เมาเหรอ... คงไม่ใช่
แต่ถ้ามึน ๆ ... ก็อาจจะใช่
ปอไหม วรกิจธาดา ดื่มไวน์ไปเพียงสี่แก้วเท่านั้น แต่เพราะรู้สึกมึนงงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้เธอรู้สึกมึนมากขึ้น เธออยากเมา และไม่อยากรับรู้อะไรอีก... ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังเจ็บปวดมาก ทั้งที่เป็นวันวาเลนไทน์แท้ ๆ แต่เธอกลับถูกแฟนทิ้งอย่างไม่ไยดีอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากที่ความสัมพันธ์ตลอดสามปีที่เฝ้าทะนุถนอมมาสิ้นสุดลง มันทำให้หัวใจของเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
ขณะกลืนของเหลวที่เหลืออยู่ในแก้วลงคอ ปอไหมก็ไม่ลืมพร่ำบอกตัวเองในใจว่า ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย ในเมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่า
ก่อนหน้านี้เธอเป็นแฟนกับบอล เธอกับเขาคบกันมาได้สามปี และเข้ากันได้ดีมาก เธอคิดว่าบอลจะเข้าใจถึงสาเหตุที่เธอยังไม่ยอมนอนกับเขาเพื่อก้าวข้ามความสัมพันธ์ไปอีกขั้นเสียอีก เพราะเขาควรจะเข้าใจสิว่าที่ผ่านมาเธอต้องแบกรับหนี้สินของครอบครัวไว้มากถึงสิบล้าน ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตแบบประหยัดในทุก ๆ ทางเท่าที่จะทำได้ ต้องทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น อีกทั้งยังต้องทำงานพิเศษหลังจากเลิกงานประจำอีกด้วย มันทำให้เธอไม่มีเวลามาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเซ็กซ์
ทว่านั่น… กลับกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้บอลเบื่อเธอจนถึงขั้นขอเลิก ก่อนที่เขาจะมาเฉลยในภายหลังว่า เขาเจอผู้หญิงคนใหม่ที่พร้อมจะเป็นของเขาทั้งกายและใจแล้ว
ปอไหมกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านอาหารอันเงียบสงบ เห็นทุกคนมากันเป็นคู่ ไม่มีใครมาคนเดียวอีกแล้วนอกจากเธอและผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง… เขากำลังถือแก้วจ้องมองเก้าอี้ว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามตัวเอง จัดว่าเป็นเป้าหมายเดียวของเธอที่หลงเหลืออยู่ภายในที่แห่งนี้
ใช่แล้ว… ปอไหมกำลังหาคนนอนด้วย เพื่อลิ้มรสเซ็กซ์ครั้งแรกในชีวิต ด้วยรู้สึกเสียดายชุดสวย ๆ ที่สวมใส่มาฉลองวาเลนไทน์กับอดีตคนรักในวันนี้ เธออยากให้บอลเห็นว่า เขาโง่แค่ไหนที่ทิ้งเธอไป
ทว่าติดอยู่อย่างเดียว… คือผู้ชายตรงมุมห้องคนนั้นดูน่ากลัวเกินไป
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ดูบรรยากาศซึ่งอบอวลไปด้วยความรัก ก่อนหันมาบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด
"น่าเบื่อชะมัด... "
เจ้าของดวงหน้าสวยพยายามหาเหยื่อรายใหม่ แต่ไม่พบใครอีกแล้วนอกจากชายผู้ปล่อยออร่าความน่ากลัวคนนั้น เธอจึงได้แต่หวังว่าเขาจะยังไม่ได้แต่งงาน หรือกำลังรอแฟนอยู่
ปอไหมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรเลือกทางไหนดี ระหว่างเข้าไปหาเขา กับกลับบ้านไปนอน…ทว่าในที่สุดเธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มียืนขึ้น ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของชายลึกลับซึ่งนั่งอยู่คนเดียวตรงมุมร้าน เธอมองหน้าเขานิ่งงัน ขณะที่ความเย็นชาสะท้อนออกมาทางสายตาเขาอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นปอไหมก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่เธอกำลังจะทำต่อจากนี้นั้น… ใช่ความปรารถนาของเธอจริง ๆ หรือ
หญิงสาวแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรก่อนดี ด้วยสายตาของเขาที่มองมานั้น ทำให้เธอเสียสมาธิ มันดูอันตรายอย่างไรชอบกล…
ปอไหมไม่กล้าขยับตัว ตอนนี้แอลกอฮอล์ทั้งหมดในร่างกายเธอเบาบางลงไปมากแล้ว ความกล้าจึงเหือดหายไปด้วย เธอจึงต้องรวบรวมความกล้าและหน้าทนที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมาแทนโดยไม่สนใจสายตาของอีกฝ่าย
"คืนนี้คุณมีคู่เดตไหมคะ" เธอถามพร้อมรอยยิ้ม ตั้งใจไว้ว่าคืนนี้จะไม่ทำตัวน่าสงสารให้ใครเห็นเด็ดขาด แม้ว่าจะเพิ่งถูกแฟนทิ้งมาหมาด ๆ ก็ตาม
ผู้ชายตรงหน้าไม่ตอบคำถาม ปอไหมเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ความเงียบที่เกิดขึ้นกำลังทำลายความมั่นใจของเธอลงอย่างช้า ๆ เธอจึงพูดต่อว่า
"คืนนี้เราไปวันไนต์สแตนด์กันดีไหมคะ ฉันแค่อยากนอนกับผู้ชายสักคน…” หญิงสาวนึกขอบคุณแอลกอฮอล์ที่ทำให้เธอมีความกล้าหาญแบบนี้… ซึ่งหากเขาไม่ต้องการ เธอก็จะไปหาผู้ชายคนอื่นแทน ไหน ๆ คืนนี้ก็เตรียมพร้อมมาแล้วทั้งหน้า ผม ดังนั้นจะให้เสียเที่ยวไม่ได้
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาคนเดิมก็ยังคงนิ่งเงียบ ปอไหมจึงตัดสินใจตัดบท
“โอเค งั้นไม่เป็นไรค่ะ… ขอบคุณ" เธอหันหลังกลับโดยไม่มองเขาอีก จังหวะนั้นพลันเกิดอาการเซเล็กน้อย รู้สึกเวียนหัวและเริ่มตาลายด้วยฤทธิ์น้ำเมา เธอหยุดเดินแล้วมองไปรอบ ๆ สังเกตเห็นผู้ชายอีกคนยืนอยู่คนเดียวทางขวามือไม่ไกลจากประตูพอดี จึงรีบตรงไปหาเขา "เอ่อ สวัสดีค่ะ... "
"เดี๋ยวผมพาคุณไปที่ห้องเอง" ชายแปลกหน้าพูดขึ้นโดยที่ปอไหมยังไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าคำว่าสวัสดี พร้อมทั้งทำท่าทางผายมือให้เธอเดินตาม หญิงสาวยกคิ้วขึ้น รู้สึกว่าเขาดูกระตือรือร้นที่จะพาเธอขึ้นห้องมากเกินไปหน่อย "เชิญเข้าไปในลิฟต์ครับ"
ชายหนุ่มย้ำเมื่อเธอยังคงไม่ขยับตัว เธอหรี่ตามองเขาอย่างสำรวจ
“คุณคงไม่ใช่ฆาตกรที่ชอบฆ่าหั่นศพคนหรอกใช่ไหมคะ จะหลอกฉันไปฆ่าหรือเปล่า ฉันแค่มาหาความสนุกใส่ตัวเท่านั้นเองนะ ไม่ได้วางแผนที่จะขึ้นข่าวหน้าหนึ่งว่าถูกฆ่าตายนะคะ”
ปอไหมเห็นเขายิ้มอย่างขบขัน สติที่มีอยู่น้อยนิดทำให้เธอเริ่มกลัวขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า โรงแรมห้าดาวแห่งนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมายาวนาน คงไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรอกมั้ง ที่นี่รองรับเฉพาะแขกกระเป๋าหนักเท่านั้น อีกทั้งห้องอาหารยังต้องทำการจองล่วงหน้าถึงหนึ่งเดือนกว่าจะได้โต๊ะว่าง ดังนั้นเขาคงไม่ทำอะไรเธอหรอก… ในเมื่อเขาดูสุภาพและให้เกียรติเธอแบบนี้ หรือถ้าหากเขาอยากปล้นเธอจริง ๆ ละก็ อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีของมีค่าหรือเงินทองติดตัวให้อยู่แล้ว
"ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอนครับคุณผู้หญิง” เขาตอบในขณะที่สบตาเธอ
"โอเคค่ะ" ปอไหมยักไหล่ก่อนเดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีผู้ชายคนนั้นเดินตามเข้ามา ตลอดเวลาที่ลิฟต์พาขึ้นไปบนชั้นที่สูงขึ้นนั้น ไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งสิ้น ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ หญิงสาวคิดว่าไหน ๆ ก็กำลังจะเสียตัวให้เขาอยู่แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะถามชื่อเขาก่อนดีไหม… แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าหลังจากนี้คงไม่มีเหตุให้ต้องเจอเขาอีก แค่นอนด้วยกันคืนนี้แล้วก็ต่างคนต่างไป เธอจะกลับไปบ้างานเพื่อหาเงินเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน
เสียงประตูลิฟต์เปิดออก ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง ชายหนุ่มผายมือให้เธอเดินออกไปก่อน โดยเขาคอยกั้นประตูลิฟต์รอ
ปอไหมเห็นประตูขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ทำให้เกิดสงสัยขึ้นมาว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ พื้นที่ทั้งชั้นดูเหมือนจะเป็นของเขาคนเดียวเลย… ไหนจะมีบอดีการ์ดหลายคนกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ บริเวณอีก
คนตัวสูงใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้อง พอเธอก้าวเข้ามาข้างใน ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างทันที ภายในห้องนั้นตกแต่งได้สวยหรูมาก พื้นที่กว้างขวางแสดงถึงความร่ำรวยของเขา หญิงสาวมัวแต่สำรวจห้องจนลืมสนใจเขา ก่อนจะรู้ตัวอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกไปไกล
"นั่นคุณกำลังจะไปไหนคะ"
"ไม่ต้องกังวล ทำตัวตามสบายเถอะครับ อีกไม่นานบอสของผมจะมาที่นี่" ชายหนุ่มทิ้งเครื่องหมายคำถามตัวโตให้ไว้ ก่อนปิดประตูหนีไป ไม่ให้โอกาสปอไหมได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
“เขาพูดว่าไงนะ บอสเหรอ !”