ตอนที่ 1 วันแห่งความปรารถนา 1/2

1287 Words
ในช่วงเช้ามืดของวันๆหนึ่งที่หนาวเย็นฉันนั้นกำลังขับรถมอเตอร์ไซด์วิบากสีเงินที่เนตราได้มอบให้ลงไปทางใต้ ผ่านเส้นทางลักลอบของเถื่อนด้วยความยากลำบาก จากเส้นทางที่ปราศจากการดูแลรักษา และฉันนั้นก็ยังต้องคอยระวังไม่ให้ถูกคนขององค์กรโครนอสจับได้ เนื่องจากในตอนที่เนตรามอบรถคันนี้พร้อมกับบาโยเน็ตต้าเกียร์ให้นั้น เขาก็ได้บอกกับฉันว่าในตอนนี้โครนอสนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คา'เมา ข่านและเหล่าผู้ติดตามของมันนั้นไว้ใจไม่ได้ เดินทางลงใต้ไป หวังว่าเราจะได้เจอกันที่วาฬา นำบาโยเน็ตจ้าเกียร์ไปมอบให้กับคุรุรุกิ ชิน เขาเป็นแค่คนเดียวในโครนอสที่ไว้ใจได้ในตอนนี้ โดยในตอนที่ฉันเดินทางมาถึงยังย่านปาล์ม ชุมชนขนาดกลางภายในจังหวัดนครสวรรค์นั้น ฉันก็ได้ไปช่วยเหลือนักศึกษาสามคนเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งทั้งสามคนนั้นก็ได้เล่าว่าพวกเขานั้นกำลังออกเดินทางไปทั่วทั้งประเทศในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อเขียนหนังสือการเดินของพวกเขา ฉันได้ตามหากระเป๋าสัมภาระของเขาที่เพ้นท์ให้เป็นของขวัญเมื่อห้าปีก่อนไปทั่วทั้งปาล์มนับตั้งแต่วันที่มันหายไปมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ฉันไม่ขอเสียเวลาไปกับการรอคอยการติดต่อกลับมาของตำรวจหรอก เพราะว่ามันมีสิ่งสำคัญอยู่ภายในนั้น ณ สุดปลายสายรุ้ง ตอนที่ 1 วันแห่งความปรารถนา ณ ศูนย์วิจัยโครนอส สาขา วาฬา วันที่ 3 มีนาคม 2038 นี่เป็นการเจาะระบบของเฟทไซเดอร์เส้นที่ 1 ครั้งที่ 54 หลังจากที่ล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าพวกเราจะพยายามมากสักแค่ไหนมันก็ไม่เคยไปอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่ามันคือความคืบหน้าในความพยายาม ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมท่านลอร์ดคา'เมา ข่านถึงไว้ใจให้พวกเรารับหน้าที่นี้ แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากที่จะปฏิเสธหรอก โดยในตอนที่พวกเราสามารถไขรหัสของบาโยเน็ตต้าเกียร์มาได้ราวๆ 1 บรรทัดเศษๆนั้น ก็ได้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไฟฟ้าทั่วทั้งอาคารพร้อมใจกันดับลงอย่างฉับพลัน ฉันรู้ได้ในทันทีว่ามันเป็นความสามารถของโซนอยด์ จากการที่ฉันสังเกตเห็นว่าภายในห้องนั้นมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีโซนอยด์เข้ามาใช้พลังในศูนย์วิจัยโดยไม่มีการบอกกล่าว โดยในตอนที่ความสงสัยกำลังลั่นเข้ามาไม่หยุด ความสงสัยมันก็ได้ดีมากขึ้นไปจนขีดสุดเมื่อฉันได้รับรู้ว่าโซนอยด์ที่เข้ามานั้นคือ 1 ในขุนพลเทพลำดับที่ 13 แพทริค เนตรา เขาได้เข้าเข่นฆ่าพวกเราที่ละคนอย่างง่ายดายจากพลังของเขาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม ฉันทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น.. และสุดท้ายมันก็ได้จบลงด้วยความมืดมิดที่เจ็บปวดเจียนตาย โดยภาพสุดท้ายที่ได้เห็นนั้นก็คือภาพของโซลอร์ดขนาดใหญ่ที่เป็นส่วนผสมระหว่างมนุษย์กับกวาง "ท่านทำแบบนี้ทำไม?" ในขณะนี้เป็นช่วงเที่ยงของวัน ในขณะที่ฉันนั้นกำลังจะเดินทางออกจากปาล์มนั้นฉันก็ได้ถูกเจ้าเด็กทั้งสามคนก่อนหน้านี้เข้ามาตอแย พลางบอกว่าอยากจะขอบคุณที่ฉันเคยช่วยพวกเขาเอาไว้ ซึ่งฉันนั้นก็พยายามแล้วที่จะบอกให้พวกเขาไปไกลๆด้วยการบอกว่ามันเป็นสิ่งที่จะต้องทำอยู่เมื่อเห็นคนเดือดร้อน แต่อย่างที่บอกไปเจ้าพวกนี้มันไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันสักที ฉันได้รีบแยกตัวออกมาและขับรถมาร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งเพื่อพักผ่อนจากการเดินทางและกินข้าวเที่ยง ฉันได้เข้ามาพักกินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง โดยในตอนที่ฉันเข้ามาภายในร้านนั้นฉันก็ได้พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าคุ้นๆเหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน ในตอนกำลังรออาหารที่สั่งไปนั้นก็ได้มีเด็กสามคนเดินเข้ามาในร้านพุ่งตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนว่าไอ้พวกนี้มันจะน่ารำคาญเอามากๆที่ทำให้เธอคนนั้นถึงกับรีบกินและรีบออกไปจากร้านในทันที ซึ่งไอ้เด็กพวกนั้นก็ได้รีบวิ่งตามเธอไปในทันที ฉันที่มองตามไปก็ได้เห็นว่าเธอคนนั้นมีกระเป๋าสัมภาระของฉันอยู่ พอจะตามไปฉันก็ได้ถูกพนักงานรั้งเอาไว้ก่อนที่จะบอกให้ฉันจ่ายค่าอาหารก่อนที่จะไป ในตอนที่ฉันจอดรถเพื่อชมวิวที่สวยงามแปลกแตกต่างไปจากที่เคยเห็นมาในปาล์มนั้นฉันก็ได้ถูกไอ้เจ้าเด็กทั้งสามคนตามมา เจ้าพวกนี้ชักจะทำให้ฉันหมดความอดทนจริงๆซะแล้วสิ "ทำไมพวกเธอถึงยังตามฉันมาอีกหละ ไม่มีอย่างอื่นให้ไปทำหรือยังไง? "ป่าวหรอก พวกเราก็แค่อยากที่จะเลี้ยงข้าวขอบคุณพี่ก็เท่านั้นเอง" "แน่ใจนะว่ามันมีแค่นั้นน่ะ?" "แน่นอนครับ" "ก็ได้ แต่หลังจากที่เสร็จธุระกันแล้วก็อย่ามายุ่งกับฉันอีกหละ" "ขอบคุณมากๆครับ" หลังจากที่ฉันกับเจ้าพวกนี้ตกลงกันได้นั้นฉันก็ได้ถูกเจ้าทั้งสามคนนี้พาไปเที่ยวเล่นตามที่ต่างๆจนฉันรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้กำลังรออะไรบางอย่างนั่นแหละ โดยในระหว่างที่ฉันกำลังถ่ายรูปอยู่กับเจ้าเด็กคนหนึ่งตามคำขอร้องที่น่ารำคาญ อีกสองคนก็ได้ชวนกันไปเข้าห้อง ในเวลาเดียวกันนี้หลังจากหนึ่งในคนที่ไปเข้าห้องน้ำทำธุระอะไรเสร็จแล้วในขณะที่กำลังจะเดินกลับนั้นเขาก็ได้เห็นว่าเพื่อนที่มาด้วยกันนั้นไม่อยู่แล้ว โดยในจังหวะที่กำลังเดินกลับด้วยความงงงวยนั้นเขาก็ได้ถูกโซนอยด์ตนหนึ่งที่มีรูปร่างคลายกับมนุษย์เงือกที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ส่งหนวดเข้ามารัดตัวก่อนที่จะดึงขึ้นไปกินและทิ้งลงมาจากที่สูงแล้วจึงบินหายไป เด็กหนุ่มได้ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแรงก่อนที่จะเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆกับพลอย แต่ก็ต้องมาหมดสติและล้มลงตรงกอหญ้าใกล้ๆกับที่จดรถ ฉันสงสัยว่าไอ้เจ้าเด็กที่ไปเข้าห้องน้ำมันหายไปไหน พอถามคนที่ไปด้วยมันก็บอกแค่ว่าไม่ต้องห่วงไปหรอกเดียวมันก็จะกลับมาเอง ฉันรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้ไม่คอยที่จะเป็นห่วงกันสักเท่าไหร่นัก โดยในจังหวะที่จะเดินออกมาหนึ่งในทั้งสองคนที่อยู่ก็ได้รีบหันมาถามฉันในทันทีว่าจะไปไหน ราวกับว่ามันกลัวว่าฉันจะหนีไปอะไรอย่างงั้น แปลกใจจังนะที่มันห่วงเรื่องของฉันมากว่าเพื่อนของตัวเอง ซึ่งฉันก็ได้ตอบกลับไปสั้นๆ "ห้องน้ำ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD