เมื่อใกล้จะถึงปลายทางสายสวาท คนตัวโตที่อายุน้อยกว่าก็โหมห่มกระแทกแก่นกายเข้าออกถี่ยิบ กอดเกี่ยวนำพาตัวเองและเธอหลุดลอยไปยังห้วงสวาทสุขเสียว และแตกกระจายออกมาพร้อมกัน
เสียงหวีดร้องและเสียงครางหวาน ๆ ถูกดูดกลืนไว้ด้วยจูบดูดดื่มราวกับจะกลืนกินเธอลงท้อง จิรายุปลดปล่อยน้ำรักในร่องนุ่มลื่นจนเอ่อล้นเต็มซอกสาว เขาควงบั้นเอวบดขยี้จนคนที่เพิ่งแตะจุดสุดเสียวสั่นสะท้านแนบกายแกร่งหลายครั้ง
“จิ...ฝันต้องทำกับข้าว พวกนั้นรอกินอยู่” ทอฝันบอกในตอนที่เขายังขยับโยกอ้อยอิ่งในร่างกายเธอ
“ผมช่วยเอง ฝันนั่งพักนะครับ”
จิรายุถอดถอนตัวเองออกมาอย่างแสนเสียดาย เขาเช็ดทำความสะอาดให้เธอ และจัดชุดให้เรียบร้อยดังเดิมก่อนจะหันมาจัดการตัวเอง เมื่อเรียบร้อยแล้ว เขาจึงอุ้มเธอไปวางบนเก้าอี้ ให้เธอนั่งพัก
ที่จริงเขาอยากได้มากกว่านี้ อยากทำอีกหลาย ๆ ครั้ง แต่แค่นี้ก็สุ่มเสี่ยงมากพอแล้ว เขาจะอดใจไว้ก่อนแล้วกัน แต่ครั้งต่อไปต้องเกิดขึ้นในเร็ววันนี้แน่นอน
“จิจะทำอะไร” ทอฝันถามคนที่อาสาทำกับข้าวแทนเธอ
จิรายุหันไปยิ้มหวานให้คนนั่งรอ
“มาม่าใส่ไข่”
พอได้ยินคำตอบ ทอฝันก็ตาโต รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“นั่งรออยู่ตรงนั้น ถ้าฝันเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ผมจับคุณกินอีกครั้งแน่”
คำขู่ของเขาทำให้ทอฝันชะงัก หญิงสาวนั่งลงตามเดิม พอเห็นจิรายุหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยออกจากตู้มาวางบนเคาน์เตอร์ ทอฝันก็หน้าเสีย เพราะเธอหายเข้ามาในครัวตั้งนานสองนาน แต่อาหารที่ได้กลับเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใช้เวลาทำไม่ถึงห้านาที เพื่อน ๆ จะต้องสงสัย และต้องมีการตั้งคำถามซักไซ้เธอแน่นอน
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
ชิดชนกเบิกตากว้างมองถาดที่จิรายุเพิ่งยกมาวางลงบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงหน้า บนถาดมีถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ห้าถ้วย
“มาม่าใส่ไข่ลวกครับ อร่อย มีโปรตีน” คนที่ลงมือเทน้ำร้อนและตอกไข่ใส่ถ้วยมาม่าเองกับมือภูมิใจนำเสนอด้วยใบหน้าระรื่น
สามสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาพากันเงยหน้ามองจิรายุ แล้วมองเลยไปที่ทอฝันซึ่งยืนอยู่เยื้องด้านหลังของชายหนุ่ม
“ฝัน...ไหนแกบอกจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้พวกเรากินไง” น้ำเสียงของดอกสร้อยผิดหวังมาก เพราะเธอยังไม่ได้กินข้าวเย็น อุตส่าห์ตั้งตารออาหารอร่อย ๆ ฝีมือเพื่อน แต่รอตั้งนาน กลับได้กินมาม่าซะงั้น
“จิ...แกเข้าไปก่อกวนฝันใช่ไหม ไอ้ที่บอกว่าจะเข้าไปช่วยฝันทำกับข้าว ที่แท้แกก็ตามเข้าไปป่วนจนฝันทำกับข้าวไม่ได้” จารวีมองน้องชายอย่างจับผิด
“ผมไม่ได้ป่วนอะไรสักหน่อย ไม่เชื่อพี่จาลองถามพี่ฝันสิ” อยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาจะเรียกเธอว่าพี่ เหมือนกับที่เรียกพี่สาว และเรียกเพื่อนของพี่สาวคนอื่น
จารวีมองเพื่อนอย่างเห็นอกเห็นใจ
“ฝัน...จิมันแกล้งแกใช่ไหม”
“เอ่อ...คือ คือว่า...” ทอฝันอยากจะร้องไห้ เธอนึกแล้วว่าเพื่อน ๆ จะต้องสงสัย แต่เธอโกหกไม่เก่ง เธอจึงคิดไม่ออกว่าจะตอบว่าอะไรดี เพื่อน ๆ จึงจะไม่สงสัย ไม่ซักไซ้ถามต่อ เธอกลัวจนมุม
ขณะที่เพื่อน ๆ นั่งมองทอฝันเป็นตาเดียวเพื่อรอฟังคำตอบจากปากของเธอ โทรศัพท์มือถือของจิรายุก็ดังขึ้น เขาจึงเดินห่างออกไปจากกลุ่มของสาว ๆ เพื่อรับสาย
ทอฝันมองตามเขา เพราะเธออยากได้ตัวช่วย อยากให้เขาเป็นคนอธิบายเรื่องนี้เอง
จารวีเห็นเพื่อนทำหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร เธอจึงลุกขึ้นมาจับมือของทอฝัน แล้วถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“จิแกล้งแกใช่ไหมฝัน บอกฉันมาตรง ๆ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะว่าอะไรแกนะ”
ตอนที่จารวีพาเพื่อน ๆ เข้ามาในห้องชุดของน้องชาย ตอนนั้นจิรายุอยู่ในห้องทำงาน พวกเธอนั่งพูดคุยกันที่โซฟาในห้องโถงครู่หนึ่งเขาจึงออกมา พอเธอบอกว่าทอฝันจะทำอาหารเย็นให้กิน เขาก็รับอาสาตามเข้าไปช่วยทอฝัน แต่หายกันไปในครัวตั้งนานสองนาน พอกลับออกมากลับได้มาม่าห้าถ้วย แบบนี้มันน่าสงสัย จารวีสงสัยว่าน้องชายจะแกล้งเพื่อนของเธอ เพราะทอฝันเป็นคนดี ทั้งเรียบร้อยอ่อนหวาน พอถูกน้องชายเธอแกล้งก็เลยไม่กล้าบอกเธอ
“จิไม่ได้แกล้ง เอ่อ...คือ...”
“สาว ๆ ครับ ฟังทางนี้ อาหารมื้อเย็นสุดหรูของพวกเรากำลังขึ้นมาส่ง เราไม่ต้องกินมาม่ากันแล้ว”
สาว ๆ ทั้งสี่หันไปมองจิรายุพร้อมกัน โดยเฉพาะทอฝัน เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“คืออย่างนี้ครับ พอพี่จาบอกว่าวันนี้จะนัดเจอกันที่ห้องผม ผมเลยสั่งอาหารไว้รอทุกคนแล้ว ที่ผมต้องตามพี่ฝันเข้าไปในครัว และถ่วงเวลาอยู่ในนั้นนาน ๆ ก็เพื่อให้พวกพี่เข้าใจว่าเรากำลังทำกับข้าวกัน แล้วผมก็เลยแกล้งเอามาม่ามาเสิร์ฟ แต่ที่จริงแล้ว มื้อนี้เราจะกินอาหารอร่อย ๆ ให้พุงกางกันไปเลย และมื้อนี้...ผมเลี้ยงเองครับ”
ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่เขาเป็นคนเลี้ยงนี่แหละ ไอ้ที่สงสัยว่าเขากับทอฝันหายเข้าไปทำอะไรในครัวตั้งนานก็เป็นอันว่าปัดตกไป ไม่น่าสนใจแล้ว
ทอฝันถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว จิรายุที่ลอบมองอยู่ถึงกับอมยิ้ม พอเสียงกริ่งหน้าประตูห้องดัง จิรายุจึงเดินไปรับถุงอาหารมากมายหิ้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสาว ๆ