คุณพ่อโทรหาใคร… หัวใจฉันเต้นรัว เมื่อคุณพ่อเห็นว่าฉันมองสงสัย คุณพ่อก็ลุกขึ้น เดินไปที่ห้องทำงานแทน
เห็นแบบนั้นฉันก็รีบวิ่งไปถามคุณแม่ทันที
“คุณแม่ คุณพ่อจะทำอะไรซินน์ ไม่ส่งซินน์ไปอยู่ที่อื่นนะคะ นะคะ ซินน์ไม่ไปนะ ยังไงซินน์ก็ไม่ไป” คุณแม่มองฉันด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปนั่งถอนหายใจยาว ๆ ที่โซฟา
“ทำไมลูกถึงชอบเที่ยวซินน์ ไปได้ทุกวัน ลูกคิดว่าที่แอบ ๆ ไปคุณพ่อไม่รู้เหรอ บ้านเรามีกล้องวงจรปิดแทบทุกมุม”
“แต่หนูไปกับเพื่อนสนิททั้งนั้น ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายที่ไหนเลยนะคะ แต่ไปดริ้งค์และก็เต้น รีเล็กซ์ ๆ ไงคะคุณแม่ ฮือ ๆ คุณแม่ต้องช่วยซินน์นะ นะคะ”
คุณแม่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหันไปทางอื่น
“แม่ช่วยไม่ได้ เลิกขอร้องแม่เถอะ”
‘ครืน ครืน ครืน~’ ฉันกำลังจะเดินไปหาคุณแม่อีก แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อคุณแม่ยกมือปราม เพราะมีสายเข้า
“ว่าไงหวาน... โอ้ยแก ฉันสุดจะทนแล้ว ฉันพยายามแล้ว ที่เราคุย ๆ กันไว้ ฉันว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ อืม... คุณเซ็นคุยกับหมอนายอยู่ เดี๋ยวก็รักเองล่ะ เอาไปได้ไหม คุณเซ็นเครียดมาก จะว่าฉันใจร้ายก็เถอะ ยกให้ฟรี แถมที่ดินด้วย”
แม่ฉันพูดเรื่องอะไร? ขายที่เหรอ คุยกับฉันก่อนไม่ได้รึไง ฉันกลัวใจคุณพ่อเนี่ย!
“แกจะโขกสับยังไงก็เชิญ ใช่ไง... เย็นนี้เหรอ อืม ได้ เจอกัน”
คุณพ่อคุณแม่คงเสร็จธุระกับฉันแล้วมั้ง ฉันจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้อง หยิบกระเป๋า จะออกไปเจอเพื่อน ๆ ซะหน่อย
“ไม่ต้องไปไหน เย็นนี้นัดทานข้าวกับบ้านป้าหวาน” ป้าหวาน บ้านน้ำปั่น?
“อ้าวน้ำปั่นกลับจากอังกฤษแล้วเหรอคะ?”
“ไม่ แต่พี่ชายแฝดสองคนกลับมาแล้ว” แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่เห็นรู้จัก หน้าก็ไม่เคยเห็น เอ๊ะหรือเคย ฉันจำไม่ได้้ รู้แค่ว่าน้ำปั่นมีแฝดพี่ชายอีกสองคน
“คุณแม่ไปเถอะค่ะ ซินน์จะไปช้อปปิ้งกับไออุ่น”
“ไม่ได้!” คุณแม่รีบเดินมาขวางทางฉันทันที
“ซินน์ไม่รู้จักพวกเขานิคะ ไปก็นั่งเงียบ คุณแม่คุณพ่อก็คุยกับบ้านนั้นอย่างเดียว ไว้น้ำปั่นกลับจากอังกฤษ ซินน์ค่อยไปดีกว่าค่ะ”
คุณแม่เอามือนวดขมับตัวเองเบา ๆ
“ทำไมจะไม่รู้จัก เล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ ลืมแล้วเหรอ นาวา นาวินไงลูก… ที่ป้าหวานส่งไปเรียนอังกฤษตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วลูกก็ร้องไห้ตาม ขี้มูกโป่ง”
เอิ่ม… นาวา นาวิน...
คุ้น ๆ แต่นึกหน้าไม่ออก สรุปว่าไม่รู้จัก จำไม่ได้ลืมไปหมดแล้ว!
“ไม่ไปดีกว่าค่ะ ซินน์ไปก่อนนะคะ”
“ซินน์...” แล้วคุณพ่อก็เดินออกมาจากห้องทำงานพอดี!
“คะ… คุณพ่อ” ฉันพยายามยิ้มตอบคุณพ่อ แต่คุณพ่อกลับขมวดคิ้วใส่
“ที่พ่อพูดไม่ฟังใช่ไหม... ไปเตรียมตัว เธอจัดการลูกด้วย” คุณพ่อเอ็ดฉันเสร็จ ก็หันไปบอกคุณแม่
ฉันจึงเดินไปกอดคุณพ่อแทน…
“คุณพ่อคะ ซินน์ขอโทษค่ะ”
“ไปแต่งตัว...” แต่คุณพ่อกลับแกะมือฉันออก ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน แบบไร้เยื่อใย
ฉันจึงจำใจทำตามที่คุณพ่อสั่ง คุณแม่จับฉันแต่งตัวหวานมาก ใส่เดรสสีชมพูยาวเลยเข่า ใส่เครื่องเพชรเล็ก ๆ น่ารัก อย่างกับจะพาฉันไปออกงานสังคมยังไงอย่างงั้น
นี่แค่ไปทานข้าวกับบ้านป้าหวาน… ทำไมจัดเต็มจัง
“สวยมากเลยลูกสาวแม่ ป่ะ ๆ ไปโชว์คุณพ่อกัน คุณคะ คุณ…” แม่ดึงมือฉันเดินไปห้องทำงานคุณพ่อ ค่ะ เอาที่ท่านสองคนสบายใจแล้วกัน
“ซินน์… ถามคุณพ่อด้วยนะว่าซินน์สวยไหม” คุณแม่กระซิบฉันเบา ๆ แหม มีบทให้ฉันพูดด้วย ตายจริง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ พอคุณแม่เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นคุณพ่อนั่งอ่านหนังสืออยู่
จนคุณแม่สะกิดฉันให้พูด โอเค ทำตามบท พูดก็พูด
“คุณพ่อคะ ซินน์สวยไหมคะ” ฉันจับกระโปรงสีชมพูหวาน หมุนให้พ่อดู
“มาหาพ่อมา...” ฉันเดินไปใกล้ ๆ คุณพ่อ ที่นั่งมองฉันอยู่ คุณพ่อเรียกไปหาด้วย หายโกรธแล้วแน่ ๆ
“ไปเปลี่ยนชุดใหม่...” อ้าว! คุณแม่ได้ยินแบบนั้นก็กลอกตามองบนทันที
“อะไรของคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว หวงลูกมากเกินไป ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะ ดูสิตอนโตเสียคนไปหมด”
เสียคน! ฉันยังไม่ได้เสียคนนะ ฉันทำหน้าบึ้งใส่คุณแม่ แต่ไม่กล้าเถียง เพราะความผิดตัวเองดองเยอะไปหมด
จนคุณพ่อยอมใจอ่อน ลุกขึ้นถอนหายใจไปเปลี่ยนชุด คุณแม่ก็ด้วย จัดเต็มพอ ๆ กับฉัน... จริงจังขนาดนี้เลย?
ฉันได้แต่นั่งรอเงียบ ๆ อยากโทรไปเมาส์น้ำปั่น แต่น้ำปั่นคงนอนอยู่ เวลาห่างกันตั้งเจ็ดชั่วโมง เรียนเสริมวิชาชีพอะไรก็ไม่รู้ตั้งหกเดือน ฉันเหงาปากจะแย่แล้ว!
ฉันรอนานสองนาน จนพี่ชายฝาแฝดฉันเปิดประตูเดินหน้านิ่งเข้ามา
“ออกงานอะไรซินน์ แต่งตัวเวอร์” เห็นไหม ใครก็มองว่าเวอร์!
“ไปทานข้าวกับบ้านป้าหวาน พี่เวียร์ไปไหม ไปนะ ๆ ซินน์จะได้มีเพื่อนคุย” ฉันรีบลุกไปเกาะแขนพี่ชายฝาแฝดตัวเองทันที แต่หน้าพี่ฉันกลับบอกบุญไม่รับซะงั้น
“ไปเถอะ เหนื่อย” แกะมือฉันออก เปิดประตูเข้าห้อง แล้วปิดใส่หน้าฉัน!
เนี่ย! เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงออกไปเที่ยว อยู่บ้านก็ไม่เห็นมีใครอยากคุยกับฉันสักคน
ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ออกมาแล้ว เราไปกันสามคนจริง ๆ พี่ชายฉันเหนื่อยมาก ยังไงก็ไม่ยอมไป…
จนเรามาถึงภัตตาคารร้านนึง... คุณแม่เดินมาจับมือฉันแน่น ก่อนจะลูบผมฉันเบา ๆ จนฉันรู้สึกแปลกใจ
“แม่กับคุณพ่อหวังดีกับลูกนะซินน์…” ฉันมองคุณแม่งง ๆ สลับกับคุณพ่อที่ยืนเงียบ ไม่มองหน้าฉัน
“ทำไมเหรอคะ? มีอะไรรึเปล่า” คุณแม่ไม่ตอบ ยิ้มให้ฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินจับมือฉันเข้าไปในร้าน
เข้ามาถึงก็เห็นป้าหวาน คุณลุงนายนั่งอยู่ ฉันรีบยกมือไหว้ทันที จนหันไปเห็นผู้ชายสองคน... ผู้ชายคนนั้น… เอ๊ะ! ผู้ชายในผับ! นาวิน นาวิน... ใช่! ไอ้ผู้ชายคนนั้นคนที่ไทม์แนะนำให้รู้จัก เขาคือพี่ชายฝาแฝดน้ำปั่นเหรอ นี่อ่ะนะคนที่ฉันเล่นด้วยตอนเด็ก ๆ
เขาเองก็มองฉันตกใจเหมือนกัน ก่อนที่เราจะรีบหันไปทางอื่นทั้งคู่ เพราะเผลอสบตากันเข้า
“นั่งก่อน ๆ แหม ๆ ลูกสาวแกสวยเหมือนแกเลย” ป้าหวานยิ้มกว้าง ก่อนจะจับไม้จับมือฉัน ชมใหญ่
“ขอบคุณค่ะ ไม่ได้เจอป้าหวานตั้งนานเลย น้ำปั่นก็ด้วย คิดถึงมาก ๆ เลยค่ะ”
“น่ารักจริง ๆ นี่หนูซินน์ นาวา นาวิน พี่ชายแฝดน้ำปั่นจ้ะ หนูจำได้ไหมคะ... ตอนเด็ก ๆ เล่นด้วยกันไง แต่ป้าส่งสองหนุ่มไปเรียนก่อน ที่บ้านเราไม่มีธุรกิจร่วมกันเลยไม่ค่อยสนิทกัน ฉะนั้นเรามาดองกันดีกว่านะ ฮ่า ๆ”
ดอง? ฉันหันไปมองคุณแม่ คุณแม่ยิ้ม และบีบไหล่ฉันเบา ๆ คืออะไร ฉันกับนาวา นาวิน อะไรนั่น เรางง กันใหญ่ แล้วอีตานาวินก็มองมา พร้อมกับทำหน้าเซ็งใส่ฉัน
“คืออะไรเหรอคะคุณป้า... ดอง?”
“หนูซินน์ชอบคนไหน เลือกเลยจ้ะ” ฉันตกใจ จนรีบหันไปมองคุณพ่อคุณแม่ แต่พวกท่านกลับนั่งยิ้ม!
“หวานแกก็ตรงไป ฮ่า ๆ กินข้าวกันก่อนดีกว่า” ใครจะกินลง ฉันกินไม่ลงแล้ว ที่ป้าหวานพูดหมายความว่ายังไงเนี่ย? ดอง คือแต่งงาน แล้วให้เลือกใคร... สักคน
เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่การเล่นหม้อข้าวหม้อแกงนะ เราไม่ได้รักกัน ตอนเด็ก ๆ อาจจะรู้จักกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่สนิทเลย จำไม่ได้ด้วยซ้ำ...
ฉันนั่งเงียบ พูดไม่ออก ให้ผู้ใหญ่เขาทานอาหาร คุยกันเรื่องธุรกิจ โอ้ย... ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย! ฉันไม่อยากแต่งงาน ฉันอยากเลือกแฟนเอง! ถ้าบังคับให้ฉันแต่งงานนะ ฉันโกรธจริง ๆ ด้วย!