“โอ๊ยย ปวดหัวๆ ทำไมปวดหัวแบบนี้” ลี่หลินอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด ภายในหัวหนักอึ้งเป็นอย่างมาก นางพยายามฝืนลืมตาอยู่นานกว่าจะพยุงตัวเองให้ลุกนั่งได้
ภาพที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาเป็นภาพหลังคาเก่าๆ สีดำมุงด้วยหญ้า เมื่อเลื่อนสายตาไปมาก็พบว่าห้องนี้มีผนังห้องเป็นดินเหนียว ภายในห้องมีหน้าต่างบานเล็กๆ หนึ่งบานที่แสงสามารถลอดผ่านได้ ของใช้ภายในห้องมีหีบขนาดกลางสองใบวางอยู่บนพื้น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหัวเตียง และเตียงนอนที่มีผ้าห่มผืนบางกับผ้าปูเตียงสีขาวออกเหลืองเต็มไปด้วยรอยปะชุน บนตัวของนางสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนความทรงจำครั้งเก่าก่อนไม่มีผิดไหนจะผิวขาวละเอียดลออนี่อีก
“เอ๊ะ ทำไมข้าเหมือนเคยเห็น ของทุกอย่างก็ดูคุ้นตามาก อืมมมม” ลี่หลินหรี่ตาเล็กแคบลงพลางครุ่นคิด ทำไมทุกอย่างถึงดูคุ้นตาเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าก่อนสิ้นใจนางกำลังทำงานอยู่ในห้องทำงานแล้วรู้สึกว่าหัวใจบีบรัดจนหายใจไม่ออกหรือ
“ทำไมรู้สึกว่าของทุกอย่างนี้เคยเห็นกันนะ อย่าบอกนะว่า” ลี่หลินเบิกตาโพลงก่อนลุกขึ้นวิ่งไปนอกตัวบ้าน
นางมองภาพบ้านดินหลังน้อยสภาพทรุดโทรมที่หลังคามุงด้วยหญ้าฟาง ด้านหนึ่งของบ้านต่อเติมเพิงไม้ไผ่ออกมาใช้สำหรับนั่งเล่นหรือทำงาน รอบๆ บริเวณบ้านมีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมดในหัวก็พลันคิดออกในทันที
“อย่าบอกนะว่า นี่คือบ้านของหยางหนิงเฉิง นี่ฉันย้อนกลับมาหรือ เป็นแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมกัน “ลี่หลินพูดออกมาด้วยความเหม่อลอยอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น แล้วที่นางได้ไปใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่งหล่ะ โลกที่ทุกคนเท่าเทียมกัน โลกที่นางมีครอบครัวแสนอบอุ่น มีเพื่อนที่แสนดี มีเทคโนโลยีก้าวหน้าพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย แม้จะไม่ใช่สาวงามเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาทั่วไป เรียนหนังสือไม่เก่ง ความสามารถก็เหมือนกับแม่เป็ดที่ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ถนัดสักอย่าง ชีวิตที่มีความสุขมากนั้นหล่ะ เป็นเพียงความฝันหรือ
“โอ๊ยยยย เจ็บ อ๊า หยิกตัวเองก็เจ็บนี่นา” หลังจากลองหยิกตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่านางตายแล้วและเป็นเพียงวิญญาณหรือไม่ ก็ได้รู้ว่านี่คือความจริง ตอนนี้นางยังมีชีวิต หรือนางสามารถข้ามมิติได้ เกิดใหม่ได้ แบบที่เคยอ่านในนิยายของโลกนั้น หากบอกว่าเป็นเพียงความฝันก็ไม่ใช่เพราะทุกอย่างเหมือนจริงมาก ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รวมถึงความรู้หลากหลาย มันยังอยู่ในหัวของนางอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้นางถึงกลับมาอยู่ที่นี่ หรือเป็นเพราะว่าก่อนสิ้นลมในโลกนั้นนางปรารถนาอยากมีลูกและมีครอบครัวเช่นคนอื่นกัน แม้จะเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก แต่ในโลกนั้นคนที่นางรักต้องจากไปตั้งแต่นางอายุเพียง 18 ปี ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณยายเสียชีวิตกันหมด เหลือเพียงนางที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ต่อสู้ชีวิตและหาเลี้ยงชีพจากมรดกที่พวกท่านทิ้งไว้ให้ นางมีเพื่อนสนิทอยู่หลายคน แต่เมื่ออายุมากขึ้นพวกเขาก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ทำให้มีเวลาเจอกันน้อยลง ลี่หลินรู้สึกโดดเดี่ยวมาตลอด กระทั่งถึงอายุ 40 ปี นางก็สิ้นลมหายใจเพียงลำพังในห้องทำงาน
“อย่างไรก็มีชีวิตอีกครั้งแล้ว ถึงจะเป็นชีวิตในแบบที่ข้าไม่ได้ปรารถนาก็เถอะ แล้วอย่างไร ชีวิตนี้ข้ายังมีสามี นี่เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยมีเลยนะ ตั้งแต่โลกก่อนก็โสดจนตาย ช่างน่าอนาถนัก ยังไงตอนนี้ก็มีแล้ว ลองดูสักหน่อยแล้วกัน” ลี่หลินพูดกับตนเองก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งเพื่อพักผ่อน และใช่แล้วตอนนี้นางคือ “เล่อลี่หลิน”
“เล่อลี่หลิน” บุตรสาวตัวร้ายของนายอำเภอผู้เกิดจาก ฮูหยินเอกที่ตายไป
สาวงามอันดับหนึ่งรูปโฉมสะคราญ สวยสะกดตราตรึงใจ ด้านการเล่าเรียนก็เก่งกาจไม่แพ้ใคร นอกจากนี้ยังมีคู่หมายเป็นคุณชาย “เจียงมู่หยาง” จากตระกูลพ่อค้า เขาหน้าตาหล่อเหลา ฐานะร่ำรวยที่สุดในเมือง ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเมื่อมองจากภายนอก แต่ใครจะไปรู้ว่าภาพชีวิตอันสวยหรูที่เห็นนั้นกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
แม้จะทั้งสะสวยและมากความสามารถเพียงใด แต่ลี่หลินก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของบิดา เนื่องจากฮูหยินเอกหรือท่านแม่ของนางนั้นมิได้เป็นภรรยาที่ตบแต่งด้วยความรัก หากแต่ต้องจำใจแต่งงานเพื่อผลประโยชน์และคำสัญญา ต่างจากฮูหยินรองที่ท่านพ่อตบแต่งด้วยความรัก หลังจากตบแต่งฮูหยินรองท่านพ่อก็ไม่ให้ความสนใจท่านแม่กับของนางอีกเลย ทำให้ลี่หลินรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อฮูหยินรองคลอดน้องสาวอย่าง “เล่อจินเยว่” ท่านพ่อก็ทั้งรักทั้งตามใจดูแลทะนุถนอมเป็นอย่างดี แค่นั้นยังไม่พอน้องสาวของนางก็รูปโฉมสวยสดงดงามมิแพ้นางเลย ลี่หลินจึงมีความเกลียดชังน้องสาวขึ้นมา
หลังจากท่านแม่เสียไปลี่หลินตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักเพราะต้องการมีตัวตนในสายตาท่านพ่อ และต้องการให้ท่านพ่อเห็นว่านางมีดีกว่าน้องสาว แต่ความพยายามเหมือนจะไร้ผล เมื่อท่านพ่อต้องการมีบุตรชายและตบแต่งอนุภรรยาอีกหลายคน
ภายในจวนกลายเป็นสถานที่แห่งการแก่งแย่งชิงดี ในแต่ละวันแทบหาความสงบสุขไม่ได้ หล่อหลอมให้ลี่หลินกลายเป็นคุณหนูใหญ่ผู้มีนิสัยร้ายกาจ ตบตี แย่งชิง กับบรรดาน้องสาว น้องชาย และอนุภรรยาทั้งหลาย รวมถึงดุด่าบ่าวไพร่ ใครเห็นก็เป็นต้องเบือนหน้าหนี
แต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตของลี่หลินต้องตกต่ำเช่นนี้ก็เนื่องจากคู่หมั้นของนาง คุณชายเจียงมู่หยางแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจ ไม่ชอบพอนาง แต่กับจินเยว่ผู้เป็นน้องสาวเจียงมู่หยางกลับเทียวแวะเวียนมาหา จนวันหนึ่งเขาได้มาขอถอนหมั้นนางและบอกว่ารักจินเยว่ ทั้งสองคนต่างมีใจให้กัน ทำให้ลี่หลินโกรธมากนางปรี่เข้าไปกระชากเล่อจินเยว่จนล้มลงและฟาดฝ่ามือใส่หน้านางไม่ยั้ง
“เล่อจินเยว่ ชีวิตนี้เจ้าคิดจะแย่งทุกอย่างจากข้าไปหมดเลยงั้นรึ” พูดจบก็ฟาดฝ่ามือใส่อีกหลายครา ท่ามกลางสายตาของผู้คนภายในบ้านและแม่สื่อที่นำของกำนัลสำหรับการถอนหมั้นมาให้
ลี่หลินโกรธมาก นางจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นมีความสุขเด็ดขาด นางวางแผนใช้ยาปลุกกำหนัดกับจินเยว่ให้นอนกับผู้ชายข้างถนน ลี่หลินอยากให้น้องสาวได้ลองลิ้มรสการมีสามีจนๆ ดูบ้าง
หลังจากวางแผนเสร็จจึงให้สาวรับใช้ไปเตรียมการโดยวางยาสลบชายยากจนมาสักคน หลังจากนั้นจึงวางยาปลุกกำหนัดให้ทั้งสองได้เสียกัน
แต่ แต่ แต่ เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อนางถูกสาวรับใช้หักหลังและคนที่ถูกวางยากลับเป็นลี่หลินซะเอง นางต้องมีสามีเป็นพรานป่ายากจน นามว่า "หยางหนิงเฉิง" เรื่องนี้เป็นที่น่าอับอายขายขี้หน้าสำหรับท่านพ่อของนางนัก หลังจากจัดงานแต่งงานเสร็จ ท่านพ่อก็ได้ทำหนังสือตัดขาดนางออกจากตระกูล ลี่หลินจึงทำได้เพียงเก็บเสื้อผ้าเดินทางออกมาอยู่บ้านของสามี ซึ่งก็คือหมู่บ้านหงชุน ที่นางอาศัยอยู่ในตอนนี้