เช้าวันต่อมา
เมื่อหลิวลี่เซียงลืมตาตื่นขึ้นมา เธอถึงกับตกใจที่เห็นไป๋เยว่ซินกำลังนั่งจ้องเธออยู่
“อาเซียง ฝันดีเหรอ ยิ้มไม่หุบเลยนะ”
“อ่อ อ้อใช่ ฝันดีมาก”
หลิวลี่เซียงรีบตอบก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไม่ยอมเล่าให้ไป๋เยว่ซินฟัง วันนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงไปเรียนด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และนัดไป๋เยว่ซินมาทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารเช่นเคย
“อาเซียง เมื่อคืนฝันดีขนาดนั้นเลยเหรอ” ไป๋เยว่ซินแกล้งถามเผื่อเธอจะเล่าให้ฟังบ้าง
“อื้อ แต่ไม่เล่าดีกว่า” เธอยิ้มแกล้งเพื่อนสาว
แต่สุดท้ายแล้วหลิวลี่เซียงก็ต้องเล่าเรื่องความในให้ไป๋เยว่เซินฟังเพราะทนแรงคะยั้นคะยอของเธอไม่ไหว
“ไป๋เยว่ซิน”
เธอมองไปทางเสียงนั้นที่กำลังถือจานข้าวยืนรอคำตอบ
“ซือมู่เฉิน”
“ฉันขอนั่งด้วย มีเรื่องต้องพูดกับเธอพอดี” เขาตอบ
“มีอะไรก็รีบบอกมา” ไป๋เยว่ซินเร่งเพราะไม่อยากโดนจับจ้องจากทุกคน
เรื่องราวการหมั้นหมายระหว่างไป๋เยว่ซินและซือมู่เฉินนั้นถือเป็นความลับ ทุกคนรู้เพียงว่าทั้งสองครอบครัวต่างสนิทสนมกันเพราะเรื่องธุรกิจ และซือมู่เฉินคิดกับไป๋เยว่ซินเพียงแค่น้องสาว อีกทั้งมีเขามักจะมีข่าวลือเรื่องเจ้าชู้พอสมควร
หลังจากนั่งลงแล้วเขาหันไปทางด้านหลังแล้วเรียกเหรินฮ่าวหรานมาด้วย หลิวลี่เซียงที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก
“อาเซียง เป็นอะไรมากไหม ค่อย ๆ” ไป๋เยว่ซินลูบหลังเธอ
“อื้ม ไม่เป็นไร”
“วันนี้รบกวนพวกเธอด้วยนะ” เหรินฮ่าวหรานบอกทั้งสองคน
ทั้งเหรินฮ่าวหรานและหลิวลี่เซียงต่างนั่งทานข้าวเงียบ ๆ เพราะซือมู่เฉินกับไป๋เยว่ซินกำลังพูดคุยอย่างจริงจัง
“ซือมู่เฉิน นายบอกกับที่บ้านไปสิว่าไม่ว่าง ต้องไปที่ไหนก็บอกไป” ไป๋เยว่ซินบอกเขา เธอคิดว่าเรื่องแค่นี้เขาน่าจะจัดการได้ เพราะทุกครั้งเขามักจะบ่ายเบี่ยงตลอด
“ครั้งนี้ไม่ได้ ต้องทำตามที่บ้านบอกจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องไปพบพ่อกับแม่พร้อมฉัน เธอจะเอาอย่างนั้นหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง แล้วนายไปทำอะไรให้พวกท่านจับได้ล่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“เปล่าสักหน่อย พ่ออาจจะส่งคนมาตามพวกเราแล้วก็รายงานไปก็ได้”
“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ งั้นให้อาเซียงไปด้วย” ไป๋เยว่ซินยืนยันว่าจะพาเพื่อนไปด้วย
“ถ้างั้นเพื่อความสบายใจ เดี๋ยวให้เสี่ยวหรานไปด้วยเหมือนกัน ใช่มั้ยเสี่ยวหราน” ซือมู่เฉินหันมาขอร้องเหรินฮ่าวหราน
“อื้อ” เหรินฮ่าวหรานตอบสั้น ๆ ทำให้เขาแปลกใจเพราะปกติเหรินฮ่าวหรานมักจะไม่มายุ่งเรื่องที่เกี่ยวกับการหมั้นหมายของทั้งสองคน
“ถ้างั้น วันเสาร์นี้ไปที่บ้านพักตากอากาศของฉันแล้วกัน” ซือมู่เฉินบอกทุกคน
เช้าวันเสาร์
คนขับรถของไป๋เยว่ซินมารับเธอและหลิวลี่เซียงที่หอพักก่อนขับรถไปส่งพวกเธอที่บ้านพักตากอากาศของซือมู่เฉินที่อยู่นอกเมือง
“อาเซียง ขอบคุณนะที่มาเป็นเพื่อน ถือว่าไปพักผ่อนนอกเมืองวันหยุดแล้วกันนะ”
“อื้อ ไม่เป็นไร”
“ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้แม่ต้องบังคับให้มาให้ได้ด้วยก็ไม่รู้”
“คงอยากให้พวกเธอสนิทกันมากขึ้นหรือเปล่า แบบไปเที่ยวกัน ทานข้าวด้วยกันอะไรแบบนี้” หลิวลี่เซียงพยายามคิด
“ตอนนี้คงต้องตามน้ำไปก่อน เรียบจบเมื่อไหร่จะไปขอยกเลิกงานแต่งเลย” ไป๋เยว่ซินกระซิบกับเพื่อนสาวก่อนยิ้มมีเลศนัย
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของซือมู่เฉินเรียบ ก็เห็นเขามายืนรอรับที่หน้าบ้านแล้ว
“ยินดีต้อนรับ” เขาพูดอย่างอารมณ์เตรียมพร้อมเป็นเจ้าบ้าน ก่อนจะพาเดินไปเก็บของในห้องนอนของแต่ละคน
“นี่เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ฉันพามาที่บ้านนี้” ซือมู่เฉินอวดไป๋เยว่ซิน
“เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ” เธอแซวเขา
หลิวลี่เซียงที่กำลังเก็บของอยู่อีกห้องหนึ่งทอดสายตามองไปทางด้านนอก เธอเห็นเหรินฮ่าวหรานกำลังเดินเล่นในสวน แผ่นหลังของเขาทำให้หลิวลี่เซียงนึกถึงลู่เฟยเทียน ทำให้เธอมองเขาไม่ละสายตา
คล้ายกับคนถูกมองรู้สึกตัวจึงหันกลับมาแล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่ง หลิวลี่เซียงถึงกับตกใจรีบก้มตัวหลบ เขาเห็นท่าทางของเธอจึงยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้ามาที่บ้าน
“อาเซียงใกล้ ๆ นี้มีที่เที่ยวด้วย พรุ่งนี้เราไปหมู่บ้านบนเขากันไหม” ไป๋เยว่ซินเดินมาถามเธอที่ห้อง
“แน่นอนอยู่แล้ว ออกมาเที่ยวข้างนอกทั้งทีเนอะ”
“ตรงนี้ถ่ายรูปสวยมาก ดูรีวิวสิ” ไป๋เยว่ซินพูดด้วยความตื่นเต้นพลางปัดหน้าจอมือถือ
“ทั้งสองคน จะแอบไปเที่ยวกันแค่สองคนไม่ได้นะ เดี๋ยวแผนไม่สำเร็จ ฉันไปด้วย” ซือมู่เฉินเดินผ่านมาพอดีกล่าวขึ้น
“นายนี่นะจะเที่ยวป่าเที่ยวเขา” ไป๋เยว่ซินขำ
“เธอรู้จักฉันน้อยไป ไป๋เยว่ซิน” เขาตอบโต้
“เอาน่า ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” หลิวลี่เซียงตัดบทก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกัน
“นายว่าเราต้องทำอะไรนะ” ไป๋เยว่ซินถามแผนเที่ยววันนี้
“สวนสนุก คนที่พ่อส่งมาตามพวกเราอยู่หลังต้นไม้โน่นแน่ะ” ซือมู่เฉินพูดเสร็จแล้วโบกมือให้เขา
“เฮ้อ” ไป๋เยว่ซินถอนหายใจ
-------------------------------------------------------------------------
สวนสนุกแห่งหนึ่ง
“อาเซียง เราไปถ่ายรูปกัน” ไป๋เยว่ซินคล้องแขนหลิวลี่เซียงก่อนเดินไปที่รูปปั้นตัวการ์ตูนเพื่อถ่ายรูปกันสนุกสนาน
“ไป๋เยว่ซิน เธอจะมัวแต่ตัวติดกับหลิวลี่เซียงไม่ได้นะ เดี๋ยวทางนั้นจะไม่มีรูปส่งไปให้พ่อดู”
“นี่นายกลัวคุณลุงขนาดนี้เลยเหรอ”
“เธอไม่กลัวเหรอ ดุจะตาย แม่ยังช่วยไม่ได้เลยนะ” เขาตอบพลางนึกหน้าของพ่อยามที่เขาขัดคำสั่ง
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ฮ่าวหรานฝากเพื่อนรักของฉันด้วย” ไป๋เยว่ซินถอนหายใจแล้ววานให้เหรินฮ่าวหรานเดินมาพร้อมกันกับหลิวลี่เซียง
“อื้ม” เขาเลิกคิ้วแล้วพยักหน้าหันมามองหลิวลี่เซียงอารมณ์ดี
“เธอไปเล่นม้าหมุนไหม หรือว่ารถรางดี” ซือมู่เฉินชวนไป๋เยว่ซิน
ทว่าไป๋เยว่ซินมองมาที่หลิวลี่เซียงก่อนพยักหน้าให้กันราวกับรู้ใจ
“รถไฟเหาะดีกว่า” เธอลากเขาไปซื้อตั๋วอย่างตื่นเต้น
หลังจากได้ตั๋วมาแล้วไป๋เยว่ซินแจกจ่ายให้กับทั้งสามคนก่อนไปเข้าแถวรอเล่นรอบถัดไป
“ซือมู่เฉิน คนของพ่อนายนี่แน่นอนจริง ๆ ถึงกับตามมาขึ้นเครื่องเล่นด้วย”
“อื้อ” เขาตอบสั้น ๆ ขณะหลับตาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มือทั้งสองข้างจับตัวล็อคไว้แน่น
ทางด้านหลิวลี่เซียงที่นั่งคู่กันกับเหรินฮ่าวหรานนั้นดูสบาย ๆ เหมือนกับรอเล่นสิ่งที่ชอบ ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา
รถไฟเหาะเคลื่อนที่ไปตามรางเรียบก่อนค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปที่สูงอย่างช้า ๆ แล้วจากนั้นทิ้งตัวด้วยความเร็วสูงมายังเบื้องล่าง ก่อนจะเข้าโค้งไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ตีลังกาบ้าง
“ซือมู่เฉิน นายไหวหรือเปล่า” ไป๋เยว่ซินรู้สึกว่าที่นั่งข้าง ๆ เธอนิ่งเงียบผิดวิสัยของคนช่างจ้อ จึงหันไปดูเขา ก่อนจะเห็นว่าดวงตาเขาเบิกกว้าง หน้าตายู่ยี่พยายามข่มความกลัวอย่างสุดฤทธิ์
“ม่ายยยยยยย” ในที่สุดซือมู่เฉินก็เปิดปากร้องโหวกเหวกตลอดทางจนไป๋เยว่ซินต้องปิดหู
ตัดภาพมาที่หลิวลี่เซียงและเหรินฮ่าวหราน ทั้งสองสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจที่ได้เล่นรถไฟเหาะ ก่อนจะหันมายิ้มให้กันโดยไม่รู้ตัว
“ซือมู่เฉิน ลงมาได้แล้ว” ไป๋เยว่ซินสะกิดเขา
“อื้อ”
“นายคงกลัวมากสินะ” ไป๋เยว่ซินถาม
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่นี้สบายมาก”
“พี่ หน้าตาดูไม่ได้เลย” เหรินฮ่าวหรานมองเขาด้วยความเวทนา เขารู้ว่าซือมู่เฉินกลัวเครื่องเล่นพวกนี้แต่ก็ยังปากไม่ตรงกับใจ
“งั้นไปเล่นเรือไวกิ้งต่อ” ไป๋เยว่ซินดึงเขาไปซื้อตั๋วด้วย
“ฮ่าวหราน พี่นายจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” หลิวลี่เซียงถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้ไป๋เยว่ซินกำลังสนุกกับการแกล้งซือมู่เฉิน
“ช่วยไม่ได้” เหรินฮ่าวหรานยิ้มมุมปาก
หลังจากเล่นสนุกสนานทั้งวัน ทั้งสี่คนก็กลับมาที่บ้านพักตากอากาศเพื่อพักผ่อนก่อนจะไปเที่ยวหมู่บ้านบนเขาในวันพรุ่งนี้
“ซินซิน แกล้งเขาเยอะไปไหม”
“ไม่เลย ๆ แค่นี้ยังน้อยไป” ไป๋เยว่ซินหัวเราะเบา ๆ
--------------------------------------------------------------------------
หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเขา
“อาเซียงที่นี่มีให้เช่าชุดโบราณด้วย ไปลองกันเถอะ” ไป๋เยว่ซินชวนหลิวลี่เซียงเช่าชุดโบราณมาใส่เพื่อถ่ายรูปและเดินเล่นรอบหมู่บ้าน
เมื่อทั้งสองคนเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็เดินคล้องแขนกันออกมาจากร้านก่อนเดินไปดูตรงโน้นที ถ่ายรูปตรงนี้ทีกันสองคน อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเพราะต่างชอบเที่ยวและผจญภัย
“เสี่ยวหราน ดูท่าเราจะถูกสองคนนั้นเมินแล้ว”
“ปล่อยไปเถอะน่า หรือพี่อยากเป็นเหมือนเมื่อวาน เดี๋ยวผมบอกไป๋เยว่ซินให้” เหรินฮ่าวหรานแกล้งถาม
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“นึกว่าจะแน่” เหรินฮ่าวหรานหัวเราะ
หลิวลี่เซียงพาไป๋เยว่ซินนั่งพักที่ม้านั่งต้นต้นแปะก๊วยเพื่อพักเหนื่อยจากการเดินเล่นรอบหมู่บ้าน เหรินฮ่าวหรานที่เดินตามหลังมาได้เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกเหมือนคุ้นเคย
“เสี่ยวหราน รอด้วย” ซือมู่เฉินที่เดินหอบขาลากค่อย ๆ ตามเขามาร้องเรียก
“ซือมู่เฉิน นายมาพอดีเลย ถ่ายรูปให้ฉันหน่อย” ไป๋เยว่ซินที่เห็นเขามาถึงก็รู้สึกอยากแกล้ง
“ไป๋เยว่ซิน เธอ... ได้สิ” ซือมู่เฉินพยายามทำตัวปกติ เพราะถือคติต่อหน้าผู้หญิงอ่อนแอไม่ได้ แม้ขาแทบจะไม่เป็นใจแล้วก็ตาม
เหรินฮ่าวหรานเห็นหลิวลี่เซียงนั่งอยู่จึงเดินเข้าไปคุยด้วย
“วิวสวยดีนะ เธอชอบไหม”
“อื้อ อยู่ตรงนี้แล้วคิดถึงวันเก่า ๆ” เธอตอบพลางนึกถึงความฝันของไป๋อิงที่ได้นั่งเล่นใต้ต้นแปะก๊วยกับลู่เฟยเทียน
“สวยงามเหมือนในความฝัน” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปทิวทัศน์
“อาเซียงกลับกันเถอะ” ไป๋เยว่ซินชวนเธอไปเปลี่ยนชุดก่อนกลับ
“ขอบคุณที่พามาเที่ยวนะ ซือมู่เฉิน” ไป๋เยว่ซินขอบคุณเขาด้วยความจริงใจเพราะสองวันนี้เธอได้เที่ยวอย่างมีความสุขจริง ๆ
“ดีแล้วที่เธอชอบ ไว้ครั้งหน้ามาด้วยกันใหม่” เขาตอบ
หลังจากนั้นพวกเขาต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในวันรุ่งขึ้น