ ที่ฉันได้งานที่นี่ บางทีเราอาจจะเกิดมาคู่กันก็ได้นะคะ” “_” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่มันยิ่งทำให้หญิงสาวนึกเข้าข้างตัวเองที่เขาไม่ตอบ เพราะเขาคงไม่ปฏิเสธ นานพอสมควรที่เขาอุ้มหญิงสาวเพื่อมายังห้องพักของเขา และทันทีที่เขาอุ้มเธอออกจากลิฟต์ทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายภายในตึกจิตเวชของเขา ในขณะที่ใบหน้าเล็กยิ้มออกมาให้กับทุกคนที่เดินผ่านและมองมายังเธอ เธอได้ยินเสียงซุบซิบประมาณว่าเธอเป็นแฟนของเขา มันยิ่งทำให้หญิงสาวชอบใจ ใบหน้าเล็กแนบลงที่แผงอกแกร่งอย่างคนรู้สึกชนะสายตาสาว ๆเหล่านั้นที่มองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธอ แกรก~ แอ๊ด~ ทันทีที่ถึงห้องพักของเขา ไทม์เบี่ยงตัวเปิดประตูออกก่อนจะเดินอุ้มคนตัวเล็กไปวางที่ก้าวอี้ติดผนังภายในห้องของเขา ชายหนุ่มเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา การกระทำของเขาอยู่ในสายตาของหญิงสาวทุกฝีก้าว ร้อยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าสวยนั้นอย่างคนเพ้อฝัน “ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่เจ็บ?” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามหญิงสาวเมื่อเขาเดินถือกล่องปฐมพยาบาลออกมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ “มีความสุขจนลืมความเจ็บปวดเคยได้ยินไหมคะ” หญิงสาวสบตากับเขาเพื่อสื่อสิ่งที่เธอคิดในใจให้เขารู้ ไทม์ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับคำพูดหวานเลี่ยนนั้น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ นั่งลง และอดไม่ได้ที่จะมองเรียวขาของเธอ กระโปรงรัดรูปที่สั้นมากของเธอทำให้ขาของเธอดูเรียวขึ้นมากกว่าความจริง ต้นขาขาวกับเนื้อเนียนละเอียดจนชายหนุ่มถึงกับหยุดชะงัก พรึ่บ! “หืออ?” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปเอาเสื้อกาวน์ที่ห้อยอยู่ที่ราวของเขามาพร้อมกับโยนไปที่หน้าตักของเธอ พรึ่บ! “ปิดไว้บ้างก็ได้” ชายหนุ่มรู้ว่าเธอจงใจจะอ่อยเขา ในขณะที่หญิงสาวยิ้มกว้างออกมา “ปิดไว้ก็ไม่เหมือนอ่อยน่ะสิ” ความตรงไปตรงมาของเธอทำให้ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ ก่อนจะหยิบเสื้อกาวน์ขึ้น “อืม” ชายหนุ่มยืนกอดอกก่อนจะไล่สายตามองเรือนร่างหญิงสาว เขาจงใจจะแกล้งเธอ ไหน ๆ ก็อยากให้ดูละจะทิ้งโอกาสทำไม ว่าไหม “มะ มองอะไร” หญิงสาวถึงกับเสียงสั่นเมื่อเห็นสายตาแทะโลมที่เขาส่งมา ใจดวงน้อยเส้นไม่ส่ำให้กับสายตานั้น ขณะที่คนตัวสูงยกยิ้มในใจว่าเธอเริ่มที่จะกลัวเขาแล้ว “ผมไม่ใช่คนดี ที่คุณจะมานั่งเปิดเนื้อเปิดอะไรต่อมิอะไรให้ผมดู แล้วผมจะไม่รู้สึกอะไร” ชายหนุ่มว่าพลางโน้มใบหน้าลงมาที่ใบหน้าของเธอ ขณะที่คนตัวเล็กรู้สึกใจไม่ดี เธอผงะใบหน้าเล็กน้อย แต่มีหรือว่าเธอจะถอย “ก็ทำให้รู้สึกอะไรยังไงล่ะ” หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้นแม้ในใจจะรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย แต่เธอก็พร้อมจะพลีทุกอย่างให้เขาอยู่แล้ว “เหลือเชื่อจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกลับยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้น นึกว่าเขาจะทำต่อเสียอีก ในขณะที่ชายหนุ่มเดินไปเอาเสื้อกาวน์ไปแขวนไว้ที่เดิม อยากให้มองก็จะมองวะ เขาคิดในใจก่อนจะกลับมานั่งตรงหน้าหญิงสาวอีกครา “อย่าร้องอะไรออกไป เดี๋ยวคนเข้าใจผิดอีก” ชายหนุ่มเอ่ยปากเตือนหญิงสาวเมื่อมองไปที่ข้อเท้าของเธอแล้วรับรู้ได้ว่าเธอจะต้องร้องออกมาแน่ ๆ “ค่ะ” หญิงสาวนั่งมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนหลงใหลในตัวของเขา แต่แล้ว “อะ เจ็บ ๆ ค่ะ” หญิงสาวร้องสะดุ้งตกใจเมื่อชายหนุ่มได้จับที่ข้อเท้าของเธอ ก่อนจะทายาให้เธอเบา ๆ แต่กระนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บอยู่ไม่น้อย “_” ชายหนุ่มยังคงนิ่งเหมือนเดิม มีความคิดสับสนมากมายกับหญิงสาวตรงหน้า เขารู้ว่าเขากำลังหวั่นไหว แต่เธอดูไม่จริงจังอะไรเลย “คุณมีแฟนยังคะ” ทันทีที่เขาใช้ผ้ายืดพันรอบข้อเท้าเธอไว้หลังจากทายาเสร็จ หญิงสาวก็ได้เอ่ยปากถามคนตัวโตที่งุ่นง่านอยู่กับการพันผ้า “_” ชายหนุ่มหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “เราไปเดตกันไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยปากถามอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ยินคำตอบอะไรจากปากของเขา แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ “คิดอะไรอยู่ คิดจะเล่นกับความรู้สึกผมหรือยังไง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนหลังจากพันผ้าเสร็จ หญิงสาวเลิกคิ้วสูงให้กับคำถามของเขา “ฉันจริงจังนะคะ” เธอพูดตามความจริง หญิงสาวรู้สึกชอบชายหนุ่มตรงหน้ามากซะจนอยากจะเป็นแฟนกับเขาจริง ๆ “เราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง?” ชายหนุ่มรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ใจง่ายไปหรือเปล่า เจอกันไม่กี่ครั้งก็อยากจะสานสัมพันธ์อะไรก็ไม่รู้ “ค่ะ ฉันเจอใครเป็นพันครั้ง ก็ไม่รู้สึกชอบใครคนนั้นหรอกค่ะ แต่พอเจอคุณ…ฉันก็รู้สึกชอบคุณมากเลย” “_” “เรามาลองคบกันไหมคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองเขานิ่ง ใจดวงน้อยเต้นตึกตักไม่หยุดเมื่อได้พูดประโยคเมื่อครู่ออกไป “_” ไทม์หยุดนิ่งมองดูใบหน้าสวยนั้นไม่ละสายตา สับสนอยู่ในใจมากมาย กลัวว่าที่เขาหวั่นไหวเป็นเพราะเขาเพิ่งอกหักมา กลัวว่าถ้าคบกันไปแล้วเขาไม่ได้รู้สึกชอบเธอจริง ๆ และเธออาจจะเสียใจก็ได้ถ้าเธอคิดจริงจังกับเขา คนที่มีแต่เสียก็คือตัวเธอเอง “ฉันให้เวลาคุณ…” “ไม่ล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับทันควันก่อนที่เธอจะพูดจบเสียด้วยซ้ำ “ทำไมคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหวิว ๆ ในทันทีที่เขาตอบออกมาแบบนี้ เหมือนกับว่าได้ตัดความสัมพันธ์ตั้งแต่ไม่ทันได้เริ่ม “ไม่มีเหตุผล” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อกาวน์ตัวเองมาสวมใส่เมื่อมองเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเข้างานแล้ว “_” หญิงสาวนิ่งงันไม่เอ่ยปากถามอะไรเขาออกไปอย่างที่ควรจะเป็น เธอเป็นคนจู้จี้จุกจิกแต่รอบนี้เธอกลับเงียบ เหมือนกับมีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกที่ลำคอ เธอกำลังรู้สึกเหมือนกำลัง…อกหัก คำพูดของเขามันดูธรรมดาเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลย ในขณะที่หญิงสาวรู้สึกเจ็บที่ก้อนเนื้อข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน เธอยืนมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังพับแขนเสื้อของตัวเองอยู่ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินไปที่ประตู และคำพูดของเขาก็ไม่ต่างจากคำบอกลา “ถ้าออกไป ล็อกประตูให้ด้วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม