การเดินทางที่ไม่สะดวกสบายนักกับด้วยระยะทางสองพันกิโลทำให้กินเวลานานหลายวัน เด็กชายเริ่มงอแงเพราะทั้งเหนื่อยและหิว หม่าซูฮวาหยิบขนมแป้งทอดออกมาจากห่อผ้าก่อนจะยื่นให้ลูกชายและสามีคนละก้อน
หลิวเฟยเฉิงสังเกตเห็นว่าภรรยาของเขานั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากปักกิ่ง เขาจึงได้ฉีกแป้งทอดออกเป็นสองส่วนและยื่นให้หญิงสาว แต่หม่าซูฮวากลัวว่าสามีนั้นจะไม่อิ่มเธอจึงปฏิเสธ โดยอ้างว่ายังไม่หิวทั้งที่ความจริงแล้วเธอหิวจนไว้แทบขาด
“ถ้าเธอไม่กิน ฉันก็ไม่กิน”
ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะวางก้อนแป้งลงข้างกาย หญิงสาวไม่ต้องการให้สามีอดอาหารจึงได้ยอมแบ่งก้อนแป้งทอดมาจากเขา แม้จะเป็นมื้ออาหารง่าย ๆ แต่ทั้งสามก็มีความสุข
รถไฟเคลื่อนไปข้างหน้ามุ่งตรงไปยังกวางซี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหญิงสาว ตึกรามบ้านช่องค่อย ๆ เลือนหาย สองข้างทางเป็นป่ารกชันและบางพื้นที่ยังเป็นหุบเขาอันตราย โชคดีที่ไม่มีหินก้อนใหญ่กลิ้งตกลงมาขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวผ่าน หลิวเฟยเฉิงห่มผ้าให้ลูกชายที่นอนหนุนตักก่อนที่เขาจะเอนศีรษะซบลงบนไหล่หญิงสาว
หม่าซูฮวานอนไม่หลับ มองสามีแล้วก็นึกสงสารที่เขานั้นยอมตัดขาดจากครอบครัวไปตายเอาดาบหน้ากับเธอ
มือบางลูบแก้มสากอย่างเบามือก่อนที่เธอจะดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายเขาไว้เพื่อคลายความหนาวเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
ในความมืดมิดรถยังคงแล่นไปเรื่อย ๆ สองข้างทางนั้นเงียบสงัด หญิงสาวหยิบก้อนแป้งทอดที่เหลือออกมาจากกระเป๋า แต่เมื่อมองไปยังสามีและลูกชาย เธอก็กินไม่ลงตัดสินใจเก็บใส่ห่อกระดาษตามเดิม
รถไฟจอดเทียบสถานีกวางซี เด็กชายเดินงัวเงียลงมาพร้อมผู้เป็นพ่อ หม่าซูฮวาพาทั้งสองมาที่ร้านค้าซึ่งเจ้าของเป็นสหายสนิทของเธอสมัยเรียนประถม ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าสหายที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปีปรากฏตัวขึ้นก็ดีใจรีบเชิญทั้งหมดเข้าไปในร้านค้าเล็ก ๆ ของเขา
“ไปอยู่ปักกิ่งตั้งนาน เป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวเพียงยกยิ้มไม่ได้ตอบอะไร ครั้นจะบอกว่าดีก็เป็นการโกหกเสียเปล่า ๆ แต่จะให้เล่าเรื่องเลวร้ายที่เคยพบเจอเธอก็ไม่อยากที่จะนึกถึง หญิงสาวดึงกล่องไม้ออกมาจากห่อผ้าก่อนจะหยิบเงินออกมาและยื่นให้สหาย
“ยังมีบะหมี่ผัดอยู่ใช่ไหม”
ชายร่างท้วมพยักหน้าก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในครัว เพียงครู่เดียวกลิ่นหอมก็โชยออกมา กระตุ้นความหิวโหยของคนทั้งสาม
บะหมี่ผัดสีเหลืองน่ากิน มีเต้าหู้และเห็ดหอม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วและน้ำมันงา หลิวเฟยหรงคีบบะหมี่คำใหญ่เข้าปากก่อนเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย หลิวเฟยเฉิงแม้จะหิวมากแต่ก็คอยเช็ดปากให้ลูกชาย
สหายของหญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกยินดีที่หม่าซูฮวาได้หลิวเฟยเฉิงเป็นสามี แต่หารู้ไม่ว่าก่อนที่เธอจะพบเจอความสุขเช่นนี้ต้องผ่านความทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด
“เอาอีกไหม”
หญิงสาวส่ายหน้า เธอมีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าบะหมี่อีกแล้ว เงินที่เหลือต้องใช้เพื่อจ้างเกวียนให้ไปส่งเธอในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้ากิโล
“พวกเราอิ่มแล้ว ต้องเก็บเงินที่เหลือเพื่อจ้างเกวียนไปส่ง”
สหายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะพาทั้งสามเดินมาข้างบ้าน เกวียนขนาดกลางบรรจุคนได้ราว ๆ ห้าถึงหกคนจอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มตะโกนเรียกน้องชายให้ออกมาก่อนที่เขาจะพาทั้งสามไปส่งในหมู่บ้าน
เส้นทางนั้นค่อนข้างขรุขระ สองข้างทางมีบ้านแต่ถึงอย่างนั้นพื้นที่ส่วนมากก็ยังคงเป็นป่าอยู่ดี หลิวเฟยเฉิงสูดลมหายใจลึก อากาศบริสุทธิ์ทำให้เขาคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านก็พบว่าที่นี่เป็นแหล่งอาศัยขนาดใหญ่ มีบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เริ่มคิดหาช่องทางทำมาหากิน
“บ้านพ่อกับแม่ฉัน”
บ้านหลังเล็กขนาดกะทัดรัด ด้านข้างมีต้นบ๊วยและต้นพุทราปลูกเรียงรายหลายสิบต้น หม่าเหลียงกำลังลากซากสัตว์ออกมาจากถังไม้ก่อนที่เขาจะโยนขึ้นไปบนเกวียนที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
พ่อค้าที่เข้ามารับซื้อสัตว์ป่ามอบถุงเงินให้ชายชราก่อนที่เกวียนจะเคลื่อนตัวและหยุดลงหน้าบ้านหลังถัดไป หลิวเฟยเฉิงมองตามพ่อค้าผู้นั้นตาไม่กะพริบ พลางครุ่นคิดอะไรไปด้วย หม่าซูฮวากระตุกชายเสื้อสามีก่อนที่ทั้งสามจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ
“พ่อ”
หญิงสาวเอ่ยเรียกชายชราก่อนที่เขาจะหันมาและหรี่ตามองคนทั้งสอง เมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาวรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาไม่รอช้ารีบตะโกนเรียกภรรยาให้ออกมา
ซูเพ่ยถือหม้อออกมาด้วย เมื่อเห็นลูกสาวและหลานชาย เธอก็แทบจะโยนสิ่งที่อยู่ในมือทิ้ง สองแม่ลูกกอดกันด้วยความคิดถึง ก่อนที่หญิงชราจะย่อกายสวมกอดเด็กชายตัวน้อย พลางหอมแก้มเขาซ้ายทีขวาที
หลิวเฟยหรงย่นคอหนีก่อนจะหัวเราะเสียงใส แม้เขาจะจำผู้เป็นยายไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นความโยนอ่อนและความใจดีที่สะท้อนออกมาจากแววตา ก็ทำให้เขาสนิทกับอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว สองยายหลานเดินจูงมือกันเข้าไปในบ้าน ก่อนที่หญิงสาวจะพาชายหนุ่มเดินสำรวจรอบบ้านของเธอ
ทั้งสองลงไปที่ห้องใต้ดิน ที่นี่เป็นที่นอนชั่วคราวของพวกเขา เนื่องจากว่าบ้านหลังนี้คับแคบมีเพียงห้องนอนห้องเดียว ทั้งสามชีวิตจึงต้องมาอาศัยอยู่ด้านล่างนี้ก่อน รอให้มีทุนรอนค่อยต่อเติมบ้าน
สองสามีภรรยาช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู หญิงสาวนำไม้กระดานมาวางเรียงกัน ถมจนสูงเพื่อยกขึ้นจากพื้นก่อนจะปูด้วยฟูกหนา ขณะนั้นหลิวเฟยเฉิงก็เหลือบไปเห็นบานประตูใต้บันได เขาใช้แรงดึงอยู่นานก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก แสงสว่างวาบขึ้นทำให้สองสามีภรรยานั้นหลับตาลงพร้อมกัน
“นี่มันอะไร”
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ด้านหลังบานประตูแห่งนี้คือสถานที่คุ้นตาที่เขานั้นเพิ่งจากมาได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มไม่รอช้าก้าวขาเข้าไปด้านใน หม่าซูฮวาเป็นห่วงสามีจึงรีบวิ่งตามเข้าไป
หญิงสาวตื่นตะลึง มองไปรอบ ๆ พบเจอและข้าวของเครื่องใช้หน้าตาประหลาด ทั้งที่นี่ยังเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ เพราะเพียงแค่มองออกไปด้านนอกก็พบกลุ่มเมฆสีขาวลอยอยู่ไม่ไกล
“มีที่แบบนี้อยู่ในบ้านฉันได้ยังไง”
หยิงสาวมองย้อนกลับไปที่ประตูก่อนจะพบว่าอีกฝั่งนั้นคือห้องใต้ดิน แต่หากเทียบกับที่นี่แล้วนั้นต่างกันราวกับฟ้าและเหว ก้มมองพื้นมันวาวก็พบว่ามันใสจนแทบจะสะท้อนใบหน้าเธอได้อย่างชัดเจน
“ที่นี่คือบ้านของฉัน”
หญิงสาวไม่เข้าใจ ที่นี่คือบ้านของเธอต่างหาก เพียงแต่ทำไมเธอไม่เคยรู้ว่ามีห้องนี้ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน
หลิวเฟยเฉิงเดินไปที่กรอบรูปขนาดใหญ่ก่อนที่เขาจะชี้ให้หญิงสาวดู รูปแต่งงานของเขากับหม่าซูฮวาถูกแขวนอยู่บนผนัง มันใหญ่โตจนหญิงสาวนั้นถึงกับจ้องมองตาไม่กะพริบ
ผู้หญิงในรูปใบหน้าเหมือนเธอราวกับคนเดียวกัน ทั้งยังสวยงามและดูสะอาดสะอ้าน แตกต่างจากเธอที่ดูมอซอกว่าทั้งผิวยังแห้งกร้านไม่ดูมีน้ำมีนวลเหมือนผู้หญิงในรูปนั้น
ชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องเก็บของก่อนที่เขาจะพบว่าทุกอย่างที่เก็บไว้ทวีคูณขึ้นหลายเท่า อุปกรณ์เดินป่าและล่าสัตว์ทำให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อครู่เขาเห็นหม่าเหลียงโยนสัตว์ป่าขึ้นเกวียนพ่อค้า ทั้งยังเห็นว่ากวางเพียงหนึ่งตัวนั้นสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่หากมีอุปกรณ์ดี ๆ ที่สามารถล่าสัตว์ได้จากระยะไกลคงจะดีไม่น้อย
ชายหนุ่มคิดคำนวณก่อนที่เขาจะหยิบหน้าไม้และปืนแก๊ปออกมาจากวางกองไว้ หญิงสาวหรี่ตามองด้วยจะเอ่ยถามขึ้น
“อะไรเหรอคะ”
เห็นสามีรื้อค้าข้าวของเธอก็รู้สึกแปลกใจ
“ไว้ฉันจะบอกนะ แต่ตอนนี้ช่วยยกของพวกนี้ไปไว้ตรงนั้นให้หน่อย”
หญิงสาวช่วยเขายกของทั้งหมดนำไปวางไว้ในห้องใต้ดิน หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็ปิดประตูลง ก่อนจะยืนอยู่ตรงนั้นนานหลายนาทีและเปิดเข้าไปอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าห้องของเขายังอยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มก็รู้สึกดีใจ
“ของพวกนี้เอาออกมาทำไม”
ชายหนุ่มหยิบหน้าไม้ขึ้นมาก่อนจะอธิบายให้หญิงสาวฟังว่ามันคืออะไร
“ใช้สำหรับล่าสัตว์ ใช้กับลูกดอก ล่าสัตว์เล็ก”
เขาวางหน้าไม้ลงก่อนที่จะหยิบปืนขึ้นมา หญิงสาวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอันตราย หลิวเฟยเฉิงรวบเอวภรรยาเข้ามาใกล้ก่อนที่เขานั้นจะสอดนิ้วเข้าไปในไกปืน
“นี่เป็นปืนล่าสัตว์ใหญ่ ถ้ามีสิ่งนี้จะทำให้ล่าสัตว์ได้มากขึ้น”
หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะเข้าใจทันทีว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้นำสิ่งของเหล่านี้ออกมาจากห้องลึกลับ
ห่างออกไปจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเป็นปากทางเข้าป่า ในทุกวันชาวบ้านจะรวมตัวเพื่อเข้าไปล่าสัตว์นำมาทำอาหารและนำไปขาย ป่าที่อุดมสมบูรณ์มีสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งกระต่าย หมาป่า หมูป่า เสือ สิงโตหรือแม้กระทั่งช้าง เพียงแต่สัตว์ที่ชาวบ้านนิยมล่านั้นคือกวางและเก้ง เนื่องจากพบเห็นได้ง่ายกว่าและสามารถใช้ธนูในการล่าได้
“พี่จะเข้าไปล่าสัตว์กับพ่อฉันเหรอ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ณ เวลานี้เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร จึงอยากที่จะตามพ่อตาเข้าไปล่าสัตว์ในป่ามาขาย อย่างน้อยก็ยังพอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเล็ก ๆ ของเขา