บุษบาของพี่จรกาน่ารักที่สุดในโลกเลย~

1652 คำ
“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้ทำอะไรน้องรหัสกู” พี่บุศย์ถามประโยคนี้เป็นครั้งที่สิบแล้วเห็นจะได้ ทำเอาพี่อินทร์ที่ถูกเค้นอยู่หลายรอบถึงกับมุ่ยหน้า “มึงถามกูหลายรอบแล้วไอ้บุศย์ น้องรหัสมึงก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าที่ร้องไห้เป็นเพราะอะไร” ว่าพลางหรี่ตามองมาทางผมที่เช็ดน้ำหูน้ำตาซึ่งเหือดไปแล้วอย่างขุ่นเคือง ขณะที่ผมได้แต่เม้มริมฝีปาก ก้มหน้านิ่งด้วยรู้สึกผิดขึ้นมาน้อยๆ ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็ใครมันจะไปควบคุมได้วะ จู่ๆ ก็มาได้ยินว่าคนที่รักข้ามภพข้ามชาติมาตั้งนาน หวังว่าจะได้ครองรักกันในชาตินี้ถูกไอ้ศัตรูหัวใจคาบไปกินอีก เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละเว้ย! แต่พอพี่บุศย์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่กล้าบอกความจริง ซึ่งแน่ล่ะว่ามันหมายถึงเรื่องที่เขาเป็นบุษบาในชาติก่อน แล้วก็เรื่องที่ผมถูกพี่อินทร์แกล้งบอกว่าพี่บุศย์เป็นผัวเขา ผมเลยโกหกไปว่าร้องไห้เพราะพี่อินทร์แช่งให้ผมสอบตกควิซตอนบ่าย มัน...ฟังดูแล้วปัญญาอ่อนมากมาย คนบ้าอะไรถูกแช่งให้สอบตกแล้วร้องไห้เป็นเผาเต่า ส่วนเรื่องที่เผลอหลุดปากถามเขาไปว่าเป็นผัวอิเหนาเหรอ ผมก็แก้ตัวไปว่าเพราะใจไม่ดีจากคำแช่งของพี่อินทร์ หัวสมองผมก็เลยตีกันมั่วไปหมด ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น บอกตามตรง ผมโคตรอายเลยนะ แต่ก็ต้องยอมเนียนไปเพราะไม่อยากให้พี่บุศย์รู้ว่าผมร้องไห้เพราะพี่อินทร์บอกว่าเขาเป็นผัว ส่วนพี่อินทร์ก็ทำเนียนเออออห่อหมกไปเลย แน่นอนว่าพอพี่บุศย์ได้ยิน เขาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะถ้าเชื่อ เขาจะมาเค้นถามพี่อินทร์ทำไมตั้งหลายรอบ “มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกอะไรกูหรือขู่น้องรหัสกูไม่ให้พูด?” พี่บุศย์ยังคงคาดคั้น ทำเอารูมเมทของเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “มึงอยากรู้นักก็ไปเค้นถามจากน้องรหัสมึงเถอะไป รำคาญ” พออีกฝ่ายแสดงท่าทางหงุดหงิดน้อยๆ ออกมาอย่างนี้ พี่บุศย์เลยหันมามองหน้าผมแทน ผมเหลือบมองเขา ว่าเสียงแผ่ว “มีแค่เรื่องที่ผมเล่าให้พี่บุศย์ฟังแค่นั้นจริงๆ ครับ” สายตาเขาบอกตรงๆ เลยว่าไม่เชื่อ แต่คงกลัวว่าจะทำผมลำบากใจล่ะมั้ง เขาเลยเลิกจับผิดแต่โดยดี “เอาเถอะ อย่าไปสนใจเลยจิ ไอ้อินทร์มันก็ปากพล่อยอย่างนี้อยู่แล้ว สันดานไม่ดี พี่ติวให้จิ จิผ่านควิซฉลุยอยู่แล้ว” ด่าเพื่อนไม่พอ ตบท้ายด้วยการปลอบผมด้วย พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ลูบหัวผมป้อยๆ ผมใจชื้นขึ้นมา แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าก็ดีนะที่พี่อินทร์ทำผมร้องไห้ เพราะนั่นทำให้พี่บุศย์แตะเนื้อต้องตัวผม หูย...ฟินไปสามชาติแปดชาติ อยากให้แตะเนื้อตัวมากกว่านี้จัง ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ กว่าจะไปถึงขั้นนั้น ผมจะต้องทำให้พี่บุศย์ชอบผมเสียก่อน ส่วนไอ้คนต้นเหตุที่ทำผมเสียน้ำตาก็ได้แต่มองแล้วเบ้ปาก “โอ๋เหลือเกินนะ น้องรหัสคนแรกในชีวิตเนี่ย” ผมค้อนอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่พี่บุศย์ดุออกมา “เงียบไปเลยมึงน่ะ ยังจะปากไม่ดีอีก พูดมากปากหมาจริงนะมึง” เออ สมน้ำหน้า โดนด่าเลย ด่าอีกครับพี่บุศย์ จิชอบ แต่พี่อินทร์กลับไม่สะทกสะท้านกับคำก่นด่าเลยแม้แต่น้อย มองหน้าพี่บุศย์ด้วยสายตาตัดพ้อ ทำท่าจะดีดสะดิ้ง “ทำไมคุณบุศยาไม่อ่อนโยนกับอินทราเลย~” จีบปากจีบคอจนน่าถีบ บังอาจมาเรียกชื่อจริงของพี่บุศย์อีก ขณะที่สีหน้าดุๆ ของพี่บุศย์มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา “ยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวปั๊ด” พลางยกกำปั้นขึ้นเป็นเชิงว่าจะทุบ พี่อินทร์แสร้งหลบ ก่อนจะพากันหัวเราะ เป็นอันให้ผมรู้ว่าที่พี่บุศย์ทำเป็นดุนั้นไม่ได้ดุจริงจังหรอก เป็นการดุเพื่อโอ๋ผมมากกว่า มันก็ดีอยู่หรอก แต่พอเห็นอย่างนี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า...ทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ ในใจปวดหนึบขึ้นมาน้อยๆ ไม่อยากให้พี่บุศย์ไปสนิทกับพี่อินทร์เลย ผมเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น อึดอัดใจไม่เบา เพราะการที่พี่บุศย์กับพี่อินทร์สนิทกันมันหมายความว่าโอกาสในการที่อิเหนากับบุษบาจะได้ครองคู่กันอีกครั้งในชาตินี้ก็ยังมีอยู่ อาจเป็นเพราะความผูกพันฉันท์สามีภรรยากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน... ผมไม่อยากคิดอย่างนั้นหรอก แต่เรื่องพวกนี้มันมีอยู่จริง ขนาดผมไม่ได้ผูกพันเป็นเครือญาติหรือสามีภรรยา มีเพียงความแค้นกับความห่วงหา ผมยังวนเวียนกลับมาเจอทั้งสองคนในชาตินี้เลย ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากให้บุษบาของผมสนิทสนมกับอิเหนาแหละนะ... แต่แล้วความรู้สึกชวนให้อึดอัดนั้นก็มลายหายไปเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้น “เดี๋ยวกูไปแล้ว จะหมดเวลาพักละ มีเรียนบ่ายที่คณะ” พี่บุศย์พยักหน้า มองอีกฝ่ายที่เก็บข้าวของลงในกระเป๋าสะพายข้างครู่หนึ่ง ก่อนจะถาม “แล้ววันนี้มึงจะกลับห้องไหม” พี่อินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ กูมีนัดซ้อมมอบตำแหน่งดาวเดือนที่ลานหน้าหอสมุด เดี๋ยวไปนอนห้องเพื่อนทูตกิจกรรมแทน น่าจะซ้อมดึก” “ใกล้งานประกวดดาวเดือนแล้วสินะ” พี่อินทร์พยักหน้า ทำเอาผมอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ “งานประกวดดาวเดือนเหรอครับ” “อืม มีทุกปีนั่นแหละ” เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว มหาวิทยาลัยไหนก็มีทั้งนั้นแหละ แต่ที่สงสัยน่ะก็คือ... “แล้วพี่อินทร์เกี่ยวอะไรด้วยเหรอ” เรื่องนี้แหละที่ผมอยากรู้ คำถามนี้ทำเอาพี่บุศย์มองหน้าผมอย่างงุนงงทันที “อย่าบอกนะว่าจิไม่รู้ว่าใครเป็นเดือนของ ม.เรา?” ผมพยักหน้า เอาจริงๆ ก็เคยเห็นผ่านๆ ในโปสเตอร์ที่แปะตามอาคารต่างๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ใส่ใจก็เลยจำเค้าโครงหน้าไม่ค่อยได้สักเท่าไร และการตอบไปอย่างนั้นก็ทำให้พี่บุศย์ชี้นิ้วไปทางพี่อินทร์ “เดือนมหา’ลัยเราน่ะ นี่ไง นั่งหัวโด่อยู่นี่” ผมว่าผมหูฝาดแหงๆ ไอ้อิเหนาเนี่ยนะเดือนมหา’ลัย!? ผมชี้นิ้วไปทางพี่อินทร์ด้วยสีหน้าไม่เชื่อสักเท่าไร ทำให้พี่บุศย์ต้องพยักหน้า ย้ำคำมาอีกที “อื้อ มันนี่แหละเดือนมหา’ลัย” เท่านั้นผมก็อ้าปากกว้าง มึงจะวาสนาดี รูปงาม นามเพราะ ชีวิตดี๊ดีไปหมดเกินไปแล้วไอ้อิเหนา! แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรหรอก พี่อินทร์ก็หล่อสมกับตำแหน่งเดือนจริงๆ นี่ เพียงแค่ตอนนี้ผมยาวกว่าในโปสเตอร์ที่เห็น แล้วการแต่งตัวก็ดูเซอร์ๆ ขณะที่ในโปสเตอร์แต่งชุดนักศึกษาถูกระเบียบเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อเสียงของพี่อินทร์ดังขึ้นอีกครั้ง “เป็นคนหล่อนี่ยุ่งจริงๆ เลยน้า” เนี่ย แล้วจะไม่ให้ผมเหม็นหน้าได้ยังไง หลงตัวเองจริ๊ง! “รีบไปเลยไป มีเรียนไม่ใช่เหรอ” พี่บุศย์ตัดบทด้วยเห็นว่าถ้ายังปล่อยให้พี่อินทร์นั่งอยู่ตรงนี้ มีหวังกวนประสาทผมไม่เลิกแน่ ส่วนคนถูกไล่ก็ทำเป็นแสร้งบ่นพึมพำ “คุณบุศยาไม่อ่อนโยนเลยจริงๆ อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเก่งใหญ่เลยนะ ระวังเถอะ เดี๋ยวอินทราจะไม่ให้คุณนอนร่วมเตียงด้วย” ยังคงพูดจาสองแง่สองง่ามให้ผมคิดครุ่นวุ่นวาย ถึงจะรู้ว่าเขาตั้งใจหยอกผม แต่ผมก็ไม่ชอบเลย เผลอค้อนประหลับประเหลือกใส่ให้พี่อินทร์ได้หัวเราะ “เอ้า รีบไปเร็วๆ เข้า มัวเล่นอยู่ได้” พี่บุศย์ออกปากไล่อีกที คราวนี้พี่อินทร์ยอมไปตามที่บอก พอลุกขึ้นยืน จะเดินผ่านผมก็โน้มตัวลงมากระซิบข้างหู “เมื่อกี้พี่ล้อเล่น” สิ้นเสียงก็เดินออกจากร้านกาแฟไป ปล่อยให้ผมนั่งงุนงง ล้อเล่น? หมายถึงเรื่องที่พี่บุศย์เป็นผัวเขาน่ะเหรอ ไม่รู้เลยว่าเรื่องไหนที่เขาบอกว่าล้อเล่น เพราะทุกอย่างที่ออกมาจากปาก แม่งเป็นเรื่องล้อเล่นทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เพราะพี่บุศย์เอ่ยปากขึ้นมาก่อน “ไอ้อินทร์มันบอกอะไรเหรอ” ผมหันใปมองหน้า ยิ้มบางๆ ให้ “บอกให้ผมตั้งใจทำควิซครับ” โกหกไปดีกว่า ขืนบอกไปตามจริง มีหวังคงต้องอธิบายกันยาวแน่ ดีที่พี่บุศย์ไม่ได้สงสัยอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้ “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอให้จิทำควิซได้ผ่านฉลุยก็แล้วกันนะ” แค่เห็นรอยยิ้มของพี่บุศย์เท่านั้น ใบหน้ายียวนของผู้ชายที่เพิ่งลุกจากโต๊ะไปเมื่อครู่นี้ก็หายวับไปทันที บุษบาของพี่จรกาน่ารักที่สุดในโลกเลย~
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม