บท 3 ความผิดที่ซ่อนไว้ (1)

1878 Words
เวลา 09.00 น. @ห้องพักโรงแรมในตัวเมืองภูเก็ต “เชี๊ย ปวดหัวชิบ” นาวาอากาศตรีชนกันต์สบถออกมาหลังจากตื่นนอนตอนเช้าของวันใหม่ หลังจากที่ตั้งสติตัวเองได้แล้ว ผู้พันหนุ่มก็เริ่มมองรอบๆ ตัวพร้อมกับพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ภาพการร่วมรักระหว่างตนเองกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างร้อนแรงเริ่มฉายเข้ามาในหัว มีคำถามที่เกิดขึ้นมาในหัวตอนนี้คือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเขาไม่คิดว่าตัวเองจะขาดสติมีอะไรกับผู้หญิงที่พบกันครั้งแรก อีกทั้งยังไม่ป้องกันด้วย ตั้งแต่ที่เขาตกลงคบหากับปรียาดาเรื่องพวกนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย แม้อาจจะเคยมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกินเลยความสัมพันธ์ลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอย่างมากสุดก็แค่โอบกอด ลูบคลำเท่านั้น “กูทำอะไรลงไปวะเนี๊ย” ผู้พันหนุ่มเอามือขยี้ผมตัวเองพร้อมกับก่นด่าตัวเองในใจที่ได้เกิดความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ คนรัก แถมผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ด้วยก็ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ครืด ครืด (เสียงสั่นมือถือผู้พันกานต์) Tuul Calling… (ตื่นหรือยังครับผู้พัน เมื่อคืนท่านกลับโรงแรมก่อนพวกผมอีกนะครับ หรือว่าเมื่อคืนกลับแต่ไปโรงแรมอื่นครับ ถึงยังไม่ลงมาห้องอาหารเสียที หึหึ) น้ำเสียงปลายสายเอ่ยถามกึ่งล้อเลียนรวมกับเสียงหัวเราะของอีกหลายคนที่เข้ามาให้โทรศัพท์ “เพิ่งตื่น มึงมีอะไร” ผู้พันหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวเล็กน้อยกับปัญหาที่เจอ (กูน่ะไม่มีอะไรหรอก แต่อาหารเช้าของโรงแรมจะวายแล้ว มึงจะลงมาแดกมั้ย เพื่อนๆ ถามหามึงกันด้วย กลัวว่าจะถูกสาวที่ไหนหิ้วไปหรือเปล่าถึงยังไม่โผล่จนป่านนี้) คำพูดสะกิดใจของเพื่อนรักทำเอาผู้นำหนุ่มถึงกับกัดฟันกรอดอย่างนึกโมโหตัวเอง (เฮ้ย เป็นไรรึเปล่าวะมึง ให้กูขึ้นไปหามั้ย) “ไม่ได้เป็นไร อีกสิบนาทีเดี๋ยวกูลงไป” พอพูดผู้พันหนุ่มก็ทำการจบก็กดตัดสายทันที “ไปไหนแล้ววะ” พอนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้ก็ทำการมองหาทันที ก่อนจะลุกออกจากเตียง สายตาของผู้พันก็เหลือบไปเห็น รอยคราบเลือด ที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเด่นชัด “นี่กูรุนแรงจนได้เลือดเลยเหรอ” ยิ่งเห็นสิ่งที่เด่นชัดบนผ้าปูที่นอน ทำให้เขาต้องหาว่าอีกคนนั้นตอนนี้อยู่มุมไหนของห้องนี้ “ไปแล้วเหรอ โดนขนาดนั้นยังไปไหวอีก ไม่อยู่ก็ดี ถือว่าวันไนต์สแตนด์แล้วกัน” หลังจากที่เดินหาหญิงสาวเจ้าของเลือดที่ติดบนผ้าปูที่นอนทุกซอกทุกมุมจนหาไม่เจอ ผู้พันหนุ่มก็เลิกคิดเรื่องนี้พร้อมกับจัดการตัวเองเพื่อลงไปยังห้องอาหารของโรงแรม เวลาต่อมา @ห้องอาหารโรงแรม “สวัสดีค่ะคุณกานต์” เหล่าสาวๆ พนักงานต้อนรับยกมือไหว้ลูกเจ้าของโรงแรมอย่างพร้อมเพรียง แม้ว่าชนกันต์จะมียศทางทหารเป็นถึงผู้พันแต่ว่าเหล่าพนักงานทั้งหมดก็ยังคงเรียกแทนตัวของผู้พันหนุ่มว่า คุณ แทนคำว่า คุณหนู ที่เคยถูกเรียกเมื่อสมัยวัยเด็ก “อืมม ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย” “เรียบร้อยดีค่ะ คุณกานต์ต้องการอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษมั้ยคะ” “ไม่ล่ะ ผมทานเหมือนเพื่อนๆ นั่นล่ะ ขอตัวก่อนนะ” ผู้พันหนุ่มกล่าวทักทายพนักงานต้อนรับเสร็จก็มุ่งหน้าเข้าห้องอาหารทันที “คุณหนูกานต์ ทางนี้ครับผม” นาวาอากาศตรีภาณุภัทท์ยกมือขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนเรียกผู้ที่เข้ามาใหม่ที่มองหากลุ่มโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ “ไอ้ณุ!! เรียกแบบนี้ เดี๋ยวคุณหนูกานต์ก็เรียกคนมากระทืบมึงหรอก” นาวาอากาศตรีรัชศักดิ์ทำทีพูดเตือนเพื่อนแต่แท้จริงแล้วกำลังรวมหัวกันล้อเลียนคนที่กำลังเดินเข้ามา ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ไม่มีใครพูดอะไรแต่พากันหัวเราะกับสรรพนามเรียกของอีกฝ่าย “ทำไรอยู่วะ กว่าจะเสด็จลงมาได้” นาวาอากาศตรีตุลธรเอ่ยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งลงทันทีอย่างอยากรู้ “เพิ่งตื่น” นาวาอากาศตรีชนกันต์ตอบกลับเพื่อนไปเพียงสั้นๆแล้วเบือนหน้าหันไปมองยังฝั่งโซนอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้อย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับอาการผิดปกติของเขาได้ “ขอไปหาไรกินก่อนนะ” พูดจบผู้พันหนุ่มก็ไม่รอให้เพื่อนๆ ได้พูดอะไร เขารีบลุกออกไปจากโต๊ะทันที “พวกมึงว่ามันแปลกๆ ปะวะ” นาวาอากาศตรีศตคุณ(สะ-ตะ-คุน) นั่งสังเกตอาการของเพื่อนที่ดูแปลกๆ อยู่ตลอดการสนทนาในกลุ่มจึงเอ่ยขึ้นถามในกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ “กูก็ว่าไอ้กานต์มันดูแปลกๆ อย่างที่ไอ้คุณว่านั่นแหละ” ผู้พันตุลย์พูดเสริมในขณะที่มองอาการของคนที่กำลังพูดถึงอยู่ “ที่มันหนีกลับก่อน มันแอบไปซั่มหญิงมาแน่ๆ” นาวาอากาศตรีหิรัญกฤษฎิ์(หะ-ริด-กริด) เอ่ยอย่างคาดเดาจนทำให้เพื่อนๆ ที่เหลือหันมามองทางเขาเป็นสายตาเดียวกัน “กูแค่เดา อย่ามองเหมือนกูเป็นผู้ร้ายกันได้มั้ยวะ พวกมึงเนี๊ย” ผู้พันฤทธิ์พูดต่อเมื่อเห็นสายตาเพื่อนๆ มองมาที่เขาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร “มันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก มันออกจะรัก น้องดา ของมันจะตาย” ผู้พันตุลย์บอกกับเพื่อนๆ ที่เริ่มมีสีหน้าสงสัยตามคำพูดของผู้พันฤทธิ์ “เออ กูสงสัย ทำไมรอบนี้มันไม่พาน้องดาของมันมาด้วยวะ ปกติแม่งตัวติดกันตลอด” ผู้พันณุเอ่ยถามผู้พันตุลย์อย่างสงสัยและอยากรู้ “เห็นมันบอกว่าน้องดาของมันขึ้นเวรหมอเต็มตัวแล้ว พามาด้วยไม่ได้” ผู้พันตุลย์ที่เป็นเพื่อนที่สนิทผู้พันกานต์มากที่สุดเป็นคนตอบคำถามนี้แทนเพื่อน “อ้าว เรียนจบแล้วเหรอวะ ยังเห็นมันพามาเจอพวกเราทีไรยังใส่ชุดนักศึกษาแพทย์อยู่เลย” ผู้พันคุณเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เจอแฟนของเพื่อนคนที่พูดถึงบ่อยมาก “มันคบมาหกปีแล้วนะมึง” ผู้พันตุลย์ตอบกลับอีกฝ่ายทันที “ปีนี้แต่งได้แล้วดิ” ผู้พันฤทธิ์พูดสรุปให้กับทุกคนก่อนที่คนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินกลับมายังโต๊ะพร้อมอาหารเต็มจาน “พวกมึงเรียบร้อยกันหมดแล้วเหรอ” ผู้พันกานต์หันไปถามเพื่อนๆ ทุกคนก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร “พวกกูลงกันมาตั้งแต่เจ็ดโมง คงเหลือแต่โต๊ะกับเก้าอี้แล้วล่ะที่ยังไม่ได้ลองชิม” ผู้พันณุตอบออกไปอย่างติดตลกแต่คนที่ได้รับคำตอบกลับไม่มีสีหน้าตลกด้วย “ชอบตอบกวนตีนแบบนี้ไง มึงถึงได้อยู่คนเดียว” ผู้พันกานต์บอกกับเพื่อนก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ “ไอ้คุณหนูกานต์!!” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แล้วเสียงหัวเราะจากเหล่าเพื่อนในห้องที่ได้ยินคำพูดของผู้พันกานต์ก็ดังขึ้นลั่นห้องอาหารรวมถึงพนักงานในห้องอาหารที่ได้ยินประโยคดังกล่าว เวลา 13.45 น. @วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) เป็นธรรมเนียมของทุกครั้งที่มีโอกาสได้จัดงานเลี้ยงรุ่นของเหล่านายเรืออากาศ หลังจบงานเลี้ยงวันต่อมาจะต้องพากันมาร่วมทำบุญที่วัด ซึ่งครั้งนี้นอกจากจะทำบุญแล้วยังได้มอบเงินจำนวนหนึ่งที่รวบรวมกันมาเพื่อให้วัดได้ไปมอบให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน ซึ่งทางวัดก็ยินดีเป็นสะพานบุญให้ ก่อนทำการแยกย้ายกลับภูมิลำเนาของแต่ละคน ทุกคนก็ร่วมเฟลมในภาพโดยมีเหล่าภริยาของนายทหารอากาศพากันชัตเตอร์ภาพกันระรัว เสมือนพากันถ่ายภาพซูเปอร์สตาร์ดังก็ไม่ปาน “มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ วันนี้กูรู้สึกว่าอาการมึงแปลกๆ ตั้งแต่อยู่ห้องอาหารของโรงแรมแล้ว” ผู้พันณุเอ่ยถามเพื่อนที่มีสีหน้าเป็นกังวลจนผิดปกติในขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ “เมื่อคืนนี้กูนอนกับผู้หญิง” ผู้พันกานต์ตัดสินใจบอกในสิ่งที่เป็นกังวลอยู่ตอนนี้ให้เพื่อนรักได้รับรู้ ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหยุดเดินแล้วยืนนิ่งทันที “ห๊ะ!! งานเข้าแล้วไอ้กานต์” คนที่ได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ “กูไม่รู้จะเรียกว่างานเข้ากูมั้ย เพราะกูตื่นมาผู้หญิงคนนั้นก็หายไปจากห้องแล้ว แล้วเธอก็ไม่ทิ้งอะไรให้กูตามได้เลย” “แล้วนี่มึงป้องกันปะวะ” “กูไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนไหนเลยตั้งแต่ที่ขอคบกับน้องดา แล้วกูจะพกถุงยางทำเพื่อ?” “เชี๊ย!! จะติดโรคมาปะวะ” “เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพฯกูจะรีบไปตรวจร่างกาย” “แล้วผู้หญิงคนนั้นเอาอะไรของมึงไปบ้าง” “ไม่มีอะไรหาย” “เฮ้ย มาให้มึงฟันฟรีๆ ไม่เอาค่าตัวเลยเหรอ” “ต้องเรียกว่ามาฟันกูมากกว่าว่ะ เพราะกูไม่ได้อยากจะทำ ไล่ไปก็ยังอยู่ จนจบแบบนี้” “แล้วนี่มึงจะทำยังไงต่อ” “ยังคิดไม่ออกเลยว่ะ” “แล้วนี่มึงจะบอกแฟนมึงปะ” “มึงว่าถ้ากูสารภาพความจริง กูจะโดนบอกเลิกมั้ยวะ” “เฮ้อ ไม่รู้ว่ะ ได้ยินแต่ว่าเรื่องแบบนี้ พวกผู้หญิงซีเรียสกันมาก แต่ก็มีหลายคู่ที่ให้อภัยแล้วเดินกันไปต่อนะมึง” “สมมติว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับมึง แล้วมึงไปสารภาพความจริง มึงคิดว่าแฟนมึงจะให้อภัยมึงมั้ยวะ” “หึ มึงถามเหมือนไม่รู้จักเมียกูเลย ถ้ามันเกิดขึ้นกับกู อย่าพูดถึงคำว่าให้อภัยเลย ชีวิตกูจะมีวันพรุ่งนี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ มึงก็รู้หนิว่าเมียกูโหดเหี้ยๆ ฉายา อีงูพิษ ที่เพื่อนๆ เรายกให้ มันเกินจริงซะที่ไหนล่ะ นี่ไง พูดถึงก็โผล่เลย ตายยากฉิบหายกูขออนุญาตรายงานตัวกับผู้บัญชาการสูงสุดก่อนนะ แยกย้ายกันตรงนี้แล้วกันเลยนะมึง” ผู้พันณุพูดจบก็เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ที่ปลายสายที่โทรเข้ามาก็คือภรรยาของเขา “เฮ้อ” ผู้พันกานต์ที่เห็นเพื่อนเดินเลี่ยงไปคุยสายกับภรรยาอย่างคนกลัวเมีย เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกจากวัดโดยไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนที่ถูกเมียโทรตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD