ฤกษ์แต่ง

1416 คำ
“ท่านแม่ให้คุณหนูจ้าวเก็บของหมั้นกลับไปเถิด เพราะข้าไม่คิดจะยกเลิกงานแต่ง” คำพูดของเหวินหยวน ไม่เพียงแต่ทำให้เนี่ยนเจินไม่พอใจ แต่ฮูหยินสกุลชางถึงขั้นเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมา “อาหยวน! พูดอันใดของเจ้า” “ข้าเอ่ยว่าจะไม่ถอนหมั้น งานแต่งของข้าและจ้าวเนี่ยนเจินจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมขอรับ” สายตาคมที่มองมา ทำให้เนี่ยนเจินถึงกับทำตัวไม่ถูก มันไม่ใช่สายตาเกลียดชังเช่นเก่าก่อน แต่นางก็มองไม่ออกเช่นกันว่าแววตาคู่นั้นหมายความว่าอย่างไร “ท่านแม่ทัพยืนยันเช่นนั้นหรือ หากว่าท่านไม่เต็มใจ ข้ายินดีจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายทั้งหมด อันที่จริงสัญญานี้ก็เป็นเพียงคำปากของข้าและปู่ของท่าน” จ้าวเป่าตงถามขึ้นท่ามกลางความคุกรุ่น “ข้ายืนยันขอรับ และข้าก็เต็มใจจะทำตามสัญญาที่ท่านปู่เคยลั่นวาจาเอาไว้ อีกอย่างชาวเมืองต่างก็รู้แล้ว ว่าเราสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน” “…” “หากว่าไม่มีงานแต่งเกิดขึ้น ข้าเกรงว่าทางคุณหนูจ้าวจะเสียหายเอาได้” โป้ปด! คนอย่างเขาหรือจะเป็นห่วงนาง ชายผู้นี้มีเหตุผลอื่นเป็นแน่ “ถ้าเช่นนั้น-” “ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพอย่างพึ่งด่วนตัดสินใจ ข้าขอพูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวจะได้หรือไม่เจ้าคะ” เนี่ยนเจินเชื่อว่าชายหนุ่มคงมีเหตุผลบางอย่าง นางจะถามให้เข้าใจแล้วจะช่วยหาทางออก “เชิญคุณหนู” “ท่านต้องการสิ่งใด เอ่ยบอกกับข้ามาตามตรงเถิด” “หืม เมื่อครู่เป็นเจ้าที่อยากพูดคุยกับข้ามิใช่หรือ” ชายหนุ่มเดินนำคู่หมายเข้ามาในสวนหลังเรือน ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างยิ้มๆ บ้าไปแล้ว ท่าทีผ่อนคลายกับน้ำเสียงที่ดูจะอ่อนลงนี่คืออันใดกัน เนี่ยนเจินมั่นใจว่าสองชาติที่ผ่านมา นางไม่เคยได้รับการกระทำเช่นนี้ หรืออีกฝ่ายมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่ “ขะ ข้าถามท่านว่าต้องการสิ่งใด จึงไม่ยกเลิกงานแต่ง” “ข้าก็ให้เหตุผลไปแล้วมิใช่หรือ” เหวินหยวนยังคงทำหน้าใสซื่อ ซ้ำร้ายยังเอื้อมมือมาหยิบใบไม้ออกจากผมของหญิงสาวหน้าตาเฉย จนเนี่ยนเจินที่เตรียมตัวมาอย่างดีถึงกับไปไม่เป็น “ท่านมีคนรักอยู่แล้ว ถอนหมั้นจากข้าแล้วไปแต่งกับคนของท่านเสีย อย่าดึงข้าเข้าไปขัดวาสนาพวกท่านอีกเลย” “ผู้ใดหรือ” “ฮะ!” ได้ยินคำถาม เนี่ยนเจินถึงขั้นไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายถามสักนิด “ผู้ใดเป็นคนรักของข้าหรือ ข้าไม่ยักรู้ว่าตนเองมีคนรัก” ดวงตาดำขลับจ้องมองมายังคุณหนูสกุลจ้าวราวกับเด็กน้อยไม่รู้ความ เห็นเช่นนั้นอารมณ์โมโหของเนี่ยนเจินก็เริ่มผุดขึ้นมา “ไม่รู้ก็ช่าง แต่ข้าต้องการถอนหมั้น” “ไม่เอาแต่ใจไปหน่อยหรือ เริ่มแรกเป็นเจ้าที่มาทวงสัญญาหมั้นหมาย ข้าก็ยอมทำตามใจ แต่ครานี้นึกอยากถอนหมั้น ก็จะมาโวยวายเอาง่ายๆ” น้ำเสียงของเหวินหยวนติดดุขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เนี่ยนเจินพอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง เหวินหยวนก็คือเหวินหยวน เขาไม่เคยพูดจาดีกับนางได้เกินสิบคำ “ข้ามิได้โวยวาย แต่ข้ามาขอท่านตามตรง เพราะก่อนหน้า ข้ามีความคิดตื้นเขิน มาตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ควรฝืนใจท่าน” “…” “ในเมื่อท่านไม่ได้รักข้า เช่นนั้นเราก็ล้มเลิกงานแต่งเสียเถิด” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ต่างฝ่ายต่างก็จมดิ่งอยู่กับความคิดตนเอง ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะเอื้อนเอ่ยประโยค ที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม “เจ้ารู้ได้อย่างไร…ว่าข้าไม่รัก” “…ท่านอย่าได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของข้า สนุกนักหรือที่ทำให้ข้าสับสนเช่นนี้ ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่” ดวงตากลมร้อนผ่าว ทั้งที่นางรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่นางพยายามจะถอยห่างจากความเจ็บปวด แต่บุรุษตรงหน้ากลับดึงยื้อนางเอาไว้… “ขะ ข้าไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น ข้าขอ-” แม้อยากจะคว้าเอาไว้ แต่สาวงามก็เบี่ยงตัวหลบ “เปลี่ยนคำขอโทษของท่าน เป็นการถอนหมั้นเถิด” “ข้าขอโทษ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้” เมื่อคำตอบที่ได้รับ ไม่เป็นที่พึงใจ เนี่ยนเจินก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องโถงของเรือนทันที หญิงสาวไม่ได้รีรอ มาถึงก็ก้มคำนับเจ้าของเรือนและฮูหยิน ก่อนจะออกปากชวนปู่และน้องชายกลับ “เรากลับกันเถิดเจ้าค่ะท่านปู่ ซีฮันลุกขึ้นเถิด” “แล้วเรื่องหมั้นหมายตกลงว่าอย่างไรเล่าเจินเอ๋อร์” “นั่นสิขอรับพี่หญิง ตกลงต้องคืนของหมั้นหรือไม่” ทั้งจ้าวเป่าตงและซีฮันต่างถามในเรื่องที่เนี่ยนเจินไม่อยากตอบเลยสักนิด และเหมือนสวรรค์จะรู้ใจ จึงได้เหวินหยวนมาช่วยตอบแทน “เจ้าเก็บกลับไปด้วยเถิด ข้ากับพี่สาวเจ้าจะแต่งงานกัน และจะแต่งให้เร็วยิ่งกว่าเดิม ขอท่านพ่อท่านแม่ช่วยหาฤกษ์ที่เร็วที่สุด สามวันเจ็ดวันได้ยิ่งดี” “อาหยวน!” แม่ทัพหนุ่มไม่สนใจเสียงโวยวายจากมารดาเลยสักนิด เอาแต่จ้องหน้าว่าที่ภรรยา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เนี่ยนเจินอารมณ์ดีขึ้น หญิงสาวย่อคำนับผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่รั้งรอปู่กับน้องชาย “ข้าลาเจ้าค่ะ” “วันพรุ่งข้าจะส่งคนไปช่วยจัดเตรียมงานทางนั้น และจะส่งชุดเจ้าสาวตามไปวันหลัง” เสียงตะโกนไล่หลัง ทำให้หญิงสาวต้องรีบจ้ำอ้าวขึ้นรถม้า เพื่อสงบสติอารมณ์ นางรู้สึกว่าตนเองเป็นลูกไล่ของอีกฝ่ายตลอดเวลา เหมือนเป็นหมากในกระดานให้ชายหนุ่มจับวาง นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ หรือชางเหวินหยวนเองก็ได้รับโอกาสจากสวรรค์เช่นกัน แล้วเหตุใดเขาต้องดึงรั้งนางไว้ด้วย! ดูเหมือนว่าชางเหวินหยวนจะไม่ได้พูดหยอกเล่น เพราะวันรุ่งขึ้นก็มีสาวใช้จากเรือนสกุลชาง มาช่วยจัดเตรียมงานแต่งฝ่ายเจ้าสาว ทั้งยังแจ้งว่านายท่านชางหาฤกษ์ใหม่ได้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ตามที่บุตรชายร้องขอ “ผิวคุณหนูงามเหลือเกินเจ้าค่ะ ทั้งขาว ทั้งนุ่ม” สาวใช้จากสกุลชางรับหน้าที่ขัดสมุนไพรให้ว่าที่เจ้าสาว “จิ๊ ประเดี๋ยวคุณหนูของข้าก็สึกหรอหมด พวกเจ้าลูบมานานแล้วนะ” “โถ่! พี่หลิงหลิงก็ดูผิวของคุณหนูสิเจ้าคะ น่าหลงใหลยิ่งนัก ถึงว่าท่านแม่ทัพกำชับนักกำชับหนา อุบ!” สาวใช้ของสกุลชางอีกคน รีบเอามือปิดปากคนพูดมาก แต่ไหนเลยจะทันการณ์ “เขากำชับเรื่องใดหรือ” ร่างบางเอนกายพิงขอบอ่าง ยกมือขึ้นขัดเนื้อตัว ทำทีเป็นไม่ได้ใส่ใจกับคำถามมากนัก “เอ่อ คือท่านแม่ทัพเอ่ยว่า ให้จับตาดูคุณหนูไว้ไม่ให้หนีเจ้าค่ะ โอ๊ย! ตีข้าทำไมเล่า” “เจ้ามันปากมาก เอ่ยเช่นนี้คุณหนูจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของท่านแม่ทัพคลาดเคลื่อนหรอกหรือ…ที่จริงท่านแม่ทัพเพียงเป็นห่วงคุณหนูเท่านั้นเจ้าค่ะ เลยให้พวกเราคอยช่วยดูแล” บ่าวสาวนางนี้ดูจะเป็นการเป็นงาน รู้จักปรับคำพูดคำจาไม่ให้นายเสียหาย แต่ถึงกระนั้นเนี่ยนเจินก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเหวินหยวนต้องการให้บ่าวไพร่มาคอยจับตาดูนาง “อืม วันนี้พอเท่านี้ก่อนเถิด ข้ารู้สึกหนาวแล้ว” “เช่นนั้นเราไปดูชุดเจ้าสาวดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าวเห็นท่านแม่ทัพเลือกผ้า เลือกแบบเองกับมือ” จ้าวเนี่ยนเจินหัวเราะในลำคอ หากทำถึงเพียงนี้ ยิ่งทำให้นางรู้ว่า การแต่งงานครั้งนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่จะเพราะเหตุใดก็ช่าง ในเมื่อแต่งแล้วก็ถือว่าสิ้นสุดคำสัญญาของสองตระกูล หลังจากนั้นจะหย่าขาดกันก็คงไม่มีผู้ใดขัดขวาง คอยดูเถิด นางจะป่วนจะเขาทนไม่ไหว ต้องยื่นหนังสือหย่าในสามวันเจ็ดวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม