“สวัสดีค่ะคุณปอไหม” จินดาแม่บ้านทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะป้าจินดา” เธอทักทายกลับ กลัวว่าจินดาจะสังเกตเห็นดวงตาบวมแดงของตัวเอง แต่ก็ต้องรู้สึกขอบคุณเมื่อหล่อนไม่ถาม
“คุณปอไหมทานข้าวเย็นหรือยังคะ”
“ค่ะ ไหมทานกับเพื่อนมาแล้ว คืนนี้ป้าไปพักผ่อนเถอะ ไหมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ปอไหมยิ้มขณะเดินขึ้นบันได เมื่อเข้าไปในห้องนอนใหญ่เธอก็รู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อรู้ว่าตอนนี้สายฟ้ากำลังอยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าห้องนี้จะบีบรัดเธอแน่นมากเกินไป
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ที่นี่คือบ้านของเธอมาหกเดือนแล้ว เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับสายฟ้า ความทรงจำถูกถักทอไว้ภายในห้องนี้ เธอรู้ว่าตัวเองคงนอนไม่หลับ จึงทำความสะอาดห้องใหม่เอี่ยม ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอิน ซึ่งหลังจากเก็บผ้าปูที่นอนแล้ว ก็จัดการทำความสะอาดพื้นพรมทุกซอกทุกมุม ลบความทรงจำทั้งหมดที่เคยสร้างขึ้น
ก่อนรุ่งสาง ปอไหมมองไปรอบ ๆ ห้อง พลางยิ้มให้กับการทำงานหนักของตัวเอง เธอเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็ซักผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้วและเสื้อคลุม ตรวจเช็กห้องน้ำให้สะอาดเหมือนเดิมอีกครั้ง นำขยะไปทิ้ง รวมทั้งพับเครื่องนอนซักแล้วไว้อย่างเรียบร้อย หญิงสาวฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง กลิ่นที่ฉีดไปเมื่อครู่ได้ลบร่องรอยความทรงจำของเธอออกไปแล้ว มั่นใจได้ว่าไม่มีร่องรอยของตนเองหลงเหลืออยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของห้อง ตอนนี้อุปกรณ์อาบน้ำทั้งหมดถูกจัดเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับกระเป๋าเดินทางของเธอ
ภารกิจสุดท้ายที่ต้องทำในวันนี้ คือเดินไปที่โต๊ะข้างเตียง แล้วดึงกระดาษที่เตรียมไว้หกใบออกมา ปอไหมยิ้มอย่างขมขื่น หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเซ็นชื่อลงบนเอกสาร เหลือบมองไปยังอีกส่วนหนึ่งของกระดาษซึ่งมีชื่อของสายฟ้าพิมพ์อยู่ ไม่ช้าเขาคงจะเซ็นชื่อลงบนเอกสารเช่นกัน และจากนั้นเธอกับเขาก็จะกลับมาเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีกครั้ง ความสัมพันธ์ทั้งหมดจะถูกตัดขาด
ปอไหมไม่อยากคร่ำครวญอีก จึงรีบเก็บกระดาษใส่ลิ้นชักพร้อมกับการ์ดที่สายฟ้ามอบให้เธอ เธอจะนำเฉพาะสิ่งที่เธอเป็นเจ้าของออกไปด้วยเท่านั้น ยามที่น้ำตาเอ่อล้นออกมา เธอก็เช็ดมันออกทันที เธอร้องไห้มามากพอแล้ว และไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องไห้อีก ใบหน้าสวยมองดูภายในห้องเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งใจว่าจะนำความทรงจำทั้งหมดที่มีกับสายฟ้าไปด้วย แค่ความทรงจำเท่านั้น ไม่ใช่สถานที่ เพราะเธอไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอเลย แต่เพราะว่าสายฟ้าและคนที่นี่ใจดีกับเธอ เธอจึงสนิทด้วย
“ฉันจะไม่ก้าวเข้ามาในห้องนี้อีก นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน” ปอไหมพึมพำเตือนตัวเอง ตั้งใจจะจากไปราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสถานที่แห่งนี้
บัดนี้ภายในห้องไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่กลิ่นหรือเส้นผมของเธอแม้แต่เส้นเดียว เธอจัดห้องเหมือนครั้งแรกที่มาถึง แม้กระทั่งเครื่องนอนและการจัดอุปกรณ์อาบน้ำในห้องน้ำ ไม่ทิ้งร่องรอยว่าเคยอยู่ที่นี่ไว้ ทับทิมจะไม่มีวันรู้ว่าเธอเคยอาศัยอยู่ ราวกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน…
เมื่อลงไปยังชั้นล่าง หญิงสาวพบว่าจินดากำลังรอเธออยู่ เธอวางกระเป๋าลงตรงเชิงบันไดแล้วยิ้มให้หัวหน้าแม่บ้าน
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” จินดาเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงทั้ง ๆ ที่น้ำตาเอ่ออยู่รอบดวงตา เธอเห็นกระเป๋าของปอไหมแล้ว แต่กลับไม่ถามอะไร ปอไหมเดินตามเธอไปที่ห้องอาหารด้วยรอยยิ้ม ก่อนนั่งรับประทานอาหารเช้าอย่างสบาย ๆ เหมือนทุกเช้าก่อนที่จะไปทำงาน
“ทานด้วยกันสิคะ... ป้าจินดาทำไว้เยอะมากเลย ไหมทานคนเดียวไม่หมดหรอก” ปอไหมพูดขณะมองไปรอบ ๆ “ทุกคนมาทานด้วยกันเถอะค่ะ”
เธอพูดอย่างร่าเริงและทำท่าทางเชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งลง เหล่าแม่บ้านทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนทานอาหารกันอย่างเงียบ ๆ จนหมด ความเงียบปกคลุมขณะที่ต่างคนต่างจ้องมองจานเปล่า
“อืม... ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ ขอบคุณที่ทานด้วยกัน” ปอไหมพูด ทำลายเงียบอันน่าขนลุกนี้ “ไหมรู้สึกได้รับความรักจากพวกคุณทุกคนมาตลอด และดีใจมากที่รู้จักทุกคนที่นี่ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
หญิงสาวพยายามปลอบใจทั้งตัวเองและทุกคน ในขณะที่ทุกคนพยักหน้าและยิ้มตาม แม้จะมีน้ำตาคลอเบ้า ปอไหมไม่อยากร้องไห้ ทว่าน้ำตากลับไหลออกมาอย่างไม่เชื่อฟัง เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนก่อนที่เขื่อนจะแตก
“ไหมจะไปทำงานแล้ว…”
ระหว่างที่กำลังจะหันหลังกลับ จินดาก็เข้ามากอดเธอเอาไว้ จากนั้นทุกคนก็เดินตามมากอดเธอเช่นกัน
“ขอให้คุณไหมมีความสุขนะคะ หวังว่าเราจะได้ทานอาหารร่วมกันอีกครั้งนะคะ” จินดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปอไหมไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ยิ้มและพยักหน้าให้ทุกคน เธอไม่สามารถสัญญาได้ เพราะไม่รู้ว่าจะไม่มีวันได้กลับมาอีกหรือเปล่า
ปอไหมสูดหายใจเข้าลึก ๆ และยิ้มให้ทุกคนขณะโบกมือ ร่ำลาครอบครัวของสายฟ้าทั้งน้ำตา เธอจะจดจำประสบการณ์และช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่ได้ใช้ร่วมกับผู้คนเหล่านี้ไว้ ผู้คนที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน… แต่น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้ไม่เคยเป็นบ้านของเธอจริง ๆ เลย
หญิงสาวหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู ขณะก้าวออกไปข้างนอก เธอไม่หันกลับไปมองความหรูหราที่เคยได้รับอีก สิ่งที่เธอนำติดตัวไปด้วยมีเพียงความทรงจำที่น่ายินดีและเจ็บปวดเท่านั้น
“ได้เวลากลับบ้านแล้วปอไหม” เธอกระซิบกับตัวเองขณะเรียกแท็กซี่ “ต้องเดินทางอีกหลายชั่วโมงเลย คงเหนื่อยน่าดู”
ปอไหมมองดูทิวทัศน์ที่ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้เห็นอีกครั้งหรือเปล่าผ่านหน้าต่างรถ แม้ว่าจะนั่งเครื่องบินและนั่งเรือต่อไปยังเกาะเปก้าได้ แต่เธอก็เลือกที่จะเดินทางด้วยรถบัสแทน เพราะอยากคิดและทำจิตใจให้ผ่องใสก่อนที่จะเผชิญหน้ากับคนที่รู้จักเธอดีที่สุด
นอกจากนั้นเธอยังอยากรู้สึกถึงระยะห่างอันแสนสาหัสระหว่างตัวเองกับสายฟ้าด้วย เธออยากย้ำเตือนตัวเองให้รู้ว่าสายฟ้าอยู่ห่างไกลมากแค่ไหน ทั้งยังต้องการระยะห่างที่จะช่วยทำให้ตื่นจากจินตนาการทั้งหมด สายฟ้าสูงส่งเกินไป ในขณะที่เธอเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอื้อมถึงเขา และเขาเองก็คงไม่ลงมาหาเธอเช่นกัน… เธอกับเขาอยู่กันคนละโลก สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือเข้าใจว่า สายฟ้าเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ เธอมีสิทธิ์แค่ได้มองเขาอยู่ไกล ๆ เท่านั้น แต่ไม่สามารถมีเขาไว้ในครอบครองได้ ไม่เช่นนั้น เธออาจถูกเผาไหม้จนตาย…