“ควิซวิชาอะไรล่ะ” หนึ่งในนั้นร้องถามขึ้นมา ไม่ทันที่ผมจะตอบ ก็ถือวิสาสะหยิบเอาชีทบนโต๊ะไปพลิกดูแล้ว “เอ๋ วิชาวรรณคดีไทยเหรอ ให้พี่ติวให้ไหม เรื่องอิเหนานี่พี่โปรฯ นะ”
“ให้พี่ติวให้ก็ได้ พี่โปรฯ กว่า ไม่ได้โปรฯ แค่เรื่องอิเหนาด้วย เรื่องอื่นก็โปรฯ”
“ตลกละครับคุณ ผมมาก่อนนะครับ”
แล้วสองคนนั้นก็แขวะกันไปมาตามประสา พวกรุ่นพี่คณะผมส่วนใหญ่จะรู้จักกัน ถึงจะไม่ได้เป็นเพื่อน อยู่คนละชั้นปี แต่ก็จำหน้าค่าตากันได้เพราะผู้ชายคณะผมน่ะ...มีน้อยเหลือเกิน แล้วไอ้ส่วนน้อยนี่ก็นั่นแหละ...ถ้าไม่มีแฟนแล้ว ก็มาเกาะผมเป็นตังเมอย่างที่เห็นเนี่ย
“ไม่เป็นไรครับ จิอ่านเองดีกว่า”
ผมแย่งชีทจากมือรุ่นพี่คนนั้นมาถือ อยากจะลุกไปจากตรงนี้เต็มแก่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมให้ผมลุก มิหนำซ้ำคนหนึ่งยังถามผมด้วยน้ำเสียงเง้างอดตัดพ้อ
“เมื่อไรจิจะยอมใจอ่อนกับพี่สักที พี่ตามจีบจิมานานแล้วนะ”
สาบานเลยว่าไม่นาน แค่เข้าเดือนที่สองตั้งแต่เปิดเทอมมา
“นั่นสิ พี่เปย์ให้จิได้หมดเลยนะถ้าจิยอมเป็นแฟนพี่ จะดูแลเป็นอย่างดีเลย”
เปย์แต่ขนมน่ะสิ
ผมยิ้มฝืนๆ ออกมา อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่คิดจะปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ทว่า...
“อ๊ะๆ ห้ามปฏิเสธ ตอบมาก่อนว่าทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”
“ใช่ๆ เลิกหนีพี่เถอะ ชอบหรือไม่ชอบก็บอกมาเลยตามตรง พี่จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า”
ความจริงควรทำใจตั้งแต่คิดมาจีบผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็นเกย์แล้วโว้ย!
แต่จะให้พูดตรงๆ ผมก็ลำบากใจ ได้แต่อึกๆ อักๆ
“คือ...จิไม่ได้ชอบผู้ชาย”
ตรงได้แค่เรื่องนี้แหละ คำพูดนี้ทำเอาทั้งสองคนตีหน้าเรียบ
“ลองเปิดใจหน่อยไหมน้องจิ”
“บางทีมีแฟนเป็นผู้ชายอาจจะดีกว่าผู้หญิงก็ได้นะ”
ไม่เอาโว้ย! ถ้าจะเป็นแฟนกับผู้ชายนะ มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ผมจะยอมเป็นแฟนด้วย คนนั้นน่ะคือ...
“เอ้า จิ พี่ก็หาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง”
...บุษบา
ผมมองตามเจ้าของเสียง พอเห็นว่าเป็นพี่รหัส ผมก็ยิ้มกว้างออกมา
“พี่บุศย์~”
ร้องเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงระรื่นมากด้วย ทำเอารุ่นพี่สองคนนั้นเบ้หน้าเป็นการใหญ่ ก็ทุกครั้งที่พี่บุศย์โผล่มา ผมมักแสดงท่าทางระริกระรี้นี่นา ทำไงได้ล่ะ ก็พี่บุศย์น่ะ ชาติก่อนเขาคือบุษบา ผู้หญิงที่ผมรักนี่
ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้เจอกับบุษบาเร็วขนาดนี้ เหมือนสวรรค์จะช่วยผมยังไงก็ไม่รู้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้ไม่พอ ยังจะได้พี่รหัสเป็นบุษบาอีก เพียงแต่ชาตินี้...บุษบาเป็นผู้ชาย
ผู้ชายก็ช่างมันเถอะ ไอ้ที่ว่าไม่ได้เป็นเกย์ จะยอมเป็นก็ได้ถ้าได้คนตรงหน้ามาเป็นแฟน
ผมยิ้ม มองผู้ชายใส่แว่น เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตาท่าทางเรียบร้อยด้วยความชื่นใจ
จริตมารยาทยังคงงดงามอ่อนช้อยเหมือนเดิมแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย ดีงามจริงๆ
“ส่งข้อความหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า”
พี่บุศย์ถามเมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ ผมยิ้มกว้างให้มากกว่าเดิม
“จิอยากให้ช่วยติวก่อนเข้าควิซให้หน่อยนะครับ”
“วิชาวรรณคดีไทยใช่ไหม” พอผมพยักหน้า พี่บุศย์ก็ตอบรับ “ได้สิ”
พอพี่บุศย์พูดอย่างนี้ ผมก็ไม่รอช้ารีบหันไปบอกรุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นที่นั่งทำหน้าเซ็ง
“จิขอตัวก่อนนะครับ”
ทั้งสองพยักหน้า เหมือนเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปแล้วว่าถ้าพี่บุศย์โผล่มา พวกเขาก็จะตกกระป๋องทันที อยากจะขอโทษเหมือนกันนะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา
“แล้วจะไปนั่งติวที่ไหนดีครับ”
พอลุกมาได้ ผมก็ร้องถามพี่บุศย์ เขาทำท่าครุ่นคิดไปเล็กน้อย
“ร้านกาแฟหลังตึกคณะไหม พี่ตั้งใจจะไปที่นั่นพอดี”
ผมพยักหงึกหงัก เดินตามเขาไป ระหว่างทางก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย พี่บุศย์ฟังพลางกลั้วหัวเราะเป็นระยะ รอยยิ้มที่มอบให้ผมในชาตินี้เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยได้เห็นเลยในชาติที่เป็นจรกา
น่าดีใจอะไรอย่างนี้นะ...
ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงร้านกาแฟ ภายในร้านไม่ค่อยมีคนสักเท่าไรนัก ร้านนี้มักเป็นอย่างนี้ประจำเพราะตัวร้านตั้งอยู่ในซอกหลืบ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ดีเสียอีกที่ไม่ค่อยมีคนด้วย เพราะการใช้เวลาอยู่กับพี่บุศย์จะได้ไม่วุ่นวาย ผมวาดฝันไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงกับพี่บุศย์ให้เต็มที่ แต่ทว่าเสียงของพี่บุศย์ที่เปล่งเสียงออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นก็ทำให้ผมต้องชะงัก
“โทษทีมึง รอนานไหม”
เขาร้องทักผู้ชายคนหนึ่งในชุดไปรเวทซึ่งนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา พยักหน้ารับส่งๆ ไป ส่วนหน้าตาของเขา...จัดว่าหล่อขั้นเทพ ขนาดผมที่เป็นผู้ชายยังอดมองนานไม่ได้
ผมยาวระต้นคอ เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนขาดๆ รองเท้าผ้าใบ เป็นการแต่งตัวที่ธรรมดาแต่โคตรน่ามองเลย เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตะลึงงันได้เท่ากับตอนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นหน้าเขาชัดๆ
“นี่จิระ น้องรหัสกู เรียกสั้นๆ ว่าจิ ส่วนนี่อินทรา จิจะเรียกว่าอินทร์ก็ได้ รูมเมทพี่เอง”
นะ...นี่มัน...อิเหนา!
แสงรัศมีเปล่งประกายออกจากร่างกายของเขา ภาพใบหน้าของอิเหนาในอดีตชาติเผยขึ้นทับซ้อน สิ่งนี้เป็นพรที่ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นใครจากในอดีตชาติ
ผมนิ่งงัน ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ไอ้อิเหนาหรืออินทราอะไรในชาตินี้พยักหน้าให้ผมทีหนึ่ง
“หวัดดีจิ”
ไม่ต้องมาญาติดีกับกูเลยไอ้อิเหนา! ยังเคืองเรื่องชาติที่แล้วอยู่นะเว้ย!
ให้ตายเถอะ ทำไมฟ้าส่งผมมาเจอบุษบาแล้ว ยังจะส่งไอ้ตัวร้ายนี่มาด้วย
ไม่ตลกเลยนะ!