ตอนที่ 4 เผชิญหน้า

2273 Words
“นักแสดงนำหญิงยอดนิยมประจำปีxxได้แก่ คุณหลินซูหนี่ว์ค่ะ” สิ้นเสียงพิธีกรสาวเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั้งโดมจัดงาน แฟนคลับบางส่วนที่ได้เข้ามาร่วมงานต่างส่งเสียงเชียร์ซุปตาร์สาวที่ตนรัก ร่างระหงในชุดราตรีเปิดไหล่อวดลำคอขาวผ่องไปจนถึงเนินอกเดินเยื้องย่างตรงไปบนเวทีด้วยหัวใจที่เต้นราวกับกลองรัว เธอไม่ได้ตื่นเต้นที่ได้รับรางวัลในค่ำคืนนี้ หากแต่คนบนเวทีที่จ้องมองมาที่เธออย่างสำรวจนั่นมากกว่าที่ทำให้เธอรู้สึกประหม่า ซุปตาร์สาวเดินมาหยุดอยู่ข้างๆของคู่หมั้นหนุ่ม สถานะที่ไม่มีใครรับรู้ ถ้าเขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ เธอก็จะไม่เปิดเผยเช่นกัน หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงอยากที่จะแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของเขาใจจะขาด แต่ตอนนี้เธอนั้นสวย และมีคนมาชอบมากมาย เรื่องอะไรเธอต้องงอนง้อคนที่ไม่เห็นค่าของเธอ “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณ... หลิน” ชายหนุ่มส่งรางวัลให้กับเธอ มือบางยื่นออกไปรับมาพร้อมกับรอยยิ้มแบบไม่ได้เต็มใจที่จะมอบให้เขาเลยสักนิด ความโกรธและความรู้สึกขุ่นมัวที่เธอมีต่อเขานั้นยังไม่ลบเลือนออกไปจากจิตใจตลอดระยะเวลาสิบปี เธอใช้สิ่งนี้ผลักดันและเปลี่ยนแปลงตนเอง “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนที่จะหันไปคำนับคนที่ปรบมือให้เธออยู่ด้านล่างเวที ซุปตาร์สาวแจกยิ้มไปทั่วจนซือลู่ชิงรู้สึกหมั่นไส้ และเขากำลังคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอนั้นเลิกดื้อและทำเป็นเฉยชากับเขาสักที “เอาล่ะค่ะ ขอให้ช่างภาพได้เก็บภาพหน่อยนะคะ คุณชายลู่ชิง น้องซูหนี่ว์” พิธีกรสาวเอ่ยขึ้น หลินซูหนี่ว์รู้สึกลำบากใจที่ต้องใกล้ชิดกับคู่หมั้นวัยเด็ก ก็หัวใจเธอมันไม่รักดี ถึงภายนอกจะรู้สึกแกร่งแค่ไหนแต่ภายในใจนั้นเธออยากจะกอดเขาใจจะขาด มือเรียวของคนตัวสูงอ้อมไปจับเอวบางให้เข้ามาใกล้กับเขาจนซุปตาร์สาวสะดุ้ง และหันไปมองหน้าเขา ซือลู่ชิงเอาแต่ทำเฉยจนเธอรู้สึกเคืองเขาขึ้นมาที่มาทำตัวรุ่มร่ามต่อหน้าสื่อ กล้องทุกตัวรีบจับภาพความใกล้ชิดของคุณชายซือลู่ซิงที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนถึงขั้นสัมผัสร่างกายมาก่อน ถือว่าซุปตาร์สาวซูหนี่ว์นั้นเป็นคนแรก แต่ก็คงจะไม่แปลกเพราะมารดาของทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันเรื่องนี้ใครๆก็รู้ดี จะมีแต่สองบอดี้การ์ดที่มองมาอย่างรู้ทัน “กลับบ้านกับพี่ ถ้าไม่อยากให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” คำพูดที่ดังอยู่ข้างหูราวกับกระซิบทำให้ซุปตาร์สาวรู้สึกขนลุก เธอหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของคนข้างกายเพียงแว๊บหนึ่งก่อนที่จะสะบัดใบหน้างามหันกลับไปมองกล้อง ริมฝีปากรูปกระจับฝืนยิ้มออกมา และช่วงเวลาอึดอัดก็ผ่านไปเมื่อถึงเวลาที่เธอต้องกล่าวขอบคุณบุคคลที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในวันนี้ และแน่นอนว่าต้องมีเขาเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้เธอเลือกเดินในเส้นทางที่เธอก็ไม่คิดว่าจะเดิน ซุปตาร์สาวเอ่ยขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเธอโดยเฉพาะบิดาและมารดา ผู้จัดการส่วนตัว ผู้จัดละคร ผู้กำกับ เพื่อนนักแสดง ทีมงาน ไปจนถึงบรรดาแฟนคลับ และทันทีที่ซุปตาร์สาวเอ่ยจบเสียงปรบมือจากทุกคนภายในโดมจัดงานก็ดังกระหึ่ม ร่างระหงลงจากเวทีแล้วก้าวลงไปด้านล่าง เธอแวะคุยกับผู้ใหญ่และพี่ๆนักแสดงจนใกล้จะมาถึงผู้จัดการส่วนตัวแต่ก็ต้องชะงักเท้าเล็กซะก่อน “น้องซูหนี่ว์ พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” เสียงแหลมเล็กเอ่ยขึ้นขณะที่ซุปตาร์สาวกำลังจะเดินผ่าน ใบหน้าสวยหันมองไปตามเสียงก็พบว่าเป็นนางเอกรุ่นพี่ที่เป็นผู้เข้าชิงรางวัลนี้กับเธอ ริมฝีปากอิ่มรูปกระจับจึงฉีกยิ้มให้ตามมารยาท ก็รุ่นพี่คนนี้เธอจำได้ดีว่าเป็นรุ่นพี่คนที่ให้ช็อกโกแลตกับซือลู่ชิงตอนที่เธออายุสิบสองขวบ และเป็นเธอคนนี้ที่ทำให้เธอเก็บอารมณ์ไม่อยู่จนไประเบิดใส่หน้าของคู่หมั้นของเธอ “ขอบคุณนะคะพี่หรูหรู” หลินซูหนี่ว์ตอบไปตามมารยาท เรื่องในอดีตเธอนั้นไม่เคยลืม ถึงแม้ว่าคู่หมั้นของเธอจะไม่สนใจผู้หญิงตรงหน้าแต่เธอคนนี้ก็ยังพยายามจะทอดสะพานให้ซือลู่ชิงอยู่ดี เธอรู้ข่าวนี้มาจากซือลู่เหลียน น้องสาวฝาแฝดของคู่หมั้นของเธอนั่นเอง สองสาวส่งยิ้มจอมปลอมให้กันสักครู่ ก่อนที่หลินซูหนี่ว์จะขอตัวและเดินไปหาผู้จัดการส่วนตัว เยว่เหมยส่งยิ้มให้กับน้องซุปตาร์สาวที่เธอดูแลมานานทันที “ดีใจด้วยนะน้องซูหนี่ว์ หนูนี่เดินตามรอยคุณแม่ได้สมบูรณ์แบบมากๆเลยค่ะ” เยว่เหมยเอ่ยชมซูหนี่ว์ขึ้นมาทันที เมื่อก่อนเธอเป็นแฟนละครของมารดาซุปตารืสาว พอมาตอนนี้ได้ดูแลทายาทของซุปตาร์ในดวงใจยิ่งทำให้เธอรู้สึกปลื้มใจขึ้นไปอีก “ขอบคุณค่ะพี่เยว่เหมย แต่บอกว่าเดินตามรอยแม่นี่ผิดนะคะ เพราะอันที่จริงซูหนี่ว์มีแรงผลักดัน หึๆ” ซุปตาร์สาวบอกก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา ดวงตากลมพรางมองไปที่ซือลู่ชิงที่กำลังยืนคุยกับพวกผู้ใหญ่อยู่ “กลับกันเลยดีกว่านะคะ” หลินซูหนี่ว์รีบบอกผู้จัดการสาวทันทีที่เห็นว่าคนที่เพิ่งจะออกคำสั่งกับเธอบนเวทีนั้นกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ “จ้ะ พรุ่งนี้เรามีงานต่อด้วย ไปค่ะ พี่ๆคะขอตัวพาน้องซูหนี่ว์กลับไปพักก่อนนะคะ” ผู้จัดการสาววัยสามสิบเอ่ยขึ้นกับนักแสดงและผู้จัดการคนอื่น ซุปตาร์สาวส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะก้มหน้าคำนับเพียงเล็กน้อย แล้วเดินออกจากงานไปพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว ซือลู่ชิงมองคนที่กำลังเดินออกจากงานไปด้วยสายตาเย็นชา 'นี่เธอกล้าขัดคำสั่งของเขาอย่างนั้นหรอ หึๆ สงสัยจะอยากให้ทุกคนรู้มากว่าเขากับเธอเป็นอะไรกัน' มือเรียวกดข้อความบางอย่างส่งไปให้คนที่กำลังจะเดินออกจากงานไป มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือใบเล็กเพื่อหยิบเอาเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่มีเสียงข้อความเข้าไม่หยุด ดวงตากลมเบิกค้าง สองเท้าหยุดชะงักทันทีที่อ่านข้อความที่ได้รับ “อ้าว หยุดทำไมล่ะคะ” เยว่เหมยเอ่ยถามซุปตาร์สาวด้วยความงุนงง ก็ใกล้จะเดินออกจากโดมไปแล้วแท้ๆจู่ๆซูหนี่ว์ก็หยุดชะงักเฉย “อ่ะ..เอ่อ คือ...คือว่า..” ยังไม่ทันพูดจบเสียงทุ้มเย็นชาของคนที่เพิ่งจะมอบรางวัลให้ซุปตาร์สาวที่บนเวทีไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาก็ดังขึ้น ผู้จัดการสาววัยสามสิบถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจและงุนงง เธอก็คิดอยู่แล้วว่าน้องสาวคนนี้ของเธอต้องรู้จักและสนิทกับคุณชายลู่ชิงอย่างแน่นอน แล้วทำไมต้องทำเหมือนโกรธเกลียดอะไรเขานักหนา “พี่บอกให้รอ.. ทำไมไม่รอคะ...น้องน้อย” เขาเรียกเธอราวกับว่าเธออายุเจ็ดขวบ “อ่ะ..อ้าว คุณชายลู่ชิง มีอะไรกับน้องซูหนี่ว์หรือเปล่าคะ พอดีพี่ต้องรีบพาน้องซูหนี่ว์ไปพักผ่อนน่ะค่ะพรุ่งนี้น้องมีงานต่อ” เยว่เหมยพยายามข่มความกลัวไว้ในใจก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป “เดี๋ยวผมไปส่งน้องซูหนี่ว์เองครับ พอดีมีเรื่องต้องคุยกัน เราไม่ได้เจอกันมาเกือบห้าปีแล้ว... ใช่ไหมคะ” ถึงจะพูดเพราะแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ติดความเย็นชาอยู่ดี ผู้จัดการสาวหันไปมองหน้าของซูหนี่ว์ก็พบว่ามันซีดเผือด “เอ่อ... มันจะดีหรือคะที่ให้น้องซูหนี่ว์กลับกับคุณชาย เดี๋ยวนักข่าวก็เอาไปเขียนข่าวว่าน้องเสียหายกันพอดี” เธอยังคงทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวที่ดี ถึงแม้ว่าในใจจะกลัวอยู่นิดๆ ยิ่งมองไปที่ด้านหลังของคุณชายใหญ่ตระกูลซือก็พบสองบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจไปใหญ่ “ดีสิครับ ว่ายังไงครับน้องน้อย จะไปกับพี่หรือจะให้พี่ทำให้เราไปไหนมาไหนกันสะดวกขึ้น” คำถามของเขามันเป็นคำถามเชิงขู๋บังคับ ซุปตาร์สาวหน้างอขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่จะมองไปรอบๆก็เห็นว่าทุกคนกำลังมองมายังพวกเธออย่างสนใจ ถ้าเธอปฏิเสธตาบ้านี่ต้องเปิดเผยความลับที่เธอยังไม่อยากให้ใครรู้ขึ้นมาก็ได้ หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาก่อนที่จะหันไปบอกผู้จัดการสาว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เยว่เหมย เดี๋ยวซูหนี่ว์กลับกับพี่ชายใหญ่ก็ได้ค่ะ เพราะยังไงคุณแม่ก็ถามหาพี่ชายใหญ่อยู่แล้ว ไปพบท่านหน่อยก็คงจะดี” ผู้จัดการสาวมองใบหน้าสวยของซุปตาร์สาวทีมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของคุณชายใหญ่ทีก็พยักหน้า อย่างน้อยทั้งสองครอบครัวก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แถมทั้งคู่ก็โตมาพร้อมๆกัน คงจะไม่มีอะไรหรอก “จ้ะ ถ้าอย่างนั้นถึงบ้าน อาบน้ำ บำรุงผิวหน้าแล้วก็เข้านอนเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าโทรม” ผู้จัดการสาวเอ่ยออกมา ซือลู่ชิงรู้สึกถึงชัยชนะที่ตนเพิ่งจะได้รับก่อนที่จะเหลือบมองใบหน้าสวยของน้องน้อยที่เมื่อก่อนว่าน่ารัก เดี๋ยวนี้เค้าความสวยนั้นฉายแววให้เห็นมากขึ้นทุกวัน เยว่เหมยเดินไปส่งซูหนี่ว์ที่รถตู้คันหรูของซือลู่ชิง ก่อนที่จะอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่มีสื่อสำนักใดตามมาถ่ายรูปของทั้งคู่เลย ทั้งๆที่สองคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียง แต่พอคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันเพราะการไม่เป็นข่าวเรื่องผู้ชายก็ดีต่อชื่อเสียงของซุปตาร์สาวเอง และเรื่องที่เธอแปลกใจอีกอย่างก็คือเวลาที่ซุปตาร์สาวออกไปทานข้าวกับพวกพระเอกที่เธอร่วมงานด้วยกลับไม่มีสำนักข่าวไหนเอาไปลงข่าวเลย ขณะที่ขึ้นไปบนรถตู้คันหรูแล้ว หลินซูหนี่ว์ก็นั่งตัวตรงกอดอกชิดเบาะจนคนมองอดที่จะขำออกมาไม่ได้ เขาไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาน่ากลัวจนเธอไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนตัวติดเขาแจ “กลัวพี่หรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาขณะที่มองใบหน้าของหญิงสาวที่ไม่ได้เจอกันมานาน “เปล่า ทำไมฉันต้องกลัวพี่ด้วย” ซุปตาร์สาวเอ่ยออกมาเสียงแข็งจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ สองหนุ่มบอดี้การ์ดเหลือบมองการกระทำของคุณชายใหญ่ผ่านกระจกก็อมยิ้มกลั้นขำ “นี่!! พี่ลู่ชิง ออกไปไกลๆฉันเลยนะ” เสียงหวานตวาดขึ้นมาขณะที่เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้างามของเธอ ‘อีตาบ้าเอ้ย ใจฉันสั่นหมดแล้ว’ หลินซูหนี่ว์คิดในใจก่อนที่จะหันไปมองเขาตาขวาง สองมือเรียวยกขึ้นชูระดับใบหน้าเป็นการบอกว่ายอมแพ้ “หึๆ” เสียงทุ้มหัวเราะออกมาจนหญิงสาวสะบัดใบหน้างามหนีมองไปข้างนอกหน้าต่างรถ สองหนุ่มสาวไม่คุยอะไรกันอีกจนรถตู้คันหรูเลี้ยวเข้าไปในอาณาเขตบ้านของตระกูลหลิน ซือลู่ชิงไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีกับคู่หมั้นคนสวย หากแต่เขาอยากที่จะเห็นหน้าเธอใกล้ๆได้มาส่งเธอให้ถึงบ้านก็เพียงเท่านั้น และทันทีที่รถจอดประตูเปิด ร่างระหงก็แทบจะปลิวลงจากรถ เสียงหัวเราะดังมาจากในลำคอของซือลู่ชิง สายตาคมมองตามร่างระหงที่เจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องผ่านมาเป็นสิบปีแต่เธอก็ยังไม่หายเคืองเขาสักที ซือลู่ชิงมองไปที่สองบอดี้การ์ด ตงหลงรู้ทันทีจึงขับรถออกจากบริเวณบ้านตระกูลหลินไป หลินซูหนี่ว์ยืนมองรถตู้ที่เพิ่งจะมาส่งเธอก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมา อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติเธอ ริมฝีปากผุดรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD