เขายืนอยู่บนยอดไม้ มองม่านโปร่งบางในเกี้ยวพลิ้วไสว สตรีร่างเล็กกายสั่นไหวโงนเงนแต่ยังคงความสงบไม่ตื่นตระหนกตกใจจนวิ่งหนีไป มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวเหล่านั้นทอดทิ้งนาง แท้จริงแล้วหากนางคิดจะหลบหนีก็ควรที่จะรีบหนีไปเสียตอนนี้ หากแต่ในใจของชายหนุ่มสงสัยนัก เป็นเพราะนางกล้าหาญ หรือเพราะนางหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออกกันแน่
ดวงตาคมเป็นประกายราวกับสัตว์ป่า ไม่รู้ตัวเลยว่ามุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา ใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อได้กลิ่นกายหอมที่กระแสลมพัดโชยมา ขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ว่าอย่าเพิ่งหลงลืมตัว
นาง...หลานสาวอันเป็นที่รักของบุรุษคนนั้น เพียงแค่คิดในใจก็ปั่นป่วนจนแทบคลั่ง แต่กลับไม่อาจซ่อนเร้นความรู้สึกลึกๆ ที่มีได้เลย
“อย่าได้ตกหลุมพรางของตนเองเป็นอันขาด”
ใครคนหนึ่งเอ่ยเตือนเขาทุกวัน
เรื่องสำคัญเช่นนี้ เมื่อเขาตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด หลุมพรางหรือ? เขายินดีก้าวลงไปเอง ไม่มีความแน่ใจไหนจะชัดแจ้งมากเท่านี้ หกหมื่นปีก่อนความรู้สึกเป็นเช่นไร ยามนี้ก็ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น โอกาสเพียงหนึ่งเดียวในครั้งนี้เขาจะต้องคว้ามันไว้ให้ได้ หาไม่แล้วตนเองอาจจะต้องเสียใจไปตลอดกาล
ชายหนุ่มทอดสายตาไปยังประตูมารที่ส่องแสงเรืองรองไกลลิบ กลีบปากโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างไร้อารมณ์ เก้าชั้นฟ้ามิใช่แดนสุขาวดีอย่างที่ผู้อื่นใฝ่ปรารถนา นางไม่เหมาะสมกับสถานที่แห่งนั้น
ชายหนุ่มเก็บซ่อนแววตาปรารถนา กดลึกความรู้สึกบางอย่างให้นอนแน่นิ่งในส่วนที่ลึกสุดของใจ แม้จะรู้ว่าผลของการกระทำในภายภาคหน้ากับเจ้าสาวของตนจะทำให้นางเกลียดชังถึงเพียงไหน แต่เขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว
เขาก็แค่คนโง่คนหนึ่ง ไม่อาจใช้วิธีใดได้นอกจากดาบนั้นคืนสนอง หวังเพียงว่านางจะสัมผัสถึงความรู้สึกลึกๆ นั้นได้ก็เพียงพอแล้ว