-TANGMO PART-
ฉันแสยะยิ้มหยันที่มุมปากเล็กๆเมื่อพี่เตย์ทำหน้าสับสนกับสมมติฐานที่ฉันตั้งเพื่อสั่นคลอนความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ต่อให้จะเป็นชู้กันจริงๆหรือเป็นแค่เพื่อนฉันก็ไม่ชอบเธออยู่ดี... ไม่รู้สิ ทำไมถึงไม่ถูกชะตานักก็ไม่รู้ อาจจะเพราะท่าทีและน้ำเสียงกวนประสาท คำพูดเสียดแทงใจดำนั่นก็ได้มั้ง
ฉันก็แค่พูดขึ้นลอยๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ดีไม่ดีอาจจะมีชะนีสักคนที่รู้ทันพี่เตย์แล้วปล่อยข่าวออกมาก็ได้ ฉันไม่แคร์ผู้หญิงพวกนั้นหรอก ก็แค่พวกร่านๆไร้สาระ ไม่มีค่าพอจะเทียบรัศมีฉันด้วยซ้ำ แต่ยัยผู้หญิงมารยาสาไถยนั่นเนี่ยสิ กล้าดียังไงถึงทำท่าราวกับว่าตัวเองเหนือกว่าเสียเต็มประดา มันทำให้ฉันหงุดหงิดเป็นบ้าเลยว่ะ!
เดี๋ยวจะตบให้แม่งหายแรดเลย คอยดู!
“ก็แค่พูดลอยๆนะคะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ J” ฉันยิ้มเยาะก่อนจะกดปลายจมูกลงที่ผิวแก้มเขาเบาๆเพื่อประทับตราความเป็นเจ้าของ ก็แค่ทำไปงั้นๆ ฉันไม่ได้รักเขาอะไรขนาดนั้นหรอก ฉันก็แค่ชอบใบหน้าเขาเท่านั้นเอง!
“เฮ้ย บ้าเหรอ ฮ่าฮ่า ไม่มีทางหรอก ไอ้เวย์มัน... เอ่อ” พี่เตย์กลอกนัยน์ตาไปทางอื่นเหมือนพยายามจะขบคิดหาเรื่องมาโกหก อาทิเช่น คำพูดที่เป็นมลพิษต่อโสตประสาทแต่ฟังดูน่าสนใจดี
“มันชอบผู้หญิง มันเป็นเลสเบี้ยนไง!”
ฉันยิ้มหยันกับคำโกหกที่ไม่เนียนของเขา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ แต่ไม่แน่... ในเร็วๆนี้แหละ ฉันจะเอาให้เธอสลบแทบเท้าจนไม่กล้าเผยอหน้าไปชอบผู้ชายคนไหนได้อีกเลย คอยดู!
“งั้นก็แล้วไปค่ะ” ฉันไหวไหล่เหมือนไม่ได้สนใจในตัวผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปโอบกอดผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนของฉัน เพราะพี่เตย์ยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ ฉันเลยต้องทำดีกับเขาไว้ก่อน ดังนั้นเรื่องสำคัญคือต้องเบนเป้าหมายจากฝ่ายชายไปฝ่ายหญิงแทน!
ก็นะ... บางทีพี่เตย์ก็ดูจะมีชะนีมาเกาะแกะเยอะไปหน่อย ฉันควรจะเชือดไก่ให้ลิงดูสักหน่อยว่ามั้ย? หรือหักคอไก่ดีวะ! กลัวไม่สะใจพอ!
“โมรักพี่เตย์นะคะ” ฉันกรีดปลายเล็บไปตามกรอบหน้าของเขาก่อนจะค่อยๆละเลียดไปตามเรือนผมสีดำทรงเสน่ห์นั่น มันก็แค่ลูกเล่นนิดหน่อยของผู้หญิงที่ใช้ได้ผลเสมอ ธรรมชาติสร้างมาให้ผู้ชายแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงซับซ้อนกว่าผู้ชายก็เพราะแบบนี้... จะได้กินกันไม่ลงไง!
“พี่ก็รักน้องโมจ้ะ” คนตรงหน้าว่าพลางดึงร่างของฉันเข้าไปกอดโดยไม่ทันเห็นนัยน์ตาสีดำสนิทฉายแววชนิดร้ายกาจ ฉันกอดตอบพลางกดริมฝีปากลงกับเสื้อยืดสีซีดจนกระทั่งปรากฏรอยลิปสติกสีนู้ด... ก่อนจะเหยียดยิ้มพึงพอใจในความฉลาดของตัวเอง แค่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหรือหาป้ายมาห้อยคอพี่เตย์ เพราะรอยลิปสติกนี่ก็บ่งบอกได้เพียงพอแล้วว่ามีเจ้าของ ถ้าใครยังกล้าหน้าด้านมาแย่งก็ลองดู!
“ได้ยินพี่เตย์พูดแบบนี้ก็ชื่นใจค่ะ เดี๋ยวโมไปเรียนก่อนนะคะ”
“น้องโมเรียนนิเทศไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรที่โรงพยาบาล? ป่วย?”
“ก็พาเพื่อนมาหาหมอค่ะ... แต่มาเจอพี่เตย์พอดี J” ฉันว่าพลางหัวเราะซื่อๆและโบกมือลาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะก้าวขาเรียวยาวออกมาจากร่างสูงพร้อมกับหัวเราะร้ายเบาๆในลำคอ
ก็ใช่ ที่ฉันพาเพื่อนมาหาหมอ แต่ไม่ได้มาเพราะป่วย...
แต่ขนมาตบคนต่างหาก!
ก็เคยได้ยินนะว่ามีชะนีคนนึงชอบเข้านอกออกในหอพี่เตย์อยู่บ่อยๆ มันทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นมา แต่ไม่นึกว่าจะได้มาป๊ะกับพี่เตย์พอดีแบบนี้ไง ผู้หญิงคนอื่นนี่ไม่เท่าไหร่เพราะฉันรู้ว่าคบเล่นๆไม่จริงจัง แต่ยัยบ้านี่... มันดูมีอะไรมากกว่านั้น! ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีจนต้องมาถึงที่นี่ และน่าตลกที่แม่งจริงซะด้วย
ฉันสบตากับเพื่อนๆสี่ห้าคนที่ยืนออกันอยู่พลางพยักหน้าเป็นเชิงให้รับรู้โดยทั่วกันว่าต้องทำอะไร ไหนๆก็เป็นว่าที่แพทย์หญิงในโรงพยาบาลแล้ว อยากจะลองทำให้เป็นยัยแพศยากลางโรงพยาบาลดูบ้างเหมือนกัน! ฉันจะเอาให้อับอายขายขี้หน้าจนไม่กล้ามาเรียนเลย คอยดู!
“ถูกหวยเลยปะวะ ไอ้โม” ยัยแตงกวาเพื่อนรักแซวฉันแล้วหัวเราะร่าพร้อมปรายนัยน์ตาลอบมองพี่เตย์ที่กำลังขับรถออกจากโรงพยาบาลไป “แต่ไม่รู้ถูกแดกหรือถูกรางวัลนะ ฮ่าฮ่า”
ปากดีแบบนี้ เดี๋ยวฉันจะตบมันประเดิมคนแรก!
“แตงกวากรุณาเงียบแล้วเก็บแรงไว้ตบอีขนตาโซล่าเซลล์นั่นดีกว่า อุ๊บส์” ฉันทำท่าปิดปากเหมือนหลุดพูดเรื่องไม่สมควรออกมา แม้ว่าจะเจตนาก็ตามแต่
“อ๋อ อีแรดนั่นใช่ป่ะ อย่าช้า เดี๋ยวกูจัดหนัก” ยัยแตงไทยผมแดงว่าพลางเบ้หน้าและส่งเสียงฮึ่มฮั่มกำหมัดรอ ฉันหัวเราะกับท่าทีของเธอก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันเป็นการออกคำสั่ง
“ลากมันมากลางโรงบาล เอาตรงโถงที่คนเยอะๆ” ฉันเหยียดยิ้มพร้อมนัยน์ตาเป็นประกาย
“พอลากมันมาเสร็จ... เดี๋ยวกูจะให้พวกมึงตบแม่งโชว์ประชาชน!!”