ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 4
หลังจากที่นอนตื่นสาย ๆ ในหลายวันติด ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ชาร์ตพลังร่างกายได้เกือบเต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ การได้นอนหลับเต็มอิ่ม ได้กินชาเย็นหวาน ๆ ได้กินเค้กหอม ๆ มันมีความสุขมากจริง ๆ คล้ายกับสิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายในการตื่นนอนในแต่ละวันเลยก็ว่าได้
แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกออกจากที่นอนเพื่ออาบน้ำแล้วไปนั่งกินเค้กและชาเย็นที่ฉันชอบ โทรศัพท์เจ้ากรรมดันมีคนโทรเข้ามาเสียก่อน
“ว่าไงลิ” เอ่ยทักทายสายที่โทรเข้ามาในช่วงเวลาแบบนี้ ซึ่งคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครอื่น มะลิเพื่อนสนิทของฉันนั่นเอง กะเวลาโทรถูกมาก
(เที่ยงเจอกันที่คาเฟ่xx พี่สาวฉันหาพี่เลี้ยงเด็กให้ลูกเจ้านาย เผื่อแกสนใจ) มะลิรีบเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่มีความตื่นเต้นปนอยู่อย่างชัดเจน
“อา ที่เคยบอกว่าพี่เขาหาคน อยู่น่ะเหรอ” ทวนถามอีกครั้ง ก็พอจะนึกขึ้นได้อยู่เหมือนกัน เพราะสัปดาห์ที่แล้วเพื่อนฉันก็เปรย ๆ อยู่ว่าพี่สาวเครียดมากเพราะหายังหาคนมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ลูกเจ้านายไม่ได้
(ใช่ ๆ ถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร แต่อยากชวนมากินข้าวด้วยกันเฉย ๆ)
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันออกไป เจอกันที่ร้านเลยนะ”
(ได้ ๆ เจอกัน)
นัดแนะเวลากับเพื่อนเสร็จก็รีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเตรียมออกไปเจอเพื่อนตามที่ได้นัดกันไว้ และแน่นอนว่าหลังจากส่งงานชิ้นล่าสุดฉันก็ยังไม่มีแผนที่จะรับงานเพิ่ม อยากจะสักพักสองถึงสามเดือนเสียก่อน เพราะฉันรู้สึกเบื่อ เอ๊ะ หรือจะเหนื่อยก็ไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละฉันอยากพักจริง ๆ
“สวัสดีค่ะ” เมื่อมาถึงร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่เพื่อนได้นัดไว้ ฉันไม่ได้สนใจเดินหาเพื่อนแต่เลือกที่จะเดินมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์ร้านเพื่อที่จะสั่งเครื่องดื่มเป็นอย่างแรก
“สวัสดีค่ะ ลูกค้ารับอะไรดีคะ?” พนักงานถามกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร
“เอาชาเย็นหวานหนึ่งร้อยค่ะ แล้วก็เค้กเวลเวทและชีทเค้กอย่างละหนึ่งชิ้นกินที่ร้านค่ะ”
“ได้ค่ะ คุณลูกค้าชำระเงินเลยไหมคะ?”
“ค่ะจ่ายเลยค่ะ”
เพราะรีบออกจากบ้านทำให้ฉันยังไม่ได้กินเค้ก ตอนนี้นี่แหละที่เหมาะจะเป็นเวลากินชาเย็นและเค้กของฉัน ส่วนมื้อเที่ยงก็ค่อยว่ากันอีกที จัดการจ่ายค่าเครื่องดื่มเสร็จถึงได้เดินหาโต๊ะนั่งยังไม่ทันจะได้หันไปมองทางอื่นก็เห็นว่ามะลิกำลังโบกมือให้ฉันอยู่ จึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อน
“มานานหรือยัง?” มะลิเอ่ยถามเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้และนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“เพิ่งมา ยังรอกาแฟอยู่เลย”
“ฉันก็ไปสั่งชาเย็นมาแล้วเหมือนกัน ไม่ไหวร้อนมาก”
“จริง เดี๋ยวพี่ฉันก็มาเราสั่งอาหารกันก่อนเลยเดี๋ยวเที่ยงแล้วคนจะเยอะ” มะลิบอกมาแบบนั้นเราจึงเรียกพนักงานเข้ามาสั่งอาหารที่จะกินด้วยกัน ที่นี่ไม่มีอาหารไทยให้เลยมีแต่พาสต้า สเต๊ก อะไรทำนองนั้น งั้นวันนี้ก็กินสเต๊กแล้วกันหิวมากไม่ไหวเลยอะ หรือเป็นเพราะเมื่อวานกินน้อยวันนี้เลยหิวจัด
“ถามจริง หิวมากเลยเหรอ?” มะลิทวนถามด้วยใบหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าฉันสั่งอาหารเซตไหนให้ตัวเอง
“หิวจริงลิ ตาลายมาก”
“อะ ๆ งั้นก็กินเค้กรองท้องไปก่อนเดี๋ยวอาหารก็มา” มะลิไม่ได้ขัด มือเลื่อนจานเค้กมาให้ฉันตรงหน้า ฉันตักเค้กกินเรื่อย ๆ ระหว่างที่รออาหาร สักพักอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟพร้อมกับญาติของมะลิที่เดินเข้ามาใกล้เรา ฉันยกมือไหว้ทักทายคนมาใหม่ทันทีและพี่เขาก็รับไหว้พร้อมกับรอยยิ้มใจดี
“น้องอ้ายใช่ไหม”
“ใช่ค่ะพี่” เอ่ยตอบคนมาใหม่
“สวัสดีนะพี่ชื่อมินตรานะ เรียกพี่มินเฉย ๆ ก็ได้”
“สวัสดีค่ะพี่มินตรา” ฉันทักทายอีกฝ่ายกลับไป
“เอาละ ๆ ค่อยคุยกันต่อ กินก่อนเถอะอาหารจะเย็นเสียก่อน” มะลิเตือนพร้อมกับชวนฉันให้เรากินข้าวกันก่อนและค่อยพูดคุยธุระที่ทำให้เราต้องมาเจอกันในวันนี้ อาหารจานใหญ่ที่สั่งมาถูกฉันกินจนหมดทุกอย่างกินข้าวเสร็จก็สั่งเค้กมากินอีกหนึ่งชิ้นระหว่างนั่งคุยรายละเอียดงานที่พี่มินตราต้องการ คนนอกคงจะตกใจที่ฉันกินเยอะแบบนี้ แต่ว่าฉันน่ะกินได้นะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่กินได้จริง ๆ และฉันเชื่อว่ายังมีคนที่กินได้เยอะ ๆ แบบนี้แต่คุณยังไม่เคยเจอ พอเจอหรือรู้จักก็มักจะตกใจนั่นแหละ
“พอดีว่าเจ้านายพี่อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก แล้วทีนี้ไม่ว่ากี่คนก็อยู่ได้ไม่นานตอนนี้เจ้านายก็ยุ่งไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกเลยต้องหาพี่เลี้ยงเด็กแบบเร่งด่วน” พี่มินตราเล่า มือก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่มสลับกับเล่าด้วยความเหนื่อยใจ
“เด็กมากเลยเหรอคะพี่” ฉันทวนถามด้วยความสงสัย
“คุณหนูเจ็ดขวบแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่ใช่เจ้านายก็ไม่เอาใครเลย พี่เลี้ยงคนอื่น ๆ อยู่ได้นานสุดสองสัปดาห์”
“อ่า แล้วแบบนี้หนูจะทำได้เหรอคะ?” ถ้าเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยแบบนี้ฉันว่าคงฤทธิ์เยอะอยู่ไม่น้อยนะ
“ลองทำให้พี่ก่อนได้ไหม ลิบอกว่าช่วงนี้เราเบื่อ ๆ ด้วยนี่นา” พี่มินตรามองฉันอย่างมีความหวังอยู่ไม่น้อย แต่ว่านะ ฉันน่ะเคยทำพาร์ทไทม์เลี้ยงเด็กก็จริงแต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าฉันจะเข้ากับเด็กได้ทุกคนนะ
“เอาไว้ให้อ้ายตัดสินใจก่อนก็ได้ พรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้พี่ขอคำตอบนะน้องอ้าย” พี่มินมองฉันอย่างขอความเห็นใจ แต่ก็นับว่าดีที่ไม่ได้มีท่าทีบังคับให้ฉันทำตามใจในสิ่งที่พี่เขาต้องการ
“เร็วเกินไปไหมพี่มิน” มะลิที่เงียบฟังอยู่นานอุทานด้วยความตกใจเมื่อญาติตัวเองบอกว่าขอคำตอบในวันพรุ่งนี้
“มันเร่งด่วนจริง ๆ ที่จริง น้องน่าสงสารนะ เจ้านายพี่น่ะเลี้ยงคุณหนูมาคนเดียวตั้งแต่เกิด พี่เลี้ยงคนก่อน ๆ ก็ทำไม่ดีกับน้องจนน้องกลัวและไม่กล้าเปิดใจให้คนรอบข้าง”
“...”
“น้องค่อนข้างเก็บตัวเลยล่ะกับคนที่ไม่สนิท เพราะกลัวว่าคนรอบข้างจะพูดไม่ดีใส่เหมือนพี่เลี้ยงคนก่อน ๆ เคยทำ”
“...”
“เด็กที่ควรสดใสทำไมต้องหม่นหมองเพราะคำพูดไม่ดีของผู้ใหญ่ก็ไม่รู้นะ”
ฮื่อ พูดแบบนี้จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันน่ะยิ่งเป็นคนขี้สงสารอยู่ด้วยยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งไม่สบายใจ พี่มินตราก็เล่าถึงเด็กน้อยคนนั้นอย่างปลงตก มะลิยิ้มกริ่มบาง ๆ คงจะรู้ว่าฉันแพ้ทางแบบนี้
“พี่มิน...”
“ค่ะ ว่าไง” พี่มินตรามองหน้าฉันราวกับว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเล่ามานั้นมีผลต่อความรู้สึกฉันมากขนาดไหน
“เรื่องพี่เลี้ยงเด็ก ถ้าตกลงหนูต้องทำอะไรบ้างคะ”
“จริงเหรอคะ?” พี่มินตราถามย้ำอย่างดีใจ ดวงตานั้นเปล่งประกายไม่น้อย
“จริงค่ะ”
“ฮื่อ! พี่ดีใจมาก ๆ เลย ถ้าหนูสนใจส่งเอกสารมาให้พี่ได้เลยเดี๋ยวพี่กรอกรายละเอียดให้เอง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวกลับบ้านหนูจะส่งให้ในเมล์นะคะ”
“ได้เลย พี่ดีใจมาก สั่งเค้กอีกไหม กินขนมอีกหรือเปล่า” พี่มินตราถามทั้งยังยกมือเรียกพนักงานมาสั่งขนมให้ฉันเพิ่มเติม เราคุยรายละเอียดงานกันอีกเล็กน้อยก่อนที่พี่มินตราจะขอตัวกลับไปทำงานในช่วงบ่าย ที่โต๊ะเลยเหลือเพียงฉันและมะลิ
“หึ แพ้ทางราบคาบเลย” มะลิเอ่ยแซว
“แพ้เลย ไม่ไหว สงสารอะ”
“แกทำได้อยู่แล้วน่า อย่าทำหน้ากังวลแบบนั้น ถือเสียว่าทำงานอดิเรกแล้วกัน” มะลิปลอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย ราวกับว่าเราไม่ได้เจอกันนานนับปี ทั้งที่ความเป็นจริงเจอกันแทบจะทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้
“ถือว่าทำอะไรรองานแปลแล้วกัน” บอกกับเพื่อนอย่างไม่คิดอะไรมาก
“แต่ถ้าไม่ไหวหรือไม่อยากทำแล้วก็บอกพี่มินเลยนะ ห้ามฝืนเข้าใจไหม?” มะลิเอ่ยถามเมื่อรู้จักนิสัยฉันเป็นอย่างดี
“โอเค เดี๋ยวลองทำดูก่อน”
“แกนี่ก็แปลก ไม่ใช่จะจนหรือต้องดิ้นรนหาเงินแต่ดันรับทำงานทุกอย่าง แปลกดี” มะลิหัวเราะเบา ๆ ยามได้เอ่ยแซวฉัน
“แต่ใช้เงินตัวเองมันมีความสุขมากกว่าจริง ๆ นะ”
“เชื่อ เพราะฉันก็เป็น” เราสองคนนั่งคุยกันนานกระทั่งเกือบบ่ายสอง ถึงได้แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน มะลิเองก็จะกลับบ้านเพื่อนบอกว่าตอนเย็นจะไปบ้านแฟน ส่วนฉัน ไม่มีแฟนจะกลับบ้านไปนอนดูทีวีพักยาว ๆ ก่อนเริ่มงานใหม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่คิดว่าคงจะไหวอยู่นั่นแหละ
=======
ยัยมะลิกับพี่มินตราคือเชียร์สุดใจจริงๆ
อยากแจ้งนักอ่านทุกคนนะคะว่า เรื่องนี้จะค่อยๆเป้นค่อยๆไป ไม่หวือหวาเลยค่ะ
ส่วน *****คที่กำลังทำจะมีตอนพิเศษ 4 ตอน เป็นของใครเมื่อใกล้ถึงวันจะมาสปอยด์นะคะ อยากเปิดตัวหนุ่มๆให้ครบทุกคนก่อนค่ะ
^_^
อ้อมกอดจากทุกคนเมื่อวานทำให้เราเขียนงานได้เพิ่มอีกตั้ง 3000 คำเลยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
อยากอ่านอีกตอนก็คอมเมนต์ไว้เลยนะคะ เผื่อใจอ่อนอัพอีกตอน คิกคิก