25

1317 Words
“ระหว่างคุณกับฉัน เราก็เป็นเจ้านายกับลูกน้องไง ฉันรู้หน้าที่หรอกน่า แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะบอก งั้นก็ขอตัว ฉันถูกจ้างให้มาทำงาน ไม่ได้ให้มานั่งกินเงินเดือนเฉยๆ” คนอยากรีบออกไปจากตรงนี้เอาเรื่องงานขึ้นมาอ้างพลางจะลุกออกไปดื้อๆ แต่ถูกอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้ซะก่อน “อย่าลืมสิ ว่าคนจ่ายเงินเดือนคุณ...คือผม เพราะฉะนั้นผมจะสั่งให้คุณทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้” “เผด็จการ” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน “มันก็เป็นธรรมดาของคนที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างผม คนที่จะถูกกินอย่างคุณคงไม่เข้าใจ” เธอเบะปากทำหน้ามุ่ยอย่างนึกเขม่นเขาในใจ “ไม่ต้องมาอวดเบ่งวางอำนาจ ฉันรู้หรอกว่าคุณมีเงิน ยังไงคุณก็ไม่เห็นหัวคนต่ำต้อยอย่างฉันหรอก ไม่ต้องเสียเวลาจะเอายังไงว่ามาเลยดีกว่า” เขายิ้มกริ่มเมื่อเห็นเธอพยศได้แบบนี้ “จริงๆ คุณน่าจะรู้ดีว่าผมต้องการอะไร ผมเป็นนักธุรกิจที่ไม่ยอมขาดทุน ในเมื่อเราแลกเปลี่ยนบางอย่างกันไว้ แล้วคุณก็ได้สิ่งที่คุณต้องการ ในขณะที่ผมยังไม่ได้อะไรจากคุณ คุณคงรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร อ้อ! ยังมีอย่างหนึ่งที่คุณควรจะรู้ไว้...ผมเป็นมาเฟีย แล้วมาเฟียอย่างผมก็ไม่ใจดีพอที่จะให้ใครมาเอาเปรียบได้” ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากใช้ไม้นี้ แต่เธอก็บังคับให้เขาต้องทำแบบนี้ทุกทีสิน่า เป็นผู้หญิงซาดิสม์รึยังไงก็ไม่รู้ ถึงได้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้ “แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า” เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ทั้งกลัวทั้งสับสนปนเปกันไปหมด “จูบผมสิ จูบผมตามที่คุณสัญญา” เธอทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะตอบ “ได้” สิ้นเสียงเธอโน้มใบหน้าลงไปหาเขาที่กำลังอึ้งกับการตอบรับง่ายๆ ของเธอต่เธอเคยบอกว่ามันน่ารักดีนี่นา"รกขึ้นมาซะก่อน อย่างน้อยๆ ฮันจะได้รู้ว่าทำไม ต้องลงเอยด้วยการแต่งงานกันด้วยซ้ำไปมะเขือเทศทีซะด้ว “โอ๊ย!” แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะไอ้การจูบของคุณเธอมันเป็นจูบที่พิลึกพิลั่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ ก็แม่คุณเล่นเอาหัวตัวเองโขลกลงมาบนหน้าเขาแรงๆ “จะฆ่ากันรึไง นี่หน้านะไม่ใช่สนามฟุตบอลที่จะทนรับแรงกระแทกแบบนั้นได้ ไอ้ที่คุณทำเมื่อกี้เนี่ย มันเรียกว่าจูบหรือคิดจะฆาตกรรมผมกันแน่” เขาลูบแก้มตัวเองที่ถูกเธอเอาหน้าผากชนลงมาอย่างจัง “ไม่รู้แหละ ฉันถือว่าฉันทำตามสัญญาแล้ว บางทีจูบของฉันกับจูบของคุณมันอาจถูกนิยามออกมาไม่เหมือนกันก็ได้” เธอลอยหน้าลอยตาตอบ โดยไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง “ไม่เหมือนก็ทำให้มันเหมือนซะสิ” พูดจบเขาก็โน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็โดนเขาจูบสูบวิญญาณไปซะแล้ว ทีแรกก็แค่อยากสั่งสอนแต่พอได้ลิ้มรสความหอมหวาน อีกทั้งยังรับรู้ได้ว่านี่เป็นจูบแรกของเธอ ก็ยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้เขาต้องฉวยโอกาสตักตวงความน่าพิสมัยนี้อย่างย่ามใจ และหลงใหลมันอย่างที่ไม่เคยเป็น กระทั่งรับรู้ได้ถึงอาการต่อต้านของเธอที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง “หวานจัง จูบแรกของคุณเป็นของผม รวมถึงริมฝีปากนี้ก็จะเป็นของผมคนเดียวตลอดไป” เขากระซิบเสียงแผ่วๆ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่นึกว่าเพียงแค่จูบไม่ประสาของเธอจะทำเอาเขาราวกับตกอยู่ในภวังค์ถึงกับต้องมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ “ทีนี้นิยามจูบของเราก็ตรงกันแล้วเนอะ หรือถ้าคุณยังไม่แน่ใจ จะให้ผมพิสูจน์อีกครั้ง ผมก็ยินดีนะ” คนพร้อมพิสูจน์ขยิบตาให้ ในขณะที่เธอกลับหันขวับมามองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห “ไปตายซะ” เธอว่าให้ก่อนจะเดินกะโผลกกะเผลกออกไปจากห้อง “นี่ เธอเข้าไปทำอะไรในนั้นตั้งนานสองนาน นี่...ฉันคุยกับเธอนะ หูแตกรึไงยัยเพี้ยน” ทันทีที่เห็นชมพูแพรเดินออกมาจากห้องท่านประธาน เมเบลที่นั่งรอด้วยความอิจฉาก็รีบถามขึ้น แต่คำตอบที่ได้รับจากเธอคือ ความว่างเปล่า ไม่พูดไม่เถียงไม่ตอกกลับใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้รุ่นพี่อย่างเมเบลยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก “ฉันถามไม่ได้ยินรึไง ท่านประธานเรียกเธอเข้าไปทำไม” เมเบลนึกหวงก้างจึงเซ้าซี้ไม่เลิก กระทั่งเห็นสายตาเขียวปั๊ดของชมพูแพรที่หันขวับมามอง ทำเอาคนหวงก้างผงะและรีบถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ กระทั่งเห็นชมพูแพรคว้ากระเป๋าใบเขื่องของตัวเองเดินออกไปนั่นแหละ เมเบลถึงได้กล้าปากดีอีกครั้ง “เป็นบ้าไปแล้วรึไง ยัยเด็กบ้า” เมเบลตะโกนไล่หลัง ในขณะที่ชมพูแพรยังคงหิ้วกระเป๋าเดินมุ่งหน้าไปอีกทาง ซึ่งก็คือห้องน้ำนั่นเอง พลันกระต่ายน้อยผู้น่าสงสารก็ถูกหิ้วหูขึ้นมาจากกระเป๋า “จูบที่ฉันอุตส่าห์ถนอมเอาไว้ให้พ่อของลูกในอนาคตถูกฉกไปหน้าด้านๆ ด้วยฝีมือของผู้ชายชีกอ ปึก!อย่าให้ถึงทีของฉันบ้างละกัน นายตายแน่ไอ้โรคจิต ปึกๆๆๆ” กระต่ายตัวน้อยถูกระบายความอัดอั้นลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า แน่นอนว่าสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ไม่ใช่กระต่ายแต่เป็นหน้าของผู้ชายคนนั้น คนที่ขโมยจูบแรกของเธอไป “คุณจัสมินขอกาแฟให้ผมแก้วนึง” ริชาร์ดต่อสายภายในออกมานอกห้อง ซึ่งแน่นอนว่าเขาตั้งใจให้นาตาลีเลขาเจ้าระเบียบของเขาได้ยินด้วย เพราะต้องการใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือในการส่งตัวจัสมินเข้ามาในลานประหารเร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นแม่คุณคงอิดออดหาทางถ่วงเวลาไม่ยอมเข้ามาง่ายๆ หรือบางทีก็อาจจะหาทางบ่ายเบี่ยงด้วยการไม่ยอมเข้ามาเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นนาตาลีคือคนเดียวที่เขาพึ่งได้ “เจ้านายเรียกแล้ว รีบไปสิ” ดูเหมือนจะไม่ผิดหวังเพราะทันทีที่ได้ยินคำสั่ง เลขาเจ้าระเบียบก็หันมาสั่งเสียงเขียวทันที จัสมินที่นั่งอยู่จึงได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก รับคำและทำตามแต่โดยดี “ทานกาแฟเยอะขนาดนี้ คาเฟอีนไม่อยู่ในกระแสเลือดไปแล้วรึไง” เธอวางแก้วกาแฟตรงหน้า พร้อมกับประชดประชันเขาไปด้วย “เป็นห่วงผมเหรอ” จัสมินถึงกับหันมาเบ้หน้าให้ “ฉันเหนื่อยที่ต้องเดินเข้าเดินออกคอยชงกาแฟให้คุณวันหลายๆ รอบต่างหากเล่า วันๆ งานการไม่ต้องทำ ออกจากนี่ไปก็เปิดร้านกาแฟได้เลยมั้งเนี่ย นี่! ถามจริงเถอะ วันๆ คุณจะให้ฉันชงแต่กาแฟอย่างเดียวจริงๆ นะเหรอ ฉันมาทำงานที่นี่ก็หลายวันแล้วนะ แต่ก็ไม่เห็นจะได้ทำอะไรนอกจากชงกาแฟ ฉันไม่ได้จบมาทางด้านกาแฟ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากเอาดีด้านนี้ด้วย” เธอบ่นอุบตามประสาคนรุ่นใหม่ที่ไฟยังแรง และอยากโชว์ศักยภาพของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD