“คุณ...เอามือออกได้ไหม” แม้เสียงนั้นจะฟังดูน่ากลัวทว่าฉันไม่ได้ขี้ขลาดถึงขั้นเปลี่ยนใจกลางคัน รีบขยับปากบอกให้คนตรงหน้าเอามือออกไป “แน่ใจเหรอว่าคุณอยากเห็นผมตอนนี้” เสียงทุ้มที่ฟังดูแหบสั่นเล็กน้อยถามย้ำเหมือนอยากให้โอกาสฉันตัดสินใจ “ไม่อยากเห็นจะมานั่งตรงนี้เป็นเพื่อนทำไม” ฉันย้อนถามด้วยน้ำเสียงเข้มข้นออกไปในทางรั้น “ให้หนูดูอะไร มันมืด” หากพูดให้ถูก ไม่ใช่แค่ดวงตาหรอกที่ถูกปิดจนมองไม่เห็นอะไร แต่เพราะขนาดมืออันใหญ่โตของเขาส่งผลให้การบดบังนั้นลามมาถึงปลายจมูกของฉันด้วย “เมื่อกี้มือคุณสั่น ปากก็สั่น” ต่อให้ยืนกรานไปแล้ว ทว่าคุณนิธิศก็หาได้ใจอ่อน มือหนึ่งยังปิดตา ส่วนมืออีกข้างก็กระชับมือฉันแน่น ใช้สัมผัสดังกล่าวปลอบโยนกันทั้งที่ตัวเขาเองต่างหากควรได้รับสิ่งนี้กลับไป เป็นเขาเองไม่ใช่เหรอที่ทุกข์ทรมาน คนที่เสี่ยงจะแหลกสลายอยู่รอมร่ออย่างเขา...ยังกล้ามาโอ๋โอ๋ฉันแค่เพียงเพราะมือสั่นปาก