ต้าหวัง

2119 Words
“พ่อกับตามาแล้ว” เด็กชายร้องตะโกนก่อนวิ่งตรงไปหาคนทั้งสอง เขาเขย่งปลายเท้าเพื่อดูสิ่งที่อยู่ในห่อผ้า เมื่อเห็นว่าเป็นลูกหมา หลิวเฟยหรงก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเดินตามหลิวเฟยเฉิงเข้าไปในบ้าน “พี่เฟยเฉิง ไปเก็บลูกหมามาจากไหน” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาใกล้ เจ้าหมาน้อยเจ็บปวดร้องครวญครางตลอดเวลา หญิงสาวไม่รอช้ารีบไปบดสมุนไพรก่อนจะทาลงบนบาดแผลของมัน ความชาไล่ลามไปทั่วทั้งขาทำให้ความเจ็บปวดทุเลาลง ด้วยความอ่อนเพลีย เจ้าหมาน้อยจึงผล็อยหลับไป หม่าซูฮวาเช็ดสมุนไพรที่มีฤทธิ์ชาออกก่อนจะบดสมุนไพรเพื่อสมานบาดแผล ก่อนจะอุ้มมันวางลงในตะกร้าทรงแบนใบใหญ่ “มันถูกเสือกัด ฉันเลยพามารักษาที่บ้าน” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนที่เขานั้นจะไปช่วยพ่อตาแบกเสือลงจากเกวียนและนำร่างมันไปเก็บไว้ในโรงไม้ข้างบ้าน หม่าเหลียงชวนลูกเขยไปดื่มเหล้าที่บ้านของผู้ใหญ่ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเขาอยากอยู่กับภรรยามากกว่า "นี่เป็นเงินที่ได้มาจากการเช่าอาวุธล่าสัตว์ พี่ยกให้เธอเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านนะ" หลิวเฟยเฉิงยื่นเงินทั้งหมดที่ได้จากการให้เช่าอาวุธในวันนี้ให้กับภรรยาทั้งหมด หญิงสาวที่เห็นแบบนั้นก็แปลกใจเป็นอย่างมากที่เห็นสามีเปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่ก่อนแม้แต่ถามไถ่ ทุกข์ สุข เขาก็ยังไม่เคยทำ "พะ..พี่ให้ฉันจริง ๆ เหรอจ๊ะ เงินก้อนนี้เยอะมากเลยนะ พี่แน่ใจเหรอว่าจะไม่เก็บไว้เอง" หลิวเฟยเฉิงเห็นแววตาสั่นไหวของหม่าซูฮวาจึงรีบเข้าไปกอดอีกฝ่ายก่อนที่น้ำตาของเธอจะร่วงหล่นลงมาเป็นสาย "เก็บเอาไว้เถอะ ต่อไปพี่คงต้องรบกวนเธอแล้ว พี่จะเป็นคนหา เธอเป็นคนเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว เราเริ่มต้นกันใหม่นะซูฮวา" "อึก จ้ะ เราจะเริ่มต้นกันใหม่" "หึ ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว เดี๋ยวหรงหรงมาเห็นก็คิดว่าพ่อรักแกแม่หรอก" หลิวเฟยเฉิงเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลอย่างเบามือ ก่อนจะส่งยิ้มให้ภรรยาอย่างอบอุ่น ชายหนุ่มกลับเขามาในบ้านก่อนจะเห็นว่าหลิวเฟยหรงนั้นนั่งเฝ้าเจ้าลูกหมาไม่ยอมไปไหน เมื่อมันตื่นเขาก็รีบรินน้ำใส่ถ้วยใบเล็กและใช้ช้อนค่อย ๆ ป้อนมันอย่างช้า ๆ แม้เด็กชายจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง แต่เขาก็ซึมซับความอ่อนโยนมาจากผู้เป็นแม่ หม่าซูฮวาคอยสอนลูกชายเสมอเรื่องความเมตตาทั้งต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้อธิบายว่าเหตุใดทุกคนที่นี่ต้องล่าสัตว์ป่า เพราะเป็นวิถีชีวิตทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “มันจะหายไหมครับ” เด็กชายเอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่นั่งลงข้าง ๆ เขารู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นว่าหลายชั่วโมงแล้วเจ้าหมาน้อยยังหลับสนิทอยู่ หลิวเฟยเฉิงคาดเดาว่ามันคงจะพยายามวิ่งหนี แต่คงเหนื่อยล้าทำให้ถูกไล่ตามทัน โชคดีที่เขาช่วยเอาไว้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้มันคงกลายเป็นอาหารเจ้าเสือร้ายไปแล้ว “หายแน่นอน เรามาตั้งชื่อให้มันดีไหม” ผู้เป็นพ่อเสนอก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันคิดชื่อไว้สำหรับเรียกเจ้าสุนัขตัวน้อย “ต้าหวัง ผมชอบชื่อนี้” ขณะที่สองพ่อลูกกำลังคุยหันอยู่นั้นเจ้าหมาน้อยก็ลืมตาตื่นขึ้นมา มันพยายามหยัดขาลุกขึ้นแต่เพราะยังบาดเจ็บ ทำให้มันล้มทรุดลงไป หลิวเฟยหรงเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนที่หม่าซูฮวาจะบดข้าวกับเนื้อหมูและนำมาวางตรงหน้าต้าหวัง ด้วยความหิวโหย เจ้าลูกหมาพยายามประคองตัวเพื่อกินอาหาร โดยมีเด็กชายค่อยดูแลไม่ห่าง “ให้ต้าหวังพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งไปรบกวนมันนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกลูกชายก่อนที่เธอนั้นจะออกไปข้างนอกเพื่อนำสัตว์ป่าที่สามีหาได้มาแล่เนื้อเถือหนังเก็บไว้ เตรียมนำไปขายในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวเคยช่วยผู้เป็นแม่ชำแหละเนื้อสมัยที่ยังเด็ก เธอจึงสามารถทำได้อย่างชำนาญ เนื้อหลายส่วนถูกแบ่งใส่ถังเอาไว้ กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณจนเธอต้องรีบนำน้ำมาเทล้าง ก่อนจะเทน้ำกลั่นจากดอกไม้ลงบนพื้นเพื่อให้กลิ่นหอมกลบกลิ่นคาวเลือด “ซูฮวา พรุ่งนี้จะไปไหนงั้นเหรอ” เขาได้ยินแม่ของเธอคุยกับคนข้างบ้านว่าจะเข้าไปในเมือง แต่ไม่รู้ว่าจะไปทำไมเขาจึงได้เอ่ยถามหญิงสาวเพื่อขจัดความสงสัย เนื่องจากในบทสนทนาเมื่อครู่มีชื่อของชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ด้วย ทำให้เขาไม่สบายใจ “พรุ่งนี้ฉันจะเอาเนื้อสัตว์ที่ชำแหละแล้วไปขาย ป้าจางบอกว่าจะช่วยจองที่ไว้ให้ พี่จะไปด้วยกันไหม” หญิงสาวเอ่ยชวน ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะตอบรับ เขาหวั่นใจกลัวว่าเธอนั้นจะเผลอมีความรู้สึกดีให้ชายหนุ่มผู้อื่น จึงคิดหวาดระแวงไปเอง โดยที่ภรรยานั้นไม่รู้เลยว่าสามีกำลังหึงหวงเธออยู่ “ฉันฝากพี่ช่วยขนไปเก็บในถังน้ำแข็งหน่อย” เนื่องจากสัตว์ตัวนี้มีขนาดใหญ่ ทำให้เนื้อที่แล่มาได้มีน้ำหนักหลายสิบโล หญิงสาวจึงขอให้สามีนั้นช่วยนำไปเก็บ ซึ่งเขาก็ไม่ได้อิดออดเต็มใจช่วยเหลือเธอ “แล้วที่ตลาดไม่มีร้านเนื้อร้านอื่นแล้วหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทุกคนที่นี่ล่าสัตว์เป็นอาชีพ ฉะนั้นแล้วคงไม่ได้มีแค่หญิงสาวที่นำเนื้อสัตว์ไปขาย หม่าซูฮวายกยิ้มบางก่อนจะเอ่ยตอบสามี พลางนึกในใจว่าทำไมเขาถึงได้ช่างสงสัยนัก “ย่อมมีอยู่แล้ว” คนในเมืองไม่ได้ล่าสัตว์ แต่พวกเขานิยมกินเนื้อสัตว์ ทำให้ความต้องการที่นั่นค่อนข้างสูง คนในหมู่บ้านนี้จึงนิยมนำเนื้อสัตว์ป่าไปขายที่ตลาดในเมือง ซึ่งครอบครัวเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น สมัยที่แม่เธอยังสาว ๆ ก็นำเนื้อสัตว์ไปขายเช่นกัน จนสามารถซื้อที่ดินผืนเล็ก ๆ ได้ “พี่ไม่ต้องห่วงหรอก หากขายไม่หมดเดี๋ยวก็มีภัตตาคารมากว้านซื้อช่วงบ่าย” ภัตตาคารดังในเมือง จะเปิดขายช่วงเย็นจนถึงเช้า คนที่นั่นนิยมทำงานในช่วงกลางคืน ฉะนั้นแล้วช่วงกลางคืนจะค่อนข้างคึกคัก แสงไฟสาดส่องสว่างไสวไปทั่ว เธอเองก็เคยอยากจะเข้าไปอยู่ในเมือง แต่นั่นเป็นเพียงความฝันในวัยเด็ก ฉันเมื่อเธอได้ไปอาศัยอยู่ปักกิ่งทำให้รู้ว่าความจริงแล้วสถานที่ที่เหมาะกับเธอที่สุดคือหมู่บ้านเเห่งนี้ต่างหาก เช้าวันต่อมาหม่าซูฮวาและหลิวเฟยเฉิงช่วยกันขนเนื้อสัตว์ขึ้นเกวียน ก่อนที่ทั้งหมดจะมุ่งหน้าตรงเข้าไปในเมือง จากหมู่บ้านถึงตัวเมืองใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงได้ เพราะระยะทางที่ห่างไกลพอสมควรทำให้ต้องหยุดพักเป็นระยะ ทันทีที่มาถึงตลาดสองสามีภรรยาก็เอ่ยทักทายป้าจางที่แบ่งพื้นที่ให้ขาย ทั้งสองตั้งโต๊ะเตี้ยที่นำมาด้วยก่อนจะนำเนื้อสัตว์วางเรียง โชคดีที่วันนี้มีร้านขายเนื้อไม่กี่ร้าน ทำให้หญิงสาวมีความหวังว่าจะขายหมด เนื่องจากเธอไม่อยากเก็บกลับไปด้วย เนื้อสัตว์พวกนี้ต่อให้แช่เย็นก็เสี่ยงที่จะเน่าอยู่ดี บุรุษหน้าตาหล่อเหลายืนเคียงข้างสตรีหน้าตางดงาม ดึงดูดผู้คนให้เข้าหา เพียงไม่นานเนื้อสัตว์ก็เริ่มลดลงในขณะที่เงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้นถึง 200 หยวน หลิวเฟยเฉิงช่วยภรรยายกโต๊ะขึ้นเกวียนแต่กว่าที่จะได้กลับหมู่บ้านก็ต้องรอร้านอื่นๆ ที่เดินทางมาด้วยขายหมดเสียก่อน สองสามีภรรยาจงเดินหาของกินในตลาดไปพลางๆ หญิงสาวชวนชายหนุ่มเข้าไปไหว้เทพเจ้าที่วัดซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่กี่สิบก้าว ทั้งสองนั่งเคียงข้างกัน หม่าซูฮวาหลับตาลงโดยไม่รู้เลยว่าสายตารักใคร่คู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมายังเธอ หลิวเฟยเฉิงเมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะลืมตา เขาก็รีบหลับตาลงทันที หญิงสาวเห็นช่นนั้นจึงได้แอบมองเสี้ยวหน้าของเขา “แอบมองฉันเหรอ” หญิงสาวสะดุ้งก่อนส่ายหน้า เธอเดินนำออกไป หม่าซูฮวาซื้อผ้าเพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อให้ลูกชายเนื่องจากหลิวเฟยหรงนั้นใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ มานานหลายปีแล้ว เธอเองก็ไม่กล้าเจียดเงินไปซื้อกลัวว่าจะทำให้แม่สามีสงสัย และเข้ามารื้อค้นเอาเงินที่เธอซ่อนไว้ไป รอจนเวลาบ่ายคล้อย ทั้งหมดก็เดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน หลายวันต่อมาหลิวเฟยเฉิงและหม่าซูฮวาแบกจอบเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันเตรียมหน้าดินเพื่อปลูกผัก ยามนี้ต้าหวังแข็งแรงขึ้นมาก มันสามารถวิ่งเล่นกับหลิวเฟยหรงได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หลิวเฟยเฉิงเห็นว่ามีไม้ที่เหลือจากการเผาฝืน เขาจึงได้แบ่งมาทำบ้านให้ต้าหวัง โดยนำไม้มาตั้งเรียงค้ำกันมัดด้วยเชือกแน่นหนา โดยเขาได้ผ่าไม้ให้บางเพื่อที่จะได้มีน้ำหนักเบาและยกเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก “เล่นเสร็จก็รีบไปอาบน้ำนะลูก” หม่าซูฮวาเอ่ยกับลูกชายที่วิ่งซุกซนล้มกลิ้งจนเสื้อเปรอะเปื้อน เธอเห็นว่าเฟยหรงกำลังสนุกสนานก็ไม่อยากขัด ปล่อยให้เด็กชายเล่นกับต้าหวังพักใหญ่ ก่อนที่สองเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์จะนอนแผ่หมดแรง ต้าหวังเลียหน้าเลียตาเฟยหรงก่อนที่มันจะงับรองเท้าเขาและวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน “ต้าหวัง เอาคืนมา” เด็กชายลุกขึ้นก่อนไล่ตามเจ้าหมาน้อยไป โดยมีสายตาของผู้เป็นแม่มองตาม เธอหัวเราะด้วยความขบขันเมื่อเห็นความเฉลียวฉลาดของเจ้าหมาตัวน้อย “มันน่ารักใช่ไหม” หลิวเฟยเฉิงเห็นภรรยาเอ็นดูเจ้าต้าหวังก็รู้สึกว่าเขานั้นคิดไม่ผิดท่ามันกลับมาด้วย บ้านหลังนี้ดูมีความสุขมากขึ้นหลังจากที่มีเจ้าหมาน้อยเข้ามาเติมเต็ม หลิวเฟยหรงก็กลายเป็นเด็กที่สดใส ต่างจากเมื่อก่อนที่เคยอมทุกข์และดูหวาดกลัวตลอดเวลา “ต้าหวังน่ารักและเป็นเพื่อนที่ดีของอาหรงด้วย” เห็นลูกชายมีความสุขเธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หยิงสาวไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมีวันนี้ วันที่เธอหลุดพ้นจากครอบครัวตระกูลหลิว วันที่เธอจะได้สามีคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม วันที่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างและได้ยินเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขของลูกชาย สิ่งเหล่านี้คือความหวังและความฝันที่เธอถวิลหามาตลอดหลายปี “ฉันดีใจที่เห็นเธอและลูกมีความสุข” เผลอเป็นไม่ได้ หลิวเฟยเฉิงจะต้องโอบกอดภรรยาอยู่เสมอ เขามีความสุขที่ได้สูดดมกลิ่นกายหอมละมุนของเธอ แม้ว่าหม่าซูฮวาจะทำงานหนักและไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองนัก แต่เธอก็ยังคงงดงามอยู่เสมอในสายตาของเขาและคนทั่วไป “แล้วพี่มีความสุขไหม เหนื่อยรึเปล่า” หญิงสาวอยากรู้ว่าเขามีความสุขบ้างหรือไม่ อยู่ที่นี่มีแต่ความลำบาก ต้องตรากตรำทำงานหนัก เธอจึงกลัวว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานและหนีกลับปักกิ่ง หลิวเฟยเฉิงส่ายหน้าช้า ๆ เขาไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร แม้บางครั้งจะเหนื่อยแค่ไหน แต่เมื่อกลับมาเห็นหน้าหม่าซูฮวาและลูก ความเหนื่อยนั้นก็สลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น “ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแต่ฉันก็ไม่ไปจากเธอเด็ดขาด” ความสุขของเขาคือการได้อยู่กับหม่าซูฮวาและลูก ฉะนั้นแล้วต่อให้ได้ใช้ชีวิตสุขสบายแต่ไม่มีเธอก็ไม่ประโยชน์อันใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD