19

1337 Words
“ก็ใช่น่ะสิ ก็เรารู้จักกันแล้ว เมื่อกี้นี้ไง เราแนะนำตัวกันแล้ว คุณจำไม่ได้เหรอ” ริคาโด้กลั้นยิ้มเอาไว้แทบแย่กับการแถไปน้ำขุ่นๆ ของคุณเธอ ‘ทีก่อนหน้าทำมาเป็นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ พอเห็นเรามีประโยชน์เข้าหน่อย ก็เปลี่ยนไปหน้าตาเฉย ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์’ “เอ้าเหรอ นี่เรารู้จักกันแล้วเหรอ ว่าแต่เรารู้จักกันในฐานะอะไรล่ะ” ชมพูแพรถึงกับกัดฟันกรอด รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นลิ้นแกล้งยั่ว รู้หรอกว่าเล่นตัวกับเขาไว้เยอะ แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ เรื่องเล่นตัวมันก็ต้องมีบ้างสิ “เออ! ไม่รู้จักก็ได้ คุณอยากไปไหนก็ไปเลย ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว” เธอสะบัดหน้าอย่างงอนๆ “โอเค งั้นผมไปนะ” เขาว่าแล้วก็หันหลังเดินออกไปอีก “โอ๊ยนี่! ไม่คิดจะง้อกันบ้างเลยรึไงเล่า ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอแหวให้อีก เมื่อเขาดันไม่ง้อเธออย่างที่คิด “แล้วทำไมผมต้องง้อ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แล้วคุณก็ขึ้นไปเองได้ บางทีเราอาจจะเจอกันในนั้นก็ได้ นอกซะจากว่า...คุณเข้าไปไม่ได้” เขาแสร้งมองเธออย่างจับผิด ทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แล้ว “ดะได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แต่คือแบบฉันไม่มีเพื่อนนั่งด้วยไง เพื่อนโทรมาแคนเซิ่ลนัดกันหมดเลย อีกอย่างคือ คือฉันลืมพาบัตรมาด้วยไง เฮ้อ!” เธอถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อในที่สุดก็หาข้อแก้ตัวดีๆ ให้ตัวเองได้ “งั้นเหรอ แล้วว่าแต่ผมจะได้อะไรจากการพาคุณเข้าไปล่ะ” เขาหยักยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์อีกครั้ง เมื่อตอนนี้โอกาสมาถึงมือเขาแล้วก็ต้องรีบคว้าไว้สิ “ก็ได้เพื่อนนั่งคุยด้วยไง ฉันคุยเก่งนะ มีฉันนั่งคุยเป็นเพื่อน รับรองว่าคุณไม่เหงาแน่ๆ” เธอพยายามโฆษณาชวนเชื่อ หวังว่าเขาจะเห็นตามด้วยเท่านั้นแหละ “ผมไม่ค่อยชอบเป็นเพื่อนกับผู้หญิงซะด้วยสิ อีกอย่างเพื่อนผมก็มีเยอะแล้ว รับรองว่าข้างในนั้นมีคนอยากนั่งคุยกับผมเพียบเลย เอ! แบบนี้เพื่อนคุยอย่างคุณก็ไม่จำเป็นแล้วน่ะสิ” เขาทำแสร้งคิดหนัก “โอเค! คุณจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า ไม่ต้องมาเล่นลิ้นให้เสียเวลา” ชมพูแพรเริ่มรู้ทัน จึงไม่อยากเสียเวลาอีก “ฮ่าๆๆ ก็ดี ผมเองก็ไม่อยากอ้อมค้อมแล้วเหมือนกัน รู้ไหมคุณเป็นคนแรกเลยนะที่ทำลายสถิติการจีบสาวของผมได้” ความจริงเขาอยากจะบอกอีกอย่างว่า เธอเป็นคนแรกอีกเหมือนกันที่ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลวางแผนโน่นนี่จนแทบเสียเชิง ยังดีที่พอรู้ว่าเธอเป็นพนักงานบริษัท จึงจับทางถูก “สถิติบ้าบออะไร คุณยังจีบฉันไม่ติดย่ะ เพราะฉะนั้นไม่นับ” เธอเบะปากพูดพึมพำคนเดียว แต่มันก็ดันไปเข้าหูเขาได้อีก “เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ ผมฟังไม่ค่อยถนัด” เขาแสร้งถาม ทั้งที่ก็รูว่าเธอแอบนินทาเขาอยู่ “ไม่มีอะไรหรอก ฉันว่าเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าเนอะ” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง เผื่อว่าเขาจะบ้าจี้เดินตามเธอเธอไป “เดี๋ยว! ผมว่าเรายังตกลงกันไม่ได้นะว่าผมจะได้อะไรคุณ” ให้ตายสิ! เขาไม่บ้าจี้ตาม “จะเอายังไงก็รีบๆ ว่ามาสิ” เธอบอกอย่างไม่สบอารมณ์ “จูบ” แค่ได้ยินสิ่งที่เขาต้องการ เธอถึงกับเบิกตากว้าง “หา! ว่าไงนะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง อย่างไม่อยากจะเชื่อ “จูบผม แลกกับการพาคุณเข้าไป ตกลงไหม” เขาตอบชัดๆ อีกครั้ง “ไม่ตกลง ฉันกับคุณเราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจูบกันได้หรอกนะ หรือต่อให้สนิทกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องจูบกัน” เธอตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ ถึงจะอยู่เมืองนอกมาหลายปี แต่เธอก็ถือเรื่องแบบนี้ “งั้นก็ต่างคนต่างไป หวังว่าเราจะได้เจอกันในนั้นนะ” เขาทิ้งไพ่ใบสุดท้ายวัดดวงกันไปเลย ในเมื่อท่าทางของเธอบ่งบอกชัดเจนซะขนาดนั้นว่าอยากเข้าไปมากแค่ไหน ยังไงเขาก็ชนะ “ก็ได้ๆ จูบก็ได้” เธอตอบเสียงกระแทกกระทั้นอย่างไม่มีทางเลือก “ฮ่าๆๆ ตกลงแล้วห้ามกลับคำนะ กลับคำโดนมากกว่าจูบนะ” ถึงหน้าเขาจะดูยิ้มๆ แต่ฟังแล้วก็ยังน่ากลัวอยู่ดีสำหรับเธอ “ไม่กลับคำหรอกน่า แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ คุณเองยังกลัวฉันเบี้ยว ฉันเองก็กลัวคุณเบี้ยวเหมือนกัน เกิดคุณจูบฉันแล้ว แต่กลับไม่ยอมพาฉันเข้าไป ฉันก็แย่น่ะสิ” เธอยกเหตุผลที่ใครฟังแล้วก็รู้ว่ากำลังถ่วงเวลา แต่เอาเถอะ ยังไงซะ เขาก็ต้องได้จูบเธอแน่นอนอยู่แล้ว “เอาเถอะ! ถึงผมจะบอกคุณว่า ผมไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ ยังไงคุณก็ยังยืนยันคำตอบเดิมอยู่ดี แต่เชื่อเถอะว่าคุณถ่วงเวลาได้ไม่นานหรอก เพราะผมมันเป็นพวกนักธุรกิจที่ไม่ชอบรอแล้วก็ไม่ชอบขาดทุน เอาเป็นว่าผมตามใจคุณ เพราะยังไงซะจูบคุณก็ต้องเป็นของผมวันยังค่ำ” สีหน้าที่บ่งบอกถึงความมั่นใจของเขา ทำให้เธอไม่สบายใจเอาซะเลย แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอยังต้องพึ่งเขานี่นา “สวัสดีครับคุณ...” รปภ. ออกมาค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีความสำคญอย่างไร แต่ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกเขาขัดขึ้นซะก่อน “อืม! วันนี้คนเยอะนะ” เขาแทรกขึ้น ด้วยไม่ต้องการให้ชมพูแพรระแคะระคายกับฐานะของเขา จากนั้นจึงยื่นนิ้วเข้าไปในเครื่องแสกน เท่านั้นแหละเธอถึงกับชะงัก “ไม่ต้องใช้บัตร เวรแล้ว” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ก็เธอเพิ่งโกหกเขาไปว่าลืมพาบัตรมา ก็เลยเข้าไม่ได้ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อน่ะสิ ‘น่าอายชะมัด แบบนี้เขาจะหาว่าเราเป็นพวกลวงโลกไหมเนี่ย ชมพู่นะชมพู่ ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้นะ’ “เธอมากับฉัน” เมื่อ รปภ. คนเดิมหันไปมองเธอที่เดินตามหลังเขาด้วยใบหน้าจืดเจื่อน ริคาโด้จึงรีบบอกพร้อมกับโอบไหล่เธอให้เดินเข้าไปพร้อมกัน “มือค่ะมือ” ทันทีที่เข้ามาด้านใน เธอจึงรีบเตือนเขาเรื่องมือที่กำลังฉวยโอกาสโอบไหล่เธออยู่ตอนนี้ “อ้อ! โทษที เพลินไปหน่อย” เธอเบ้หน้าให้ทันทีที่ได้ยินคำแก้ตัวของเขา “งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ” ทันทีที่เข้ามาได้ เธอก็คิดจะแยกตัวออกมา ราวกับว่าอีกฝ่ายหมดความสำคัญ “เอ! เท่าที่จำได้ ผมยังไม่ได้จูบจากคุณเลยนี่ ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปรึเปล่านะ เพราะผมกำลังรู้สึกว่าคุณจะเบี้ยวผม แล้วผมมันก็เป็นพวกเซนซิทีฟกับเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ เกิดผมพลั้งปากเรียก รปภ. มาจับคุณโยนออกไป ก็แย่น่ะสิ” เธอทำหน้าเลิ่กลั่กทันทีที่ได้ยินคำขู่เนิบๆ ของเขา “โอ๊ะ! ตายจริง ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าฉันไม่มีเพื่อนมาด้วย แล้วคุณเองก็มาคนเดียว ความจริงเราควรจะนั่งด้วยกันสิเนอะถึงจะถูก” ชมพูแพรกลับคำกลบเกลื่อนความกลัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว “เอ้า! ไม่แยกกันแล้วเหรอ” เขาแสร้งล้อเลียนเธออีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD