บทที่ 3 ผู้ชายคนนี้ชื่อทักษกร E.1

1130 Words
บริษัท เออาร์ คอนสตรักชัน จำกัด (มหาชน) ตึกสูงสี่สิบชั้นรูปทรงแปลกตาที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนรัชดาภิเษกไม่มีใครในบริเวณนั้นไม่รู้จัก เพราะ ตึกที่ว่าเป็นที่ตั้งของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท เออาร์ คอนสตรักชัน จำกัด (มหาชน) หรือที่คนในวงการรู้จักในนาม อริยะสัตย์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่เน้นหนักก่อสร้างแต่สิ่งใหญ่ๆ เท่านั้น ตามสโลแกนที่ว่า ‘สรรค์สร้างแต่สิ่งใหญ่ๆ ใส่ใจทุกสิ่งที่สร้างสรรค์’ ชื่อเสียงของเอกดนัย ผู้เป็นเจ้าของนั้น ในวงการก่อสร้างต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะตระกูลอริยะ สัตย์ประกอบธุรกิจก่อสร้างมายืนยาวนานหลายสิบปี ที่สำคัญยังยืนอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตที่บ่มเพาะสอนสั่งกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และในยุคของเอกดนัยดูเหมือนจะเจริญรุ่งเรืองและโดดเด่นถึงขีดสุด ทุกสิ่งอย่างที่นำไปสู่ความสำเร็จทั้งด้านฝีมือและชื่อเสียงมาจากมันสมองที่เฉลียวฉลาด ความคิดเฉียบคม ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งอยู่กับที่ รวมกับพื้นนิสัยที่ไม่ชอบเอาเปรียบใครและก็อย่าหวังว่าจะให้ใครมาเอาเปรียบได้ กล้าแข็งเมื่อถึงจุดที่ต้องแข็ง และพร้อมจะยืดหยุ่นเมื่อถึงเวลาต้องยอม คุณลักษณะเด่นของเอกดนัย ถ่ายทอดมายังบุตรชายทั้งสามคือ กฤตนัย นราวิชญ์ และทักษกร จน แทบจะหมดสิ้น แม้แต่บุตรสาวคนเดียวอย่างขวัญชีวาที่ไม่ได้ช่วยงานในบริษัทก็ยังได้รับจุดเด่นที่ว่ามาจนเต็มเปี่ยมเช่นกัน นอกจากนั้นบุตรชายแต่ละคนก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน บุตรชายคนโตคือกฤตนัยควบคุมงานทางด้านออกแบบก่อสร้าง ซึ่งสั่งสมประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่วนนราวิชญ์ซึ่งเป็นบุตรชายคนรองรับผิดชอบงานด้านวิศวกรรม ที่เจ้าตัวเรียนจบจากประเทศเยอรมณี ทักษกรบุตรชายคนสุดท้องเรียนจบบริหารธุรกิจมาจากประเทศอังกฤษ จึงรับผิดชอบดูแลทางด้านบริหารจัดการทั้งหมดของบริษัท และที่โดดเด่นไม่แพ้เรื่องงานของบุตรชายคนเล็กอย่างทักษกร คงเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตาที่เหนือกว่าพี่ชายทั้งสองอยู่บ้างบางส่วน อาจเป็นเพราะเจ้าตัวมีหน้าตาละม้ายไปทางขวัญชีวาน้องสาวคนเดียว จึงทำให้มีทั้งความสวยและความหล่อเหลาผสมผสานกัน กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน จนเป็นที่ต้องตาต้องใจของทั้งสตรีเพศและสตรีข้ามเพศรวมไปถึงเกย์กับกะเทย นอกจากบุตรชายแต่ละคนจะมากไปด้วยความสามารถ ตัวบุตรเขยอย่าง ฌอน เผิง ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่งอนาคตไกลลูกครึ่งไทย-ไต้หวันทายาทเจ้าของบริษัทผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของไต้หวันก็มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ส่งผลทำให้อนาจักรเออาร์ กรุ๊ป มีศักยภาพและยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม เจนจิรามองหญิงสาวสวยในชุดจัมป์สูทสีเขียวใบตอง ที่เดินถือแฟ้มเอกสารออกมาจากห้องทำงานของทักษกรผู้เป็นเจ้านายด้วยใบหน้าหงิกงอไม่สบอารมณ์ ทำเอาเลขานุการอย่างเธอต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะนับตั้งแต่เช้าหญิงสาวผู้นี้นับเป็นรายที่สี่แล้วที่เข้าไปในห้องเจ้านายของเธอแล้วออกมาด้วยท่าทางแบบที่เห็น เจ้านายให้เธอเฟ้นหาบริษัทออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุมเก่า ที่จะเปิดเป็นบริษัทรับรีโนเวท ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและลูกค้า ตัวแทนของบริษัทที่เธอติดต่อเข้ามาคุยงานกับเจ้านายล้วนแล้วแต่มากด้วยฝีมือและมีชื่อเสียงแทบทั้งสิ้น แต่...ดูเหมือนจะไม่ถูกอกถูกใจคนเป็นเจ้านายเลยสักราย “แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงมือทำล่ะเนี่ย” คนเป็นเลขาฯ บ่นพึมพำแล้วส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อไป เสียงอินเทอร์โฟนบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงขุ่นๆ ของคนในความคิดราวกับรู้ว่ากำลังถูกเธอนินทาอยู่ “เจตน์ เข้ามาหาฉันหน่อย” คนถูกเรียกว่าเจตน์แทบจะร้องกรี๊ดออกมา ทั้งนึกก่นด่าคนเรียกอยู่ภายในใจ บอกให้เรียกว่าจีจี้ให้ติดปากจะได้เคยชินก็ไม่เคยทำตามคำขอร้องของเธอเลยสักครั้ง เรียกเจตน์อยู่ได้ฟังแล้วขนหัวลุกทุกที แม้ในใจจะนึกก่นด่าแต่ก็คว้าสมุดและแฟ้มงานเดินเข้าไปในห้องของคนเป็นเจ้านายโดยเร็ว เพราะฟังจากเสียงแล้วน่าจะอารมณ์ไม่ดีนัก ครั้นเข้าไปในห้องเจนจิราก็รู้ว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้องเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเห็นดวงหน้าที่แม้จะหล่อเหลาของเจ้านายแต่แฝงความหงุดหงิดงุ่นง่านเอาไว้จนเต็มเปี่ยม “ว่าไงคะบอส ไม่คิดจะถูกใจใครเลยสักคนหรือคะ” “ถูกใจ?” คนเป็นเจ้านายย้อนถามน้ำเสียงขุ่น “ฉันไม่ได้ให้แกหาบริษัทเพื่อเลือกตัวแทนที่จะมาเป็น แฟนฉันนะไอ้เจตน์” คนถูกเรียกไอ้เจตน์เม้มปากแน่นแล้วหันไปมองประตู เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ลืมล็อกก็เท้าเอวแผดเสียงดังลั่นใส่คนเป็นเจ้านาย กระทั่งลืมแอ๊บท่าทางของผู้หญิงที่ทำจนเคยชิน ทั้งยังลืมไปว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้านายผู้ให้เงินเดือนตัวเอง “ไอ้คุณบอส ฉันบอกแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกเจตน์ให้เรียกจีจี้ ตอนนี้ฉันไม่ได้ชื่อสมเจตน์แต่ชื่อเจนจิราแล้วโว้ย เข้าใจไหม” คำว่า ‘ไอ้คุณบอส’ ที่ถูกเรียกทำให้ทักษกรซึ่งกำลังตกอยู่ในอาการหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ จากบรรดาหญิงสาวตัวแทนจากบริษัทต่างๆ ที่เขาแทบจะไล่ออกไปตั้งแต่เห็นครั้งแรก ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดขันเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของตัวเองไม่ได้ “ฉันไม่ชินและไม่พร้อมจะชินกับชื่อของแกไอ้เจตน์” “ไม่ใช่เรื่องชินหรือไม่พร้อม แต่แกไม่ยอมเรียกเองไอ้กร” จากคำว่าไอ้คุณบอสตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อเล่น โดยไม่หวั่นว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงเจ้านายเลย แม้แต่น้อย แสดงถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ที่มีต่อกันก่อนเจ้าของร่างระหงจะทรุดลงนั่งด้วยท่าทีกระแทกกระทั้น “ชื่อสมเจตน์ก็ดีอยู่แล้ว เดาะเปลี่ยนเป็นเจนจิรา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD