ใช้เวลาสะสางนานหลายชั่วโมง รู้อีกทีท้องฟ้าจากที่เคยสว่างสดใสเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ดวงตะวันลาลับ ก้อนเมฆขมุกขมัวเคลื่อนตัวมาเกาะกันเป็นกลุ่มก้อน และไม่ทันไรสายฝนห่าใหญ่ก็พากันเทกระหน่ำ ซ่า... ผมแหงนหน้าขึ้นฟ้า ปล่อยให้สายน้ำชะล้างคราบเลือดของไอ้เปลวที่เปรอะเลอะเต็มหน้า รวมถึงร่างกายกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งถูกย้อมด้วยสีจากโลหิต “หึ...” ขณะแน่นิ่งกลางสายฝนและอุณหภูมิที่เรียกได้ว่าเย็นเฉียบ มุมปากพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยอมรับอย่างซื่อตรงว่าความโกรธแค้นจากเรื่องราวในอดีตทำให้ผมสาแก่ใจอย่างประหลาด ภาพศีรษะไอ้เปลวยามขาดฉับจากลำคอ สายเลือดที่ทลักทลายหยดแล้วหยดเล่า ปีกที่ถูกเลาะ อวัยวะที่ถูกชำแหละเป็นชิ้นส่วน ...ทั้งหมดนั้นคือตัวแทนของจิตวิญญาณที่แหลกสลายของผม ภาพเหล่านั้นตอกย้ำเป็นคำตอบว่าผมทำถูกต้องแล้ว คนอย่างมันควรค่าแก่การโดนทรมาน ไม่มีเหตุผลให้นึกเสียดาย ปล่อยให้ร่างกายซึมซับความเหน็บหน